logo-heading

ถ้าพูดถึงหนุ่งในกลุ่ม 3 ประสานแนวรุก ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล จะต้องมีชื่อ "BBC" เข้ามาอยู่ในลิสต์รายชื่ออย่างแน่นอน ด้วยฉายาอันเร่าร้อนว่า "BBC" (เบล B, เบนเซม่า B และ คริสเตียโน่ C)

นับตั้งแต่ที่ แกเร็ธ เบล ปล่อยของให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และย้ายมาอยู่กับ "ราชันชุดขาว" เมื่อปี 2013 จากนั้นบทตำนานก็เริ่มขึ้น

จุดเริ่มต้นสามประสาน "บีบีซี" หลังปล่อยให้ คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ล่าตาข่ายกับ เรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 2009 แกเร็ธ เบล ปีกวานรเทพ ก็ตามมาสบทบเพิ่มความโหดให้กับทัพ "ราชันชุดขาว" เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ลำพังมีเพียงแค่ โรนัลโด้ กับ เบนเซม่า พร้อมด้วยออปชั่นแดนกลาง ก็ทำให้ มาดริด น่ากลัวอยู่แล้ว การมาของ เบล ทำให้ มาดริด เพิ่มความน่ากลัวไปเป็นทวีคูณ เมื่อ 3 ประสาน "บีบีซี" ยิงประตูแทบจะแตะ 100 ประตู ทุกซีซั่น ผลงานซีซั่นแรกของ "บีบีซี" จากความคาดหวัง กลายเป็น "ความกดดัน" ที่ถาโถมเข้ามาหาแทน เมื่อการประสานงานกันของทั้ง 3 คน ในช่วงแรก โดยเฉพาะ แกเร็ธ เบล ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งตอนอยู่ "ไก่เดือยทอง" ออกมาได้เลย ถึงขั้นที่ ราม่อน กัลเดร่อน อดีตประธานสโมสร "ราชันชุดขาว" เคยปรามาส "วานรเทพ" ไว้ว่า แกเร็ธ เบล เป็นคนที่มีบุคลิกไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับความกดดันในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ขณะที่สื่อสเปน ต่างก็พร้อมใจกันขยี้ว่า เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของ มาดริด ในการทุ่มซื้อ เบล มาเสริมทัพ ด้วยค่าตัวสถิติโลกขณะนั้น 100 ล้านยูโร เรื่องรางเลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อครั้งถึง "เอล กลาซิโก้" และ มาดริด พ่ายต่อ บาร์เซโลน่า 1-2 เบล ถูกก่นด่าอย่างหนัก ถึงขนาดที่ถูกตราหน้าว่าด้อยกว่า เนย์มาร์ นักเตะจาก "บาร์ซ่า" เยอะ แต่จุดเปลี่ยนก็คือความเชื่อใจจาก คาร์โล อันเชล็อตติ และสุดท้ายมันก็ผลิออกดอกผล เบล สามารถปรับตัวเข้ากับ มาดริด ได้เรียบร้อย ประสานงานร่วมกับ โรนัลโด้ และ เบนเซม่า ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้ง 3 คน ช่วยยิงกันได้มากถึง 97 ประตู ในฤดูกาล 2013-14 (โรนัลโด้ 51 ลูก, เบนเซม่า 24 ลูก และ เบล 22 ลูก) ที่สำคัญคือการคว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครอง ทั้งในศึก โกปา เดล เรย์ ซึ่งมีช็อตบรรลือโลกของ เบล ในการแตะบอลอ้อมตัว ตีโค้งวิ่งแซง มาร์ค บาตร้า พร้อมกับซิวโทรฟี่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการถล่ม แอตเลติโก มาดริด 4-1 ช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งๆที่เกือบจะแพ้อยู่แล้ว ซีซั่น 2014-15 จุดพีคสุดขีดของ "บีบีซี" คำว่า "พีคสุดขีด" อาจไม่ได้หมายถึงฟอร์มดีที่สุดของทั้ง 3 คน แต่เป็นฤดูกาลที่ 3 ประสาน เบล, เบนเซม่า และ โรนัลโด้ ได้ออกสตาร์ทลงสนามพร้อมหน้าพร้อมตากันมากที่สุด ถึง 35 นัด พร้อมช่วยกันสร้างสถิติซัลโวใส่คู่แข่ง ทะลุปรอท 100 ลูก แต่เป็น โรนัลโด้ ที่เป็น "เดอะ แบก" กดไป 61 ตุง, เบนเซม่า 22 ลูก และ เบล 17 ประตู พร้อมสร้างปรากฏการณ์ นับเฉพาะปฏิทิน 2014 เมื่อ เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ 178 ประตู โดยเป็นฝีเท้าจาก 3 ประสาน 108 ประตู คิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงถึง 60 % แต่น่าเสียดายเมื่อฤดูกาลที่ "บีบีซี" พร้อมหน้าพร้อมตากันมากที่สุด แต่กลับไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือมาเลย ถึงคราวเปลี่ยนมาเป็น ซีเนอดีน ซีดาน กุมบังเหียน ยุค "BBC" ก็เหมือนจะล่มสลาย ? ฤดูกาล 2015-16 "บีบีซี" ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงพร้อมกัน เพียงแค่ 18 นัด จาก 52 เกม เนื่องด้วย แกเร็ธ เบล ได้รับบาดเจ็บ หายหน้าหายตา ไปหลายนัด แต่ถึงกระนั้นยามใดที่ "บีบีซี" ได้สวมสตั๊ดลงพร้อมกัน ยังคงดาหน้าไล่ยิงใส่คู่แข่งรวมกันได้มากถึง 98 ประตู และ ยังคงเป็น โรนัลโด้ ที่เป็นผู้นำดาวซัลโว ด้วยการกดไป 51 ประตู พร้อมช่วยกันคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกสมัย ต่อมาถึงซีซั่น 2016-17 เบล, เบนเซม่า และ โรนัลโด้ ได้ลงสนามเล่นร่วมกันน้อยมาก เนื่องด้วยมีปัจจัยที่ ซีดาน เรียกว่าทีม "B" ทั้ง อิสโก้, อัลบาโร่ โมราต้า, ฮาเมส โรดริเกซ หรือ แม้กระทั่ง 2 ลูกรักอย่าง ลูคัส บาสเกซ และ มาร์โก อเซนซิโอ้ บวกกับ "วานรเทพ" นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล มากกว่า ลงวาดลวดลายในสนาม แต่กระนั้นทั้ง 3 คน ได้อยู่ประมาณ 70 ลูก พร้อมช่วยกันนำแชมป์ ลา ลีกา สเปน กลับสู่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อีกครั้ง ซีซั่น 2017-18 นี่คือฤดูกาลที่จะถูกบันทึกไว้ว่า บีบีซี ประสานงานร่วมกันเป็นปีสุดท้าย และได้ลงเล่นร่วมกันน้อยมาก เนื่องจาก ซีดาน ปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-4-2 เนื่องด้วย แกเร็ธ เบล บาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับ โรนัลโด้ ฟอร์มตกลงไป แต่เมื่อใดที่ วานรเทพ กลับลงมา ก็สามารถทำประตูได้อยู่ตลอด ขณะที่ เบนเซม่า ก็ยังมีลูกยิงให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ มาดริด จะไม่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ แต่ทว่า "บีบีซี" ก็ยังนำสโมสร สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติด ซึ่งทั้ง 3 คนมีส่วนร่วมอย่างยิ่งกับโทรฟี่รายการนี้ จุดจบของ BBC เมื่อมีจุดเริ่มต้น ก็ต้องมีวันจากลา การล่มสลายของ สามประสาน "บีบีซี" จบลงอย่างเป็นทางการ ภายหลังจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส เป็นเวลา 4 ปี ด้วยค่าตัว 105 ล้านยูโร และ ทิ้งไว้แค่เพียงกิตติศัพท์ว่ายุค "BBC" เคยยิ่งใหญ่ เกรียงไกร และ ประสบความสำเร็จ ด้วยการซัลโวมากถึง 442 ประตู (โรนัลโด้ 249 เบนเซมา 105 ประตู เบล 88 ประตู)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline