ลุงเนพูดถูก!! คนดูบอลในสนามหายเพราะมีช่องทางอื่นในเสพ

ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาพูดถึง กระแสคนดูไทยลีกลดลง โดยยืนยันว่าทุกอย่างอาจจะเท่าเดิม แต่คนเลือกที่จะไม่ไปดูในสนามมากกว่า เนื่องจากมีช่องทางการเสพฟุตบอลมากขึ้น

นายใหญ่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เปิดใจถึงเรื่องกระแสคนดูฟุตบอลไทยที่น้อยลงในทุกๆ วัน โดยเป็นการเปิดใจผ่านเพจ "ลุงเน" พร้อมกับหลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอลไทยดังนี้ "ไม่หรอก ล่าสุดไปดูที่หนองบัว คนเกินที่ที่นั่งในสนาม ไม่ใช่เขาไม่นิยม ไม่ใช่คนไทยไม่ดู แต่เขาเลือกดูฟุตบอลที่สร้างความประทับใจให้เขา ฟุตบอลมันต้องเอนเตอร์เทน แต่วันนี้ทีมชาติไทย มันไม่ได้เล่นเอนเตอร์เทนชาวบ้านเขา ไทยลีกบางทีมเหมือนกัน มันก็เลยเป็นปัญหาไง" "วันนี้คุณอย่าลืมว่า คนมันหันไปดูทางแอปพลิเคชั่น ดูทางโซเชี่ยล เกมนึง ก็หลายแสนคน เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่คนดูลดลง วิวเวอร์มันเท่าเดิม แต่มันเปลี่ยนสถานที่ จากการดูในสนาม ไปดูอยู่ที่บ้าน หรือทุกๆสถานที่ ทุกๆเวลา เขาสามารถดูได้ทางแอปพลิเคชั่นของเขา" "ทำไมผมต้องพูดคำนี้ เพราะถ้าความนิยมลดลง บุรัรัมย์ ยูไนเต็ด จะขายเสื้อไม่ได้มากกว่าปีที่แล้วหรอก แต่พอมาถึงวันนี้ เทียบเวลาเดียวกันนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ปีนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขายเสื้อได้มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว 15 % ถ้าคนไม่นิยมฟุตบอลไทย เสื้อเราก็ต้องขายได้น้อยลงกว่าปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ ในเวลาเดียวกัน จำนวนเกมเท่ากัน เราขายได้มากกว่า นั่นแสดงว่าคนนิยมมากขึ้น แต่เขามีช่องทางที่จะชมการแข่งขัน มากขึ้นกว่าแต่ก่อน" "ปีที่แล้วมันมีแค่ดูในสนามกับดูทางเคเบิ้ล ทีวี แต่ปีนี้ มันมีทั้งดูในสนาม , เคเบิ้ลทีวี และ ดูแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือด้วย เพราะฉะนั้นความต่างมันมีแน่นอน จำนวนคนไม่ได้ลดลง กลับกันมันมากขึ้น แต่ไปดูที่อื่น เราต้องยอมรับความจริงว่า โลกมันเปลี่ยนไป" "เหมือนกับกีฬาอีสปอร์ต เวลาจัดการแข่งขันในสเตเดียม มีคนดูประมาณ 3-4 พันคน ตามขนาดสเตเดียมที่จัดแข่งขัน แต่พอสตรีม-มิ่ง มีคนดูเป็นล้านคน มันก็เหมือนกับฟุตบอล พอวันนี้ มันถ่ายทอดผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ดูได้ทางโทรศัพท์มือถือ คนก็ดูเป็นล้านคนเหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่า คนนิยมไทยลีก น้อยลงเลย" "แต่สิ่งที่สมาคมและไทยลีกต้องทำก็คือ เมื่อรู้ว่าคนไปดูทางนั้นมากขึ้น ก็ต้องไปเจรจาเรื่องสิทธิประโยชน์ ของคนที่ถ่ายทอดสด ที่มีรายได้มากขึ้นจากฝั่งแอปพลิเคชั่น เอามาช่วยเหลือทีม ที่คนดูเข้าสนามน้อยลง นี่คือวิธีที่จะต้องแก้ปัญหา"