ปิดฉากกันไปอีก 1 ตำนานสำหรับ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ภายหลังจากพี่แกได้ลงเล่นเกมสุดท้าย และยุติเส้นทางการรับใช้ทีมชาติ ฮอลแลนด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ได้โอกาสรับใช้ทีมชาติ ฮอลแลนด์ มานานถึง 15 ปีตั้งแต่ปี 2003-18 ได้ลงเล่นไป 134 เกม ยิงได้ 31 ประตู และในเมื่อวันนี้มันถึงวันสิ้นสุดแล้วทาง 'ขอบสนาม' ก็เลยอาสาขอพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปดูว่าตลอดช่วงที่ผ่านมามีโมเมนต์ไหนบ้างของ สไนเดอร์ ที่่น่าจดจำบ้างกับทัพ 'กังหันสีส้ม'
เปิดตัวกับ ฮอลแลนด์ ชุดใหญ่
30 เมษายน 2003 นั่นคือวันที่ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ มีชื่อติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และก็ได้ลงเล่นประเดิมในนัดที่เจอกับ โปรตุเกส พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะที่อายุที่สุดอันดับ 8 ที่ได้ลงรับใช้ทีมชาติชุดใหญ่
เปิดซิงตุงแรกในสีเสื้อ ฮอลแลนด์
หลังจากได้ลงเล่นเกมแรกไปแล้วเป้าหมายต่อไปก็คือการมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดครั้งแรกกับทัพ 'กังหันสีส้ม' ซึ่ง สไนเดอร์ นั้นมาปลดล็อคในวันที่ 18 สิงหาคม 2004 โดยเป็นเกมอุ่นเครื่องที่เสมอกับ สวีเดน 2-2
ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในชีวิต
ยูโร 2004 เวสลี่ย์ สไนเดอร์ มีส่วนร่วมกับทีมชาติ ฮอลแลนด์ ด้วยในปีนั้น แต่บทบาทส่วนใหญ่ยังคงเป็นตัวสำรอง โดยพี่แกได้ลงเล่น 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่มที่เจอกับ เยอรมัน และ ลัตเวีย
ชัยชนะเหนือ อิตาลี ในรอบ 30 ปี
เวสลี่ย์ สไนเดอร์ กลายมาเป็นของ ฮอลแลนด์ อย่างเต็มตัว และใน ยูโร 2008 ก็นับว่าเดือดเลยตั้งแต่เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม เพราะต้องเจอกับ อิตาลี ที่เป็นแชมป์โลกเมื่อปี 2006 สไนเดอร์ มีบทบาทมากในเกมนั้น โดยลูกแรกที่ ฮอลแลนด์ ขึ้นนำ 1-0 ก็ได้พี่แกนี่แหละที่วิ่งยิงซ้ำจังหวะ 2 บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนบอลจะพุ่งเลียดไปทางเสาไกล และเป็น รุด ฟาน นิสเตลรอย วางเท้าแปเข้าไปง่ายๆ
เท่านั้นยังไม่พอ สไนเดอร์ ยังมาซัลโวด้วยตัวเองอีกด้วยในลูกที่ 2 จากจังหวะสวนกลับ ก่อนได้วอลเล่ย์จ่อๆ ในเส้นกรอบ 6 หลาระยะเผาขน ก่อนที่เกมจะจบที่สกอร์ 3-0 พร้อมกับพา ฮอลแลนด์ โค่น อิตาลี ลงได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
ความร้อนแรงใน ฟุตบอลโลก 2010
ปี 2010 ต้องบอกเลยว่านี่คือปีทองของ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ของจริง เพราะในระดับสโมสรพี่แกสามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์กับ อินเตอร์ มิลาน อย่าง ยิ่งใหญ่ ต่อยอดจนถึง ฟุตบอล 2010 ที่ แอฟริกาใต้ สไนเดอร์ ก็ยังฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องด้วยการซัดไปถึง 5 ประตูซึ่งแต่ละประตูนั้นนับเป็นประตูสำคัญทั้งนั้นเลย
ไม่ว่าจะเป็นประตูชัย 1-0 ในเกมเจอ ญี่ปุ่น, ประตูชัยพา ฮอลแลนด์ ชนะ สโลวาเกีย 2-1 ช่วงท้ายเกมในรอบ 16 ทีม ก่อนจะมาซัดอีก 2 เม็ดกด บราซิล 2-0 รอบ 8 ทีมซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นประตูจากลูกโหม่งครั้งแรกในชีวิตด้วย ส่วนอีกประตูเกิดขึ้นในเกมที่เฉือนชนะ อุรุกวัย ไปแบบสุดมันส์ 3-2 พร้อมกับตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
ทุกอย่างมันกำลังไปได้สวยจริงๆ สำหรับโมเมนต์ของ สไนเดอร์ ในตอนนั้น แต่ถึงกระนั้นท้ายที่สุดก็ต้องอกหักจนได้ในรอบชิงชนะเลิศที่เจอกับ สเปน จากประตูดับฝันของ อันเดรส อิเนียสต้า ในนาที 116
ผิดหวังซ้ำ 2
เมื่อไปไม่ถึงดวงดางใน ฟุตบอลโลก 2010 สไนเดอร์ ก็หวังพา ฮอลแลนด์ กู้หน้าให้ได้ด้วยการล่าถ้วยแชมป์ ยูโร 2012 แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งเมื่อถูกจับสลากให้อยู่ใน 'กรุ๊ป ออฟ เดธ' ที่มีทั้ง เยอรมัน, โปรตุเกส และ เดนมาร์ก และผลปรากฏว่าปีนั้น ฮอลแลนด์ จบที่อันดับบ๊วยในรอบแบ่งกลุ่มด้วยการมี 0 คะแนนจากการแพ้รวดทั้ง 3 นัด และนั่นคือการจอดป้ายรอบแบ่งกลุ่มศึก ยูโร ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1980
ได้ปลอกแขนกัปตันทีมอย่างเป็นทางการ
ช่วงเดือน สิงหาคม 2012 หลังจาก มาร์ค ฟาน บอมเมล ได้ประกาศรีไทร์จากทีมชาติ ฮอลแลนด์ ไปนั่นก็เลยทำให้ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ได้สืบทอดมันต่อ ก่อนที่ หลุยส์ ฟาน กัล จะแต่งตั้งให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ รับหน้าที่แทน 1 ปีหลังจากนั้น
ติดธงครบ 100 นัด
เวสลี่์ย์ สไนเดอร์ มีส่วนร่วมกับทัพ 'กังหันสีส้ม' อีกครั้งใน ฟุตบอลโลก 2014 และก็ถือโอกาสได้ลงเล่นช่วยชาติครบ 100 นัดพอดีในเกมเปิดสนามรอบแบ่งกลุ่มที่ยำใหญ่แชมป์เก่า สเปน ถึง 5-1 ซึ่งเกมนั้นพี่แกทำได้ 1 แอสซิสต์ โดยจ่ายให้เพื่อนซี้อย่าง อาร์เยน ร็อบเบน ซัลโวประตูปิดกล่อง
เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ไปไม่ถึงฝัน
ฮอลแลนด์ ของ สไนเดอร์ ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย เจอที่ของหนักๆ ทั้งนั้นตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนกระทั่งมาเจอกับ อาร์เจนติน่า ในรอบรองชนะเลิศ และต่างฝ่ายก็ต่างสู้กันได้ดีและไม่ยอมกันง่ายๆ จนต้องไปตัดสินกันในช่วงของการดวลจุดโทษว่าใครจะได้ตั๋วเข้าไปชิงชัยกับ เยอรมัน แต่ผลปรากฏว่าเป็น อาร์เจนติน่า ที่เอาชนะไป 4-2 และ สไนเดอร์ ก็เป็น 1 ใน 2 คนของ ฮอลแลนด์ ที่บอดโทษ
นั่นจึงทำให้ ฮอลแลนด์ ไปได้แค่ชิงที่ 3 กับเจ้าภาพ บราซิล และก็เอาชนะมาได้แบบถล่มทลาย 3-0 ซึ่งเกมนั้น สไนเดอร์ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง เพราะดันเจ็บก่อนเกมจะเริ่มเสียอย่างงั้น
ยุคตกต่ำ
หลังเสร็จสิ้นทัวร์นาเมนต์ที่ บราซิล ดูเหมือน ฮอลแลนด์ จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งในตำแหน่งของกุนซือและตัวผู้เล่น และเหมือนคลื่นลูกใหม่มันจะไม่สามารถทดแทนที่รุ่นพี่ได้ทันทีก็เลยทำให้พวกเขาอดตีตั๋วไปผจญภัยใน ยูโร 2016 และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984 ที่พวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือก ตลอดจน ฟุตบอลโลก 2018 ก็ยังไม่ได้ไปล่าแชมป์กับเขาอีกตามเคย
ประกาศยุติบทบาทกับการรับใช้ทีมชาติ ฮอลแลนด์
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา สไนเดอร์ ได้ลงเล่นแค่เพียง 10 เกมเท่านั้นให้กับ ฮอลแลนด์ ใ นทุกรายการ ก่อนที่จะมาแถลงการณ์ขอยุติการรับใช้ทีมชาติ ฮอลแลนด์ ในวันที่ 4 มีนาคม 2018 แต่จะยังขอลงเล่นเกมนัดสุดท้ายก่อนจาก โดยเป็นเกมอุ่นเครื่องกับ เปรู ในวันที่ 6 กันยายน
สุดท้ายและท้ายสุด
เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนัดสุดท้ายกับ ฮอลแลนด์ ที่ดวลแข้งกับ เปรู โดยได้ลงล่นไป 62 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวเอา ควินซี่ โปรเมส พร้อมหยุดสถิติรับใช้ชาติไว้ที่ 134 นัด ยิงไป 31 ประตู ความสำเร็จสูงสุดคือการได้รองแชมป์โลกปี 2010 และอันดับ 3 ใน ฟุตบอลโลก 2014
เกียรติประวัติส่วนตัว
- ติดทีมยอดเยี่ยม ยูโร 2008
- ประตูสุดสวย ยูโร 2008
- ซิลเวอร์บอล เวิลด์ คัพ 2010
- บรอนซ์ บูท เวิลด์ คัพ 2010
- ติดทีมยอดเยี่ยม เวิลด์ คัพ 2010
'ผมสนุกทุกวินาทีที่อยู่ในสนาม ถึงแม้ผมจะรู้ดีว่าตอนนี้เส้นทางมันได้จบลงแล้ว แต่ผมก็มีความสุขมากที่ครั้งหนึ่งผมได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองเพื่อชาติ ดังนั้นตอนนี้ผมสามารถบอกลากับมันอย่างยิ่งใหญ่ได้ซะที' และนี่คือความรู้สึกจากใจครั้งสุดท้ายของ เวสลี่ย์ สไนเดอร์
-HaMuDosSantos-
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม