อย่ามองข้าม! แนะนำ 5 ตัวแทน กาฬทวีปใน บอลโลก 2018

ส่วนใหญ่คอบอลมักไม่ค่อยสนใจชาติจากแถบแอฟริกามากนัก เพราะมองว่าความแข็งแกร่งนั้นไม่สามารถเทียบชั้นพวกเขาโซนยุโรปและอเมริกาใต้ได้

แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปเพราะจริงๆ ชาติจาก แอฟริกาต่างก็มีประวัติศาสตร์ยอดเยี่ยมมากมาย อย่างการมีทีมเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกอย่าง แคเมอรูน , เซเนกัล และ กาน่า  และมีตำนานดาวดังที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เช่นเดียวกับ ฟุตบอลโลก 2018 ตัวแทนทั้ง 5 ชาติของแอฟริกาที่ได้เข้าร่วมการผจญภัยครั้งนี้ต่างก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน

อิยิปต์

อียิปต์ สร้างเซอร์ไพรส์สุดๆ จากผลงานอันเยี่ยมยอดในรอบคัดเลือกจนได้หวนคืนสู่บัลลังก์ ฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 หรือ 28 ปีมาแล้ว และความดีความชอบทั้งหมดแน่นอนว่าก็คงต้องยกให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกยอดดาวยิงจากค่าย ลิเวอร์พูล ผู้เดียวเท่านั้นที่แบกทีมจนมาได้ไกลขนาดนี้ พวกเขาไม่ได้เป็นชาติที่แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่มีจุดเด่นอยู่ที่การเล่นเป็นระบบและค่อนข้างรัดกุม อารมณ์ประมาณว่าถ้ายิงไม่ได้ก็ขอไม่เสียประตูไว้ก่อน จากนั้นก็คอยพึ่งพรสวรรค์ของ โม ซาลาห์ ในการล่าสกอร์ และจะสังเกตได้ว่ายามที่ อียิปต์ ไม่มีชายคนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรต้นไม้ที่ขาดน้ำ โดยดูได้จากผลงานอุ่นเครื่องที่ผ่านมาซึ่งย่ำแย่สุดๆ ซาลาห์ คือผู้เล่นคนสำคัญไม่ใช่แค่กับทีมชาติ แต่มันสำคัญสำหรับประชาชนชาว อียิปต์ ทุกคนที่บูชาและสรรเสริญเขาจนขึ้นชั้นกลายเป็นพระเจ้าไปแล้ว และตัวนักเตะก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะล่าสุดกลับมาซ้อมได้แล้ว พร้อมนำทัพ 'เดอะ มัมมี่' สร้างสิ่งมหัศจรรย์ใน ฟุตบอลโลก หนนี้ โดยด่านแรกในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาต้องรับมือกับ อุรุกวัย, รัสเซีย และ ซาอุดิอาระเบีย

โมร็อคโก

โมร็อคโก ก็เป็นอีกหนึ่งชาติที่หายหน้าหายตาไปนานจากทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก ถึง 20 ปีหรือตั้งแต่ปี 1998 และก็ในปีพวกเขาก็ถูกเป็นชาติหนึ่งที่อาจเป็นม้ามืดก็เป็นได้ หลังจากมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองในรอบคัดเลือก ซึ่งไม่แพ้ใครเลยแม้แต่นั้นเดียว แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือพวกเขาไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว ส่วนเรื่องของขุมกำลังเอาจริงๆ โมร็อคโก มีผู้เล่นหลายคนที่โลดแล่นอยู่กับทีมดังๆ บนเวที 5 ลีกดังของยุโรป แต่ถ้าจะพูดถึงคนที่เฉิดฉายที่สุดก็คงเป็นจอมทัพคนสำคัญอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค ตัวขับเคลื่อนเกมจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่โชว์ฟอร์มได้แจ่มสุดๆ เมื่อปีที่ผ่านมา หลังมีส่วนร่วมถึง 42 จาก 62 ลูกที่ต้นสังกัดทำได้เมื่อปีที่แล้วในเวที เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ดังนั้นมันก็ไม่แปลกถ้าเขาจะถูกยกย่องว่าเป็นแข้งที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งใน ฟุตบอลโลก หนนี้ แถม ณ ปัจจุบันก็กำลังมีข่าวย้ายทีมพัวพันกับยอดทีมอย่าง ยูเวนตุส และ ลิเวอร์พูล ด้วย ส่วนโปรแกรมของ โมร็อคโก ในรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2018 พวกเขาต้องรับมือกับ 2 ชาติยักษ์ใหญ่อย่าง สเปน กับ โปรตุเกส และ อิหร่าน ตัวแทนจากเอเชีย

ไนจีเรีย

ไนจีเรีย เป็นยักษ์ใหญ่จาก แอฟริกา ชาติเดียวที่ได้มาผจญภัยใน ฟุตบอลโลก 2018 ไม่เหมือนพวก ไอโวรี่โคสต์, กาน่า และ แคเมอรูน ที่อกหักไปทั้งหมด และก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจแต่อย่างใดเพราะพวกเขาคือขาประจำอยู่แล้วใน ทัวร์นาเมนต์นี้ แต่พอมองไปที่คู่แข่งในรอบแบ่งกลุ่มปีนี้ก็แทบจะเป็นลมเลย เพราะต้องรับมือกับ อาร์เจนติน่า, โครเอเชีย และ ไอซ์แลนด์ ขึ้นชื่อว่าเป็นชาติยักษ์ใหญ่ดังนั้นก็ไม่แปลกที่จะมีขุมกำลังดังๆ และชื่อติดหูมากมายหลายคนไม่ว่าจะเป็น จอห์น โอบิ มิเกล หรือ วิคเตอร์ โมเสส แต่ถ้าจะให้พูดถึงจุดเด่นของทัพ 'อินทรีมรกต' ก็คือการมีผู้เล่นแนวรุกที่น่าสนใจหลายคนทั้ง โอเดี้ยน อิกาโล่, อเล็กซ์ อิโวบี้ หรือ เคเลชี่ อิเฮียนาโน่ อย่างไรก็ตามถ้าจะให้ชี้ตัวคนที่เป็นตัวความหวังมากที่สุดของชาติก็คงเป็น อาเหม็ด มูซ่า ถึงแม้จะผลงานธรรมดาๆ กับต้นสังกัด ซีเอสเคเอ มอสโก เมื่อปีที่ผ่านมา แต่ในระดับนานาชาติ มูซ่า ทำผลงานได้ดีมากๆ เขาอายุแค่ 25 ปี แต่ติดธงไปแล้ว 72 นัด และกดไป 13 ตุง รั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของ ไนจีเรีย ในยุคนี้

ตูนีเซีย

ตูนีเซีย เป็นทีมหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นม้านอกสายตาในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะถ้าดูจากชื่อชั้นและดีกรีแล้วก็ไม่ค่อยข่มขวัญคู่แข่งได้เท่าไหร่ เพราะสตาร์ดังๆ ก็ไม่ค่อยมีใครเด่นๆ เลย โดยตัวที่เด่นสุดในยุคนี้ก็คงเป็น วาห์บรี้ คาห์ซรี่ กองกลางรองกัปตันทีมจากค่าย แรนส์ กับผลงาน 35 เกมและเป็นดาวซัลโวของทีมชุดนี้ที่ 12 ประตู ถึงแม้องค์ประกอบต่างๆ ของพวกเขาจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ถ้าย้อนไปดูรอบคัดเลือกที่ผ่านมาต้องบอกเลยว่าผลงานไม่เบาจริงๆ เพราะนี่คือผู้ที่ตีตั๋วมาเล่น ฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่ม และที่สำคัญคือไม่แพ้ใครเลยด้วย ส่วนป้จจัยที่นำพาพวกเขามาถึงชายฝั่ง รัสเซีย ก็เป็นเพราะการมีเกมรับที่เหนียวแน่นและเป็นระเบียบสุดๆ นอกจากนี้ประสบการณ์ในเวที เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ตูนีเซีย ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าชาติดังๆ ในแถบแอฟริกาเลยเหมือนกัน เพราะเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน และมี 3 ครั้งเกิดขึ้นในปี 1998, 2002 และ 2006 ส่วนในปีนี้พวกเขาจะไปได้ไกลหรือไม่ด่านแรกที่ต้องผ่านให้ได้ก็คือการเจอกับ เบลเยี่ยม, อังกฤษ และ ปานามา

เซเนกัล

เซเนกัล เคยไปตะลุยสู้ศึก ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2002 ที่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน และก็สร้างเซอร์ไพรส์สุดๆ เพราะว่าสามารถไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยนักเตะหลายคนจากทีมชุดนั้นก็ได้โด่งดังขึ้นมาหลังจากจบศึกฟุตบอลโลก อย่างเช่น เอล ฮัดจิ ดิยุฟ , ปาป้า ดิยอป และ ซาลิฟ ดิเยา แต่จากนั้นเป็นต้นมา เซเนกัล ก็ไม่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ในบอลโลกอีกเลย จนกระทั่งเข้าสู่ในยุคนี้ที่พวกเขาได้สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นชาติระดับชั้นนำของแถบแอฟริกา ภายหลังจากมีสตาร์ดัง มึแข้งฝีเท้าดีๆ หลายคนไล่ตั้งแต่ประตูยันกองหน้า ดูแล้วน่าจะสู้กันได้สนุกกับคู่แข่งร่วมกลุ่มที่ประกอบไปด้วย โปแลนด์, ญี่ปุ่น และ โคลอมเบีย แต่ถ้าจะให้ชี้ตัวที่น่าจับตามองและเป็นที่พึ่งพามากที่สุดก็คงจะไม่พ้น ซาดิโอ มาเน่ ปีกตัวจี๊ดจากค่าย ลิเวอร์พูล ที่ฉายแววได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้งกับสโมสรและทีมชาติ ปัจจบัน มาเน่ เป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 2 ของ เซเนกัล ชุดนี้ที่ 14 ประตูจาก 53 เกม เป็นรองแค่ มุสซ่า โซว เพื่อนร่วมทีมที่ทำไว้ล่าสุด 18 ประตูจากการลงเล่น 51 เกม  

-HaMuDosSantos-