logo-heading

เอาจริงๆก็ถือว่าเป็นข่าวช็อคเหมือนกัน เมื่อต้องเห็นว่า เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์จากสโมสร อาร์เซน่อล ประกาศอำลาทีมชาติเยอรมัน ไม่ขอลงเล่นรับใช้ทัพ "อินทรีเหล็ก" อีกแล้วนับจากนี้ เพราะวัยของเขายังอยู่ในช่วงอายุ 29 ปี เท่านั้น อย่างน้อยๆ ยูโร 2020 ก็น่าจะเป็นกำลังหลักให้กับทีมได้อยู่

อย่างไรก็ตาม โอซิล ต้องแบกรับความกดดัน ทั้งเรื่องของฟอร์มการเล่น และ เรื่องการเมือง ซึ่งต้องเข้าไปอยู่ในเกมส์นี้แบบไม่ได้ตั้งใจ และมันคือสาเหตุหลักกับการหันหลังให้กับชาติ ที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เด็กๆ หากใครยังสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไร โปรดติดตามกันได้ เพราะทีมงานขอบสนาม จะเล่าให้ฟัง

  • จุดเริ่มต้น โอซิล ถูกเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณช่วงกลางเดือน พฤษภาคม ที่่ผ่านมา ทายยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีของ ตุรกี ได้เดินทางมายังกรุงลอนดอน ทำให้นักเตะเยอรมันที่มีเชื้อสายเติร์ก อย่าง เมซุต โอซิล และ อิลคาย กุนโดนกัน เดินทางเข้าไปพบที่สถานทูตในลอนดอน พร้อมกับถ่ายรูป และ ให้เสื้อแข่งขันเป็นที่ระลึก .. ด้วยความที่พวกเขาเป็นเพียงนักฟุตบอล และ ให้ความเคารพกับผู้นำบนแผ่นดินเกิดของบรรพบุรุษ เรื่องการเมืองไม่เคยอยู่ในหัว แต่สำหรับผู้หรับผู้ใหญ่ทางฝั่ง เยอรมัน ไม่เห็นแบบนั้น เมื่อภาพของ กุนโดกัน และ โอซิล ปรากฏต่อหน้าสื่อ นั่นทำให้ ไรฮาร์ด กรินเดล ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน (เดเอฟเบ) ไม่ปลื้มอย่างยิ่ง โดยระบุไว้ว่านักเตะทั้ง 2 คน ถูกนำไปใช้เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง เออร์โดกัน (ซึ่งได้เป็นปธน. ในเวลาต่อมา) เนื่องจาก เออร์โดกัน ถูกจับตามองในเรื่องของการปกครองแบบเผด็จการ หลังจากนั้นมีเพียง กุนโดกัน ที่ออกมาแก้ข่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่กับ โอซิล เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความบาดหมาง
  • ฟอร์มการเล่นของ โอซิล ในศึก ฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ความบาดหมางมันลุกลามไปถึงแฟนบอล
โอซิล และ พลพรรค "อินทรีเหล็ก" ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง และ ความกดดันที่กองสูงไว้ดั่งภูเขา เนื่องจาก เยอรมัน มีภารกิจต้องป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 ไว้ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น ต่อให้จะมีสถิติเปิดเผยว่าแชมป์เก่า "เวิลด์ คัพ" 2 ครั้งที่ผ่านมา กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด พอมาถึง "เวิลด์ คัพ 2018" โอซิล ก็ออกลายโดนวิจารณ์ทันที เมื่อ เยอรมัน แพ้ให้กับ เม็กซิโก นัดเปิดสนาม 0-1 โดยตำนานอย่าง โลธ่าร์ มัทเธอุส ตำนานแข้ง "อินทรีเหล็ก" ถึงขั้นด่าว่า "ถ้าไม่มีใจเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน ก็เลิกๆมันไปซะ" เพราะก่อนเกมมีภาพจับได้ว่า โอซิล ไม่อ้าปากร้องเพลงชาติ และ ไม่ได้โบกไม้โบกมือให้กับแฟนบอล นั่นทำให้เขาถูกเชื่อมโยงเรื่องการเมืองอีกครั้ง สถานการ์มันเลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อแชมป์เก่าอย่าง เยอรมัน ต้องแพ้ให้กับ เกาหลีใต้ แบบช็อคโลก 0-2 หยุดเส้นทางไว้เพียงแค่แบ่งกลุ่ม โดยหลังจบเกม โอซิล ถอดปลอกแขนกัปตัน เขวี้ยงทิ้งลงพื้น ทำให้แฟนบอลบนอัฒจันทร์บางส่วน ชี้หน้าด่าพร้อมต่อว่าด้วยคำหยาบ จนเกือบหวิดจะมีมวยทั้ง 2 ฝ่าย นับจากนั้นก็มีกระแสมาต่อเนื่องว่า โอซิล ต้องการจะอำลาทีมชาติเยอรมัน เพราะหมดความอดทนเต็มที
  • จุดสิ้นสุดของ โอซิล กับ ทีมเยอรมัน ได้บทสรุป เมื่อผ่านไป 1 เดือน
หลังจากที่ เยอรมัน กระเด็นตกรอบ ฟุตบอลโลก 2018 ไปแบบเงียบๆ หงอยๆ ทำให้หลายคนไม่รู้เลยว่า "มันเพียงรอเวลาให้ทุกอย่างมันระเบิดออกมา" โดยช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โอซิล ได้แถลงการณ์เป็นครั้งแรกถึงเหตุการณ์ที่ไปถ่ายรูปกับผู้นำประเทศตุรกี โดยยืนยันว่า "ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง" เหมือนทุกอย่างจะจบลง เป็นการเคลียร์ใจกับทุกฝ่าย แต่ให้หลังเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทุกอย่างก็สิ้นสุด เมื่อ โอซิล ได้โพสต์ข้อความระบายถึงความกดดันไว้ว่า "ปัญหาที่ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังมากที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก็คือการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของ เดเอฟเบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันมาจาก ไรน์ฮาร์ด กรินเดล ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ต้องการสวมเสื้อทีมชาติเยอรมัน อีกแล้ว" "ผมรู้สึกเหมือนไม่เป็นที่ต้องการอีกแล้ว ความสำเร็จที่ผมเคยสร้างให้กับทีมชาติเยอรมัน ตั้งแต่ปี 2009 เหมือนถูกหลงลืมไปหมด มันน่าหนักใจเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหลังจากได้พิจารณาอย่างหนัก จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาๆ ผมจะไม่ขอเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน อีกต่อไปแล้ว เพราะผมรู้สึกถึงการถูกเหยียดเชื้อชาติ และ ไม่ได้รับความเคารพ" "ผมเคยสวมเสื้อทีมชาติเยอรมัน ด้วยความภาคภูมิใจ และ น่าตื่นเต้น แต่ตอนนี้ผมไม่รู้อย่างนั้นอีกแล้ว มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพราะผมทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยเพื่อนร่วมทีม, สตาฟฟ์โค้ช และ แฟนบอลที่ดีๆของทีมชาติเยอรมัน แต่ในเมื่อผู้บริหารของ เดเอฟเบ ปฏิบัติกับผมแบบไม่ให้เกียรติ ลบหลู่รากเหง้าความเป็น ตุรกี ของผม ทำให้ผมตกเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ฉะนั้นผมไม่ยอมนั่งดูเฉยอีกต่อไปแล้ว การเหยียดเชื้อชาติ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้" ทุกตัวอักษรที่กลั่นออกจากก้นเบื้องลึกของจิตใจ โอซิล มันให้ความรู้สึกได้ทันทีว่า เขาถูกกระแสกดดันมากเพียงใด เกี่ยวกับเรื่องการเมือง และหนึ่งคำพูดสำคัญที่คงบ่งบอกให้เขาจบกันที่ เยอรมัน คงจะหนีไม่พ้น "ในสายตาของหลายๆคน ผมเป็นคนเยอรมันเมื่อเราเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะ แต่พอผมแพ้ก็กลายเป็นคนอพยพไปทันที"
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline