logo-heading

ทีมชาติอาร์เจนติน่า สามารถพลิกสถานการณ์ทะลุผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ หลังได้ประตูชัยท้ายเกม เอาชนะ ไนจีเรีย ไป 2-1

เกมนี้โจทย์ของทัพ "ฟ้า-ขาว" คือต้องชนะ "อินทรีมรกต" ให้ได้เท่านั้น และลุ้นให้ ไอซ์แลนด์ ไม่ชนะ โครเอเชีย หากหวังจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ซึ่ง ฮอร์เก้ ซามเปาลี วันนี้ยอมดรอป มักซิมิเลียโน่ เมซ่า ลูกรักที่โดนด่ากระจายจากฟอร์มการเล่น 2 นัดที่ผ่านมา และส่ง เอแวร์ บาเนก้า ลงทำหน้าที่แทน ส่วนในแดนหน้าก็พัก เซร์คิโอ อเกวโร่ ไว้ข้างสนามให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน เป็นหัวหอกตัวเป้าแทน เกมเริ่มได้แค่ 14 นาที อาร์เจนติน่า ก็ได้ประตูขึ้นนำ จากการวางบอลยาวสุดสวยของ บาเนก้า มาให้ ลิโอเนล เมสซี่ พักบอลลงอย่างเหนือชั้น ก่อนจะลากเข้าเขตโทษและซัดตุงตาข่ายให้ทีมขึ้นนำ 1-0 จากนั้น ไนจีเรีย พยายามจะบุกเข้าใส่บ้าง แต่ทำได้ไม่ดี รูปเกมยังดูเป็นรอง "ฟ้า-ขาว" อยู่เยอะ แต่ก็ทำประตูหนีห่างเป็น 2-0 ไม่ได้จบครึ่งแรกนำอยู่แค่เม็ดเดียว ครึ่งหลัง เริ่มได้แค่ 5 นาที อาร์เจนติน่า ก็มาพลาดเสียจุดโทษจากจังหวะที่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ไปเกี่ยว บาโลกุน ล้มลง วิคเตอร์ โมเสส รับหน้าที่สังหารไม่พลาด "อินทรีมรกต" ตีเสมอ 1-1 จากนั้น "ฟ้า-ขาว" ก็พยายามโหมบุกเพื่อเอาประตูขึ้นนำอีกครั้ง แต่จังหวะยังขาดๆ เกินๆ จนกระทั่งนาทีที่ 86 กาเบรียล เมร์กาโด้ ครอวบอลจากขวาเข้าเขตโทษ มาร์กอส โรโฮ ที่ถูกโยกไปเล่นแบ็กซ้ายสอดเข้ามาวอลเลย์แบบไม่จับเข้าประตูไปอย่างสวยงาม กลายเป็นประตูชัยให้ อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1 ส่วน ไอซ์แลนด์ ก็ไม่สามารถชนะ โครเอเชีย ได้พ่ายไป 2-1 ทำให้ ลูกทีมของ ซามเปาลี ตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ด้วยการมี 4 คะแนนจาก 3 นัด จบเป็นอันดับที่ 2 และนี่คือคะแนนความสามารถของผู้เล่น อาร์เจนติน่า ในเกมนี้ที่ "ขอบสนาม" จัดให้ เห็นต่างคนไหนตรงไหนคอมเม้นท์บอกกันได้เลยครับ

ตัวจริง

ฟรานโก้ อาร์มานี่ 7 ได้ลงประเดิมสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่เป็นเกมแรก ด้วยวัย 31 ปี จังหวะออกมาตัดบอล ออกบอลดูดีทีเดียว แต่ก็แทบไม่ได้โชว์เซฟอะไร เพราะเกมรุก ไนจีเรีย นัดนี้ไม่น่ากลัว ลูกที่เสียก็มาจากจุดโทษ พุ่งผิดทาง กาเบรียล เมร์กาโด้ 6.5 มีหน้าที่ตามประกบ อาเหม็ด มูซ่า ซึ่งความเร็วเจ้าตัวสู้ไม่ได้เลย โดนกระชากหายหลายที แต่ก็แก้ลำด้วยการใช้เชิงบอลที่ดูเหนือกว่า เอาอยู่บ้างไม่อยู่บ้าง แต่ภาพที่โดนกระชากหาย ทุกคนลืมไปหมดเมื่อเขาเป็นคนแอสซิสต์ให้ โรโฮ ซัดประตูชัย นิโคลัส โอตาเมนดี้ 7 ทำได้ดีกว่า 2 นัดที่ผ่านมา เล่นร่วมกับ มาร์กอส โรโฮ ได้เนียนตา จัดการ โอเดียน อิกาโล่ กองหน้า ไนจีเรีย ที่ลงมาในช่วงต้นครึ่งหลังได้อยู่หมัด มาร์กอส โรโฮ 7 ยังมีข้อผิดพลาดให้เห็นบ้างเล็กน้อย เกือบทำเสียจุดโทษจากการที่บอลไปโดนแขน โชคดีที่ผู้ตัดสินมองว่าไม่เจตนา ช่วงครึ่งหลังโดนจับย้ายมาเล่นแบ็กซ้าย ทำได้ดีขึ้น เติมเกมรุกเต็มตัว และที่สำคัญคือเป็นฮีโร่ วอลเลย์ประตูชัยช่วงท้ายเกม นิโคลัส ตายาฟีโก้ 5.5 เป็นคนนึงที่เล่นได้ห่วยมากใน 2 นัดแรก แต่นัดนี้ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นแบ็กซ้ายตัวจริงเช่นเคย และก็ยังห่วยเหมือนเดิม ขนาดเกมรุกของ ไนจีเรีย วันนี้ไม่มีอะไรมาก ก็ยังพอเล่นงานพี่แกได้เลย แถมเกมรุกก็เติมได้ไม่ดีด้วย สุดท้ายก็ถูกเปลี่ยนตัวออกไป เอ็นโซ่ เปเรซ 5.5 ถูกเรียกติดธงเพราะ มานูเอล ลานซินี่ ได้รับบาดเจ็บต้องถอนตัวไป เกมนี้ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง แต่ทำได้น่าผิดหวังเช่นเคย ครึ่งแรกมีส่วนร่วมกับเกมเยอะ แต่ทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ครึ่งหลังหายเงียบจนถูกเปลี่ยนตัวออกไป ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 5 น่าจะหมดสภาพแล้วจริงๆ สำหรับ มาสเคราโน่ จังหวะบอลดูช้ากว่าชาวบ้านเยอะ จับบอลลั่น ส่งบอลพลาด แถมยังทำให้ทีมเสียจุดโทษอีกต่างหาก ข้อดีอย่างเดียวคือความเป็นผู้นำ และคอยกระตุ้นน้องๆ ในทีม สมควรจะเป็นกัปตันทีมแทน เมสซี่ ด้วยซ้ำ เอแวร์ บาเนก้า 7.5 ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงตามคำเรียกร้องของแฟนบอล และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เล่นได้โดดเด่นมาก จ่ายบอลสวยๆ หลายครั้ง สร้างสรรค์เกมได้เยี่ยม ครองบอลก็ดี แอสซิสต์ให้ เมสซี่ ซัดเบิกร่องได้ด้วย แต่ครึ่งหลังเงียบๆ หายไปหน่อย อังเคล ดิ มาเรีย 5.5 เป็นอีกเกมที่ ดิ มาเรีย เล่นไม่ออก จังหวะกระชากที่เป็นจุดขายทำได้ไม่ดี หรือถ้ากระชากหลุดไปได้ จังหวะต่อมาก็ไม่ได้สร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์อะไร เขวี้ยงโอกาสยิงให้ทีมหนีห่าง 2-0 ทิ้งไปแบบง่ายๆ ด้วย ลีโอเนล เมสซี่ 8 กลับมาเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเองอีกครั้ง จบสกอร์ได้คมกริบทำให้ทีมขึ้นนำ พยายามวิ่งไล่บอล แย่งบอล รวมถึงป้อนบอลให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน ที่เป็นหน้าเป้าด้วย ขาดอย่างเดียวคือเงียบไปหน่อย ไม่ค่อยกระตุ้นเพื่อนอย่างที่ควรจะทำในฐานะกัปตันทีม กอนซาโล่ อิกวาอิน 5.5 ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่ก็ทำได้ไม่น่าประทับใจ พยายามวิ่งหาบอล แต่เหมือนจะยังขาดๆ เกินๆ มีโอกาสซัดเหน่งๆ ครั้งนึงแต่เหินข้ามคานไปไกล

ตัวสำรอง

คริสเตียน ปาวอน 6.5 ลูกรักคนที่ 1 ของ ฮอร์เก้ ซามเปาลี ถูกส่งลงแทน เอ็นโซ่ เปเรซ ที่เล่นไม่ออกในนาทีที่ 60 ซึ่งเกมนี้ถือว่าเจ้าตัวทำได้ดีกว่าที่คาด ลงมาเพิ่มความสดให้ อาร์เจนติน่า มีโอกาสออกบอลสวยๆ ให้เพื่อนได้ลุ้นตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ลงมา แต่แล้วก็ค่อยๆ เงียบหายไป มักซิมิเลียโน่ เมซ่า 5 ลูกรักคนที่ 2 ของ ซามเปาลี ลงแทน อังเคล ดิมาเรีย ในนาทีที่ 72 ท่ามกลางคำถามว่าจะเก็บ เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ เปาโล ดิบาล่า ไว้ทำหอกอะไร ซึ่งพอลงมาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ค่อนไปทางแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" 6 ลงมาช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตอนที่ทีมต้องการประตูเพื่อจะผ่านเข้ารอบ แม้ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ด้วยชื่อเสียงก็สร้างความกังวลให้แนวรับ ไนจีเรีย ได้
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline