logo-heading

ถ้าหากพูดถึงนักเตะที่ชีวิตพลิกผันมากสุด ที่ให้อารมณ์แบบจาก "ดินสู่ดาว" ก็คงต้องมีชื่อของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส อยู่ในนั้น เพราะเขาได้พัฒนาฝีเท้าจากแข้งลีกรอง ที่ไม่มีใครรู้จัก กลายมาเป็นสุดยอดแข้งระดับโลก ที่ทุกคนให้การยอมรับ

มาวันนี้ ก็องเต้ ได้กลายเป็นนักเตะ เชลซี ที่มีค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสร จากการต่อสัญญาเพิ่มอีก 5 ปี มันเหมือนเป็นเครื่องการันตีว่า ก็องเต้ คือความจริง และ นี่คือไทม์ไลน์ชีวิตของเขา จาก 8 ปีก่อน จนมาถึงวันนี้

ปี 2012 : เล่นอยู่ในดิวิชั่น 3 ของฝรั่งเศส สมัยที่ ก็องเต้ เป็นเยาวชน นั้น เขาเป็นเด็กลูกหม้อของทีม บูโลญ และ ก้าวขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ในวัย 21 ปี ซึ่งเกมแรกของเขาในฐานะฟุตบอลอาชีพ เป็นการแข่งขันแมตช์สุดท้ายในลีก เดอซ์ ฝรั่งเศส เมื่อฤดูกาล 2011-12 และ ทีมต้องตกชั้นมาอยู่ ดิวิชั่น 3 ของฝรั่งเศส ในซีซั่นถัดมา ซึ่งปีนั้นเจ้าตัวได้ลงเกือบตลอด พลาดไปเพียงแค่ 1 นัด เท่านั้น ปี 2014 : ขยับขึ้นมาอยู่ ลีก เอิง ฝรั่งเศส บางครั้งการได้เล่นกับ บูโลญ อย่างต่อเนื่อง อาจจะเป็นโชคชะตาทำให้ของ ก็องเต้ เปลี่ยนผันเลยก็ว่าได้ เพราะแมวมองของทีม ก็อง คงเห็นอะไรในตัวนักเตะรายนี้สักอย่าง จึงเลือกดึงตัวมา และ ช่วยพาทีมขยับขึ้นจาก ลีก เดอซ์ ขึ้นมาสู่ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ในซีซั่น 2014-15 พร้อมผลงานลงเล่น 37 นัด ยิงไป 2 ประตู และนำพาเขาไปสู่ เลสเตอร์ ซิตี้ ปี ?????? 2015 : ย้ายมาอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เชื่อว่าตอนที่ ก็องเต้ ตัดสินใจย้ายมาจาก ก็อง มาอยู่ เลสเตอร์ ซิตี้ คงไม่มีใครสนใจเท่าไหร่นัก เพราะด้วยชื่อเสียงที่ไม่ดัง และ ค่าตัวก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ประมาณ 5.6 ล้านปอนด์ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ก้าวข้ามขึ้นมาอีกขึ้น จาก ลีก เอิง ฝรั่งเศส มาเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หนึ่งในลีกที่ดีที่สุดในโลก ปี 2016: คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรก กับ เลสเตอร์ ซิตี้ แค่ปีเดียว ก็เสียวสะท้านไปทั้งลีก เพราะในช่วงที่ เลสเตอร์ ทำเซอร์ไพรส์ ชนะรัวๆจนขึ้นมาอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งหนึ่งในนักเตะที่ทำให้ "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" ประกาศศักดาท้ารบพวกยักษ์ใหญ่ นั่นก็คือ ก็องเต้ เพราะเขาเป็นตัวเก็บกวาด ไล่ตัดเกมคู่แข่ง แบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย และ หลังจากคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ชื่อเสียงของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก ปี 2016: เข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2016 จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในทีม เลสเตอร์ ของ ก็องเต้ ทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติฝรั่งเศส เป็นครั้งแรก และ ต่อยอดถูกเรียกติดธง "ตราไก่" ลุยศึก ยูโร 2016 เสียดายที่ทัวร์นาเมนต์นี้ ฝรั่งเศส ได้เป็นแค่พระรอง แพ้ให้กับ โปรตุเกส และ ก็องเต้ มีสถานะเป็นตัวสำรองเท่านั้น ปี 2017: คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยสอง กับ เชลซี ทุกอย่างมันต่อยอดกันไปหมด จากการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลาส่วนตัวมากมาย ทำให้ เชลซี ซึ่งต้องการกลับมาทวงบัลลังค์แชมป์อีกครั้ง จึงเลือกทุ่มเงินซื้อแข้งรายนี้ ด้วยเม็ดเงิน 32 ล้านปอนด์ ต้องบอกเลยว่าราคานี้ "ถูกเกิ๊น" เพราะ ก็องเต้ ยังคงโชว์ผลงานสม่ำเสมอ และ ยังเป็นคีย์แมนสำคัญพา เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ เป็นสมัย 2 ของเจ้าตัว ปี 2018 : คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 มันเป็นเหมือนนิยายจริงๆ กับชีวิตของนักฟุตบอลคนหนึ่ง เพราะถ้าย้อนกลับไป 6 ปีก่อน ก็องเต้ ยังเป็นนักเตะตัวเล็กๆ ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรเลย แต่เขาก็ได้ก้าวผ่านขึ้นมาคว้าแชมป์กับสโมสร จนกระทั่งถึงทีมชาติฝรั่งเศส ก็องเต้ ก็ไปถึงจุดสุดยอด นั่นคืออยู่ในชุดสร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 กับทัพ "ตราไก่" ปี 2018 : ต่อสัญญายาวกับ เชลซี พร้อมรับค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสร ถึงแม้ซีซั่นนี้ ก็องเต้ จะขยับขึ้นมาเล่นตำแหน่งใหม่ ซึ่งต้องเล่นเพื่อเกมรุกมากกว่าเดิม นับตั้งแต่ จอร์จินโญ่ ย้ายมาอยู่กับ "สิงห์บลูส์" แต่ทว่าดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ก็ยังคงสำคัญกับ เชลซี เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นจึงไม่แปลกที่ เชลซี ได้จับมาเซ็นสัญญายาวถึง 5 ปี และก็รับค่าเหนื่อยสูงสูดของสโมสร มากถึง 290,000 ปอนด์
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline