logo-heading

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และก็มีฐานแฟนบอลมากที่สุดติดอันดับต้นๆ ของโลก ทุกๆ ปีพวกเขาจะถูกจับตามองและตั้งความหวังเอาไปมากเรื่องการล่าความสำเร็จ

การเข้ามาของยอดกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ แน่นอนว่าสถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูดีขึ้นจริงกว่ายุค หลุยส์ ฟาน กัล และ เดวิด มอยส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสในการคว้าความสำเร็จ และการเสริมทัพ รวมไปถึงสถิติต่างๆ มากมาย แต่ในทางกลับกันมันก็มีคำวิจารณ์ในแง่ลบเกิดขึ้นมากมายเช่นกันกับสิ่งที่ มูรินโญ่ ได้พลาดพลั้งไป ดังนั้นเมื่อฤดูกาล 2017-18 มันได้จบไปแล้วเรามาดูบทสรุปกันดีกว่าความพังพินาศของเขานั้นมีอะไรที่น่จดจำบ้าง ??? ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 19 แต้ม โชเซ่ มูรินโญ่ อาจจะพา แมนฯ ยูไนเต็ด จบที่อันดับ 2 ในลีกถือเป็นสถิติที่ดีสุดนับตั้งแต่หมดยุคใต้บัลลังก์ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ก็ต้องบอกว่าพวกเขาแทบไม่ได้เข้าใกล้การลุ้นแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยในปีนี้ เพราะปัญหาเรื่องความคงเส้นคงวามันยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างคะแนนค่อยๆ เพิ่มออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อฤดูกาลสิ้นสุดลง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นรองแชมป์จริงแต่กลับมีแต้มตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ถึง 19 คะแนนถือเป็นสถิติห่างกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีกระหว่างแต้มทีมอันดับ 1 และ 2 ใน โดนหมูตบใน ลีก คัพ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์เก่าในถ้วย ลีก คัพ ของ อังกฤษ เมื่อฤดูกาล 2016-17 พวกเขาเริ่มเส้นทางการป้องกันแชมป์ในปีนี้ได้ดีทีเดียวจากการเชือด สวอนซี ซิตี้ นิ่ม 2-0 ก่อนจะถูกจับมาเจองานเบาในรอบ 8 ทีมกับ บริสตอล ซิตี้ ตัวแทนจาก ลีกรอง เดอะ แชมเปี้ยนชิพ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันได้เป็นไปตามการคาดการณ์ เพราะทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องเป็นฝ่ายตกรอบไปแบบสุดช็อคหลังโดน บริสตอล ซิตี้ ซัดประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บแซงชนะ 2-1 และที่หนักไปกว่านั้นคือนี่เป็นการปราชัยต่อ บริสตอล ซิตี้ ครั้งแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1978 หรือ 40 ปีมาแล้ว บุกไปแพ้ทีมน้องใหม่ทุกนัด สำหรับทีมยักษ์ใหญ่สิ่งสำคัญที่จะพาคุณไปถึงจุดหมายคว้าความสำเร็จก็คือเรื่องความคงเส้นคงวา ซึ่งนั่นหมายความยามที่คุณต้องฟาดแข้งกบทีมที่ต่ำชั้นกว่าคุณมิควรพลาดอย่างยิ่งในการงาบ 3 คะแนน แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้สร้างหนึ่งสถิติอันเลวร้ายขึ้นในปีนี้นั่นคือการปราชัยต่อทีมน้องใหม่ครบทุกทีม พวกเขาบุกไปพ่ายทั้ง ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์, ไบร์ทตัน และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ถือเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขานับตั้งแต่ฤดูกาล 1989-90 ที่พ่ายทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, คริสตัล พาเลซ และ เชลซี นอกจากนี้การพ่ายแพ้ต่อ ไบร์ทตัน ยังถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยนั้บตั้งแต่ปี 1982 หรือ 36 ปีมาแล้วที่ได้ปะมือกัน มือเปล่ากับความสำเร็จ ย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ปี 2002 ไม่ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ จะเคยคุมทีมใดมาก่อนก็ตามทั้ง เอฟซี ปอร์โต้, เชลซี (ทั้ง 2 ช่วง), อินเตอร์ มิลาน และ เรอัล มาดริด ในการทำงานปีที่ 2 ของเขากับสถานที่แห่งนั้นเขาจะสามารถเสกถ้วยแชมป์ได้เสมอ อย่างก็ตามในซีซั่น 2017-18 กุนซือ ‘เดอะ เวิร์ส วัน’ ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ โดยถ้วย เอฟเอ คัพ คือรายการที่พวกเขามีโอกาสมากที่สุด ไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ก็ถูกสยบด้วยน้ำมือของ เชลซี ยกแชมป์ให้ แมนฯ ซิตี้ แบบหมดท่า ศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ณ สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ถ้าเกิด แมนฯ สามารถเก็บชัยชนะได้ในวันนั้นพวกเขาจะได้เป็นแชมป์ทันที ทว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ยอมปล่อยให้คู่อริร่วมเมืองมายิ้มรับความสุขต่อหน้าต่อตาหรอก ก่อนพลิกนรกกลับมาแซงชนะ 3-2 หลังจากโดนซัดไปก่อน 2 เม็ด อย่างไรก็ตามในเกมถัดมาลูกทีมของ มูรินโญ่ กลับสะดุดเสียท่าโดนทีมบ๊วยอย่าง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน บุกมาทุบคาบ้าน 1-0 พร้อมกับส่งแชมป์ให้กับ แมนฯ ซิตี้ แบบง่ายๆ เจอ เซบีย่า ไม่ง่ายอย่างที่คิด แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์กลุ่ม เอ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาถูกจับสลากประกบคู่มาเจอกับ เซบีย่า ที่ฟอร์มกำลังแกว่งสุดๆ ในยุคของ วินเซนโซ่ มอนเตลล่า และด้วยกึ๋นและแท็คติกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ทำให้หลายๆ ฝ่ายเชื่อว่านี่คงคงไม่ใช่งานที่ยากมากมายนักของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเป็ย เซบีย่า ที่ได้ดีกว่าทั้ง 2 นั้ พวกเขามีโอกาสยิงรวมกัน 2 เกมอยู่ที่ 46 ครั้ง ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด โอกาสน้อยกว่าหลายเท่า แถมยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้งเท่านั้นจาก 2 นัด ก่อนจะตกรอบไปตามระเบียบ (เสมอ 0-0 ที่ ราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน, เซบีย่า บุกอัดถึง โอลด์ แทร็ฟฟอ์ร์ก 2-1) และนั่นก็เป็นปีที่ 7 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาก้าวไปไม่ถึงรอบ 8 ทีมใน แชมเปี้ยนส์ ลีก สักที ถูกล้างอาถรรพ์เจ้าพ่อนัดชิง โชเซ่ มูรินโญ่ มีสถิติที่ดีมากกับการคุมทีมลงเตะรายการบอลถ้วยนัดชิงชนะเลิศใน อังกฤษ เพราะ 5 ครั้งก่อนหน้านี้ที่เขาสามารถพาทีมเป็นแชมป์ทั้งหมด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเกม เอฟเอ คัพ นัดชิงดำฤดูกาลนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ คือผู้ที่ล้างอาถรรพ์ของ มูรินโญ่ ได้ด้วยการพา เชลซี เชือดนิ่ม 1-0 จากจุดโทษของ เอแด็น อาซาร์ เชลซี : เอฟเอ คัพ (2006-07), ลีก คัพ (2004-05, 2006-07, 2014/15) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ลีก คัพ (2016-17)   -HaMuDosSantos-
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline