logo-heading

ทีมชาติ อังกฤษ เป็นชาติที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเรื่องประเด็นการเรียกตัวผู้เล่นไปตะลุยศึก ฟุตบอลโลก 2018 เพราะในความเห็นของผู้คนนั้นมีอยู่หลายแข้งที่ไม่น่าติดโผเลย และในทางกลับกันมันก็มีอีกหลายคนที่คู่ควรจะได้ไป รัสเซีย มากกว่า ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะมีใครบ้างเดี๋ยวไปดูกัน

แจ็ค วิลเชียร์ - อาร์เซน่อล ทีมชาติ อังกฤษ มักโดนวิจารณ์เยอะในแง่ลบด้านฟอร์มการเล่น ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการขาดแคลนผู้เล่นแดนกลางที่มีความเป็นครีเอทีฟมิดฟิลด์สูง ซึ่งตัวของ แจ็ค วิลเชียร์ สามารถตอบโจทย์ข้อนั้นได้ แต่ในปีนี้เขากลับไม่ถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวติดทีมไปลุย ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย เซาธ์เกต เคยพูดเอาไว้ว่าโอกาสของ วิลเชียร์ ที่จะได้เดินทางไปผจญภัยยังแดนหมีขาวนั้นขึ้นอยู่กับโอกาสการลงเล่นให้ อาร์เซน่อล แต่หลังจากผ่านช่วงเดือนธันวาคมไป วิลเชียร์ ก็ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงกับ ‘ปืนใหญ่’ และก็ฉายแววได้เด่นกว่าที่ผ่านมาๆ ตอนที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บตามรังควาน แต่สุดท้าย เซาธ์เกต ก็ไม่ได้ทำตามที่พูดเอาไว้ทั้งที่ วิลเชียร์ พิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่าเขานั้นเหมาะสมจริงและสามารถช่วยทีมได้ ทั้งเรื่องของฝีเท้าและสภาพร่างกายที่แข็งแรงไม่เจ็บออดแอดๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ เซาธ์เกต ก็หันไปไว้ใจใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เอริค ดายเออร์ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกคือ อังกฤษ ชุดนี้เรียกใช้งานผู้กองกลางแค่ 5 คนเท่านั้น และมีคนเล่นตำแหน่งตัวรับได้แค่ 4 คน ไรอัน เบอร์ทรานด์ - เซาธ์แฮมป์ตัน เข้าใจได้ดีนะว่าสาเหตุหนึ่งที่ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ไม่ถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต ใช้บริการใน ฟุตบอลโลก 2018 ก็มาจากผลงานอันย่ำแย่ของต้นสังกัด เซาธ์แฮมป์ตัน ที่เกือบถูกถีบตกชั้นไปเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา เบอร์ทรานด์ คือผู้เล่นที่เป็นกำลังหลักและช่วยทีมฝ่าฟันชิงตั๋วรอบสุดท้ายมาได้ ดังนั้นมันยุติธรรมจริงหรือที่เขาไม่มีชื่อติดทีมทั้งที่ อังกฤษ เรียกใช้งานกองหลังถึง 10 คนด้วย อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน เซาธ์เกต กลับไปเลือกใช้งาน แดนนี่ โร้ส ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทั้งที่ตัวนักเตะแทบไม่มีโอกาสได้ลงเล่นเลย เพราะเจ็บหนักและพักยาวไปนานถึง 9 เดือน และถึงแม้จะหายเจ็บกลับมาสถานะของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นแค่อะไหล่ของ เบน เดวิส เท่านั้น โจ ฮาร์ท - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โจ ฮาร์ท อาจจะโดนด่าเอาไว้เยอะกับผลงานที่ตกต่ำนับตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 2014 มาจน ยูโร 2016 แม้แต่กับสโมสรก็ไม่เว้น และมันก็ทำให้เขาต้องย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเฝ้าเสาให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แบบยืมตัว แต่ถึงแม้จะไปตั้งต้นใหม่กับทีมที่เล็กกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาดูดีขึ้นเลยสักนิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลงาน รวมไปถึงการแย่งตำแหน่งกับ อาเดรี่ยน จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับ โจ ฮาร์ท มันก็ไม่แปลกที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต จะไม่เรียกตัวไปล่าแชมป์โลกที่ รัสเซีย แต่ถึงกระนั้นถ้าเหลือบไปดูตัวเลือกที่ติดทีมไปอย่าง แจ็ค บัตแลนด์ ของ สโต๊ค ซิตี้, จอร์แดน พิคฟอร์ด ของ เอฟเวอร์ตัน และ นิค โป๊ป ของ เบิร์นลี่ย์ ถ้าวัดกันจริงๆ เรื่องของโปร์ไฟล์ไม่ได้ดีหรือแย่กว่ากันเท่าไหร่ แต่ถ้ามี โจ ฮาร์ท อยู่ในทีมอย่างน้อยก็น่าจะช่วยติวช่วยแนะนำได้ เพราะมีประสบการณ์ที่โชกโชนกว่า คริส สมอลลิ่ง - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ อาจถูกวิจารณ์เยอะเรื่องสไตล์การเล่นที่น่าเบื่อไม่บุกสนุกเร้าใจเหมือนยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่จุดที่มาทดแทนสิ่งนั้นและก็ถือเป็นปัจจัยที่นำพาพวกเขาไต่สูงจนจบอันดับ 2 ได้ในฤดูกาลนี้นั่นก็คือเกมรับอันเหนียวแน่น เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียไปแค่ 28 ประตูเท่านั้นซึ่งเป็นสถิติน้อยที่สุดจากช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา คริส สมอลลิ่ง ถือเป็นกุญแจสำคัญของเกมรับที่แน่นปึ้กของ โชเซ่ มูรินโญ่ เพราะ เอริค ไบยี่ และ มาร์กอส โรโฮ มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างหนัก และเขาก็รับผิดชอบหน้าที่ของเขาได้ดีเยี่ยม แต่นั่นก็มิอาจชนะใจ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในการพาเป็นส่วนหนึ่งของทัพ ‘สิงโตคำราม’ ไปตะลุย ฟุตบอลโลก 2018 ได้ จอนโจ้ เชลวี่ย์ - นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด นี่ถือเป็นนักเตะที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกตกใจมากที่สุดที่ไม่มีชื่อติดทีมชาติ อังกฤษ ไปสู้ศึก ฟุตบอลโลก 2018 สำหรับ จอนโจ้ เชลวี่ย์ ทั้งที่โชว์ฟอร์มได้ดีมาตลอดกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พร้อมกับพิสูจน์ว่าเป็นนักเตะที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เชลวีย์ จะมีประโยชน์อะไรช่วยทีมได้บ้าง แต่สิ่งที่บันทึกเอาไว้ในสถิติได้บ่งชี้เขาคือผู้เล่นกองกลางที่มีการจ่ายบอลสำเร็จเข้าสู่พื้นที่อันตรายสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ที่ 285 ครั้งเป็นรอง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เอริค ดายเออร์ ที่ 320 และ 310 ครั้งตามลำดับ แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เขาเป็นรอง 2 คนนั้น แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่เขาอยู่เหนือกว่าก็คือเรื่องของระเบียบวินัย เพราะนับตั้งแต่เขาโดนใบแดงในช่วงต้นฤดูกาลจากนั้น จอนโจ้ เชลวี่ย์ ก็เล่นได้มีวินัยมากขึ้น แถมนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2018 รู้หรือไม่ว่า จอนโจ้ เชลวี่ย์ ไม่ได้รับใบเหลืองแม้แต่ใบเดียวทั้งที่บทบาทเขาคือตัวตัดเกม  

-HaMuDosSantos-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline