"ทำดีแค่ไหน ดีอย่างไร มีค่าเพียงแค่เศษ" นี่คือบทเพลงท่อนหนึ่งของวง พาราด็อกซ์ บทเพลงนี้มันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักที่ไม่สมหวัง ถึงกระนั้นมันดึงอารมณ์มาใช้กับวงการลูกหนังได้เช่นเดียวกัน
วงการลูกหนังที่ว่านั้น มันก็มีทั้งดี และ ร้าย ปะปนคละเคล้ากันไป ซึ่งผู้คนสามารถตัดสินเรื่องนี้กันได้อยู่แล้ว แต่กระนั้นมันจะมีนักเตะอยู่บางประเภท ที่ต่อให้จะมีฝีเท้ายอดเยี่ยมแค่ไหน แต่ภาพลักษณ์แย่ๆที่พวกเขาเคยสร้างเอาไว้ กลายเป็นภาพติดตาที่ไม่อาจสลัดให้หลุดจากความทรงจำของแฟนบอลไปได้เลย
1. ลอริส คาริอุส
หน้าตาอันหล่อเหลา ก็ไม่อาจช่วยอะไรเขาไว้ได้ เพราะนับตั้งแต่ที่ คาริอุส สร้างความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ถึง 2 ครั้ง ในเกมสำคัญที่ ลิเวอร์พูล พ่ายให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ เขาก็ถูกมองเป็น "ตัวกระจอก" นับตั้งแต่นั้นมา บวกกับเกมปรีซีซั่น มีช็อตเหวอมากมาย ทั้งรับบอลลอดขา รับบอลซองแตก จนตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแบบไม่เว้นวัน ยิ่งตอนนี้บอลถึง คาริอุส เมื่อไหร่ จะมีเสียงโห่, เสียงแซว อยู่ตลอดเวลา เชื่อเลยว่าต่อจากนี้ไป ถึงแม้ คาริอุส จะเล่นดีขนาดไหน คนก็จดจำเขาในฐานะ "ห่วยแตก" อยู่ดี
2. แดนนี่ เวลเบ็ค
"มหาเทพเวลบิอุส" นี่คือสมญานามที่แฟนบอลทั่วโลก แซ่ซ่องพร้อมใจกันแต่งตั้งให้กับ แดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้าสายฮาทีมชาติอังกฤษ จากสโมสร อาร์เซน่อล ว่ากันด้วยเรื่องฝีเท้า ถ้าไม่เก่งจริง จะได้อยู่ในทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไหม ? แล้ว อาร์เซน่อล จะยอมซื้อตัวไปเหรอ ? คนที่ได้เล่นในศึก พรีเมียร์ลีก มันมีความเก่งในตัวอยู่แล้ว แต่กับ เวลเบ็ค เขาข้ามทุกคนไปอีกขั้น โดยเฉพาะการสับขาหลอก จนตัวเอง "งงเอง" หรือ จะเป็นการสะดุดบอลล้มไปเองก็มี หลายครั้งเจ้าตัวลุกขึ้นมายิ้ม เขินๆ แห้งๆ ทำให้ เวลเบ็ค กลายเป็นนักเตะ "สายฮา" ในสายตาแฟนบอลไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไร มันกูตลกไปเสียหมด ต่อให้เล่นดีแค่ไหน คนก็ลืมไปอย่างรวดเร็ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
3. หลุยส์ ซัวเรซ
ย้อนกลับไปเริ่มตั้งแต่อยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้น หลุยส์ ซัวเรซ ถูกสถาปนาให้เป็นหนึ่งในยอดดาวยิงของโลก หลังซัลโวให้กับ "หงส์แดง" จนกลายเป็นดาวซัวโวประจำศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ทว่าภาพลักษณ์ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย กลับไม่ได้ถูกจดจำในฐานะกองหน้าจอมประตูแบบที่ควรจะเป็น เพราะแฟนบอล มีความทรงจำแย่กับ "คิงหลุยส์" ไปแล้ว นั่นคือการเล่นตุกติก โดยเฉพาะการใช้ฟันหน้าอันแหลมคม กัดไปที่หูคู่แข่งบ้างละ, กัดไปที่แขนบ้างละ หรือ กัดไปที่หัวไหล่บ้างล่ะ ถึงแม้ปัจจุบัน ซัวเรซ มีส่วนมากมายกับการพา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์มาครองมากมาย แต่ทว่าภาพการเป็น "หม่อมกัด" ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำแฟนบอล
4. โจอี้ บาร์ตัน
ถ้าถามว่า โจอี้ บาร์ตัน นี่มันเก่งไหม มันเก่งแน่นอนครับ แต่บอกว่าเป็นพวกนิสัย "หัวร้อน" ง๊ายง่าย และ มีลักษณะแบดบอย ชอบท้าตี ท้าต่อยคนอื่นไปทั่ว ต่อให้ โจอี้ บาร์ตัน จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมแค่ไหน เป็นตัวนำโชคพาหลายสโมสรกระโดดขึ้นมาเล่น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลายครั้ง หรือ ออกไปเล่นยัง ลีก เอิง ฝรั่งเศส ก็แทบไม่มีใครจดจำเกียรติประวัติพวกนี้ เพราะสิ่งเดียวที่แฟนบอลนึกถึง บาร์ตัน เมื่อแรกได้ยิน ความเป็นพวกเกเร ก็วิ่งพล่านในหัวทันที ซึ่งก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดไปนั้น ก็โดนเรื่องเล่นการพนันมาตลอด 10 ปี เรียกได้ว่า สิ่งดีๆ แทบจะต้องไปนั่งขุดกันมาเลยทีเดียว
5. เนย์มาร์
เรื่องฝีเท้าของ เนย์มาร์ จะมีใครกล้าปฏิเสธเหรอ ว่าเขาไม่เก่งจริง ? .. นี่คือนักเตะที่เป็นว่าที่คว้า บัลลง ดอร์ ยุคต่อไป เมื่อหมดอำนาจของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ อย่างไรก็ตามจากภาพลักษณ์ที่ ดาวยิงทีมชาติบราซิล ได้สร้างขึ้น ในศึก ฟุตบอลโลก 2018 ประเทศรัสเซีย ซึ่งมันแทบจะถ่ายทอดไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ เนย์มาร์ กลายเป็นไอ้ขี้พุ่งไปแล้ว หลายสถานที่ทำล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน ด้วยการจัดกิจกรรม "เนย์มาร์ ชาลเลนจ์" เชื่อไหมว่าต่อจากนี้ ถ้าเอ่ยชื่อของ เนย์มาร์ ขึ้นมา ผู้คนจะนึกถึง "โอเว่อร์แอคติ้ง" เป็นลำดับแรก หากเขาอยากสลัดภาพนี้ทิ้ง การโชว์ฟอร์มไม่เพียงพอ โดยจะต้องสลัดความเป็น "นักเตะจอมพุ่ง" ทิ้งไปด้วย
6. เปเป้
เปเป้ ป. ประมุข ฉายานี้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เนื่องจากเขาเป็นปราการหลังพันธุ์ดุ ที่เข้าสกัดเสียบใส่คู่แข่งอย่างหนักหน่วง หรือ อาจจะมีลูกตุกติกแอบเล่นงานคู่แข่งก็มีให้เห็นบ่อยๆ ช่วงที่ย้ายมาอยู่ เรอัล มาดริด ใหม่ๆ เขาเคยโดนแบนห้ามลงสนาม 10 นัด จากการไปเตะคู่แข่งซ้ำขณะลงไปนอนกองกับพื้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขาดูเป็นนักเตะหัวรุนแรงนับตั้งแต่นั้นมา ผู้คนจะคอยจ้องแต่จับผิด ยามใดที่ เปเป้ เริ่มเล่นรุนแรงให้เห็น หลายครั้งที่เขาเล่นได้อย่างโดดเด่น แต่ไม่มีใครเลือกจำ และหลายคนคงลืมไปแล้วว่า เปเป้ ไม่โดนใบแดง มาตั้งแต่ฤดูกาล 2012-13 ขนาดไปอยู่กับ เบซิคตัส ก็ไม่เคยโดนไล่ออก (ในเกมลีก) อีกเลย
