logo-heading

นับเป็นเกมที่สู้กันสนุกและมีความดราม่าเกิดขึ้นเล็กน้อยเพราะ อังกฤษ นั้นได้โกงความตายพลิกแซงกลับมาชนะ โครเอเชีย 2-1 ในช่วงท้ายเกมของศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก

เป็นเกมที่มีความหมายสำหรับทั้งคู่ เพราะถ้าเกิดใครชนะก็จะได้โควต้าเป็นตัวแทนของกลุ่มเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในช่วงซัมเมอร์หน้า และท้ายที่สุดผลปรากฏว่า อังกฤษ คือทีมนั้น และนี่คือสาระต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้

ยอดดาวยิงแห่ง นิว เวมบลี่ย์

ปีนี้ แฮร์รี่ เคน อาจจะดูเงียบๆ ไปสักหน่อยในเรื่องการซัลโวประตู ถึงแม้มันอาจไม่ได้น้อยถึงขั้นฟอร์มตก แต่มันก็ไม่ได้ถล่มทลายเหมือนกับที่ผ่านๆ มา อย่างไรก็ตามวันนี้เขาคือฮีโร่ผู้พาทีมชาติ อังกฤษ พลิกชะตากลับมาดับฝันทีมชาติ โครเอเชีย ด้วยการยิงประตูชัยในนาที 85 และนั่นทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงได้แตะหลัก 30 ประตูที่ นิว เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม

747

นอกจากจะเป็นฮีโร่ในเกมดังกล่าวแล้วประตูชัยของ แฮร์รี่ เคน ยังถือเป็นประตูแรกยิงได้ในสีเสื้อทีมชาติ อังกฤษ นับตั้งแต่ที่ยิงได้ในเกม ฟุตบอลโลก 2018ที่เจอกับ โคลอมเบีย ที่ประเทศ รัสเซีย ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เบ็ดเสร็จก็ราวๆ 7 เกม คิดเป็นนาทีตัวเลขอยู่ที่ 747 นาทีที่เขายิงประตูไม่ได้

ความหวังใหม่ในการจบสกอร์

หลังจาก มาริโอ มานด์ซูคิช ได้ประกาศรีไทร์จากทีมชาติ โครเอเชีย ไปช่วงจบ ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศ รัสเซีย หลายคนก็กำลังสงสัยว่าใครกันที่จะมาเป็นกองหน้าเบอร์ 1 คนต่อไป ซึ่งในเกมที่ เวมบลี่ย์ อังเดร ย์ ครามาริช ก็แสดงให้เห็นแล้วเขาพร้อมจะก้าวขึ้นมารับบทบาทนี้ หลังจากทำประตูได้ แถมก่อนหน้านั้นในเกมโค่น สเปน พี่แกก็มีชื่อขึ้นบนสกอร์บอร์ดด้วย ถึงแม้ท้ายที่สุด โครเอเชีย จะไม่ได้ต่อในรอบสุดท้ายช่วงซัมเมอร์หน้าก็ตาม

ลินการ์ด ยิงได้ต่อเนื่อง

ถึงวันนี้จะมีชื่อเป็นแค่ตัวสำรองและลงมาช่วงนาที 70 กว่าๆ แต่อีก 5 นาทีต่อจากนั้นเขาก็ช่วยตีเสมอให้กับ อังกฤษ ไล่ โครเอเชีย มาเป็น 1-1 ต้องชมเลยพี่แกเลยจริงๆ เพราะยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา แถมก่อนหน้านี้ก็เพิ่งซัดประตูได้ในเกมที่ดวลกับ สหรัฐอเมริกา ซึ่งนั่นจึงได้เกิดสถิติใหม่ขึ้น เพราะนี่คือครั้งแรกที่ ลินการ์ด ยิงประตูในเกมทีมชาติได้ 2 นัดติดต่อกัน

นำก่อนแล้วแพ้ในรอบ 4 ปี

เกมนี้ถือว่า อังกฤษ เอาคืนได้สำเร็จ หลังจากโดนทุบมาในเกม ฟุตบอลโลก 2018 รอบรองชนะเลิศ ที่แพ้ 1-2 ช่วงต่อเวลาพิเศษ แถมเป็นการพลิกแซงชนะช่วงท้ายเกมด้วย พร้อมกับส่งผลให้ โครเอเชีย ตกชั้นไปในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และถ้าพูดถึงเกมล่าสุดที่ โครเอเชีย นำคู่แข่งก่อนแต่กลับมาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทีหลังนั้นต้องย้อนกลับไปราวๆ 4 ปีก่อน แถมยังตรงกับเดือนพฤศจิกายนด้วย (นับเฉพาะเกมอย่างเป็นทางการ) ซึ่งเกิดขึ้นในเกม ฟุตบอลโลก 2014 ที่เจอกับเจ้าภาพ บราซิล โดย โครเอเชีย นำก่อน จากการทำเข้าประตูตัวเองของ มาร์เซโล่ ในนาที 11 ก่อนที่ เนย์มาร์ จะมาตีเสมอ 1-1 นาที 29 และยิงจุดโทษให้ทีมขึ้นนำ 2-1 นาที 71 และ ออสการ์ มาซัดประตูดับฝัน 3-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline