logo-heading

ลิเวอร์พูล มีเหงื่อตกยางออกเหมือนกัน เพราะพักผู้เล่นตัวหลักหลายคนเหมือนกัน แถมยังต้องเจอลูกโหดจากทาง เบิร์นลี่ย์ จนโดนยิงขึ้นนำไปก่อน แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว "หงส์แดง" ก็มารัวแซงเอาชนะไป 3-1 เก็บ 3 คะแนน ไล่จี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง ต่อไป เอาเป็นว่ามาดูถึงความสามารถนักเตะ ลิเวอร์พูล กันว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร

อลิสซอน เบ็คเกอร์ : 8.5 ให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปเลยก็ได้นะ ในฐานะคนที่มีส่วนสำคัญนำ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 คะแนน เพราะพี่หมีของบรรดา "เดอะ ค็อป" เซฟแล้วเซฟอีก จากจะโดน 2-2 ให้นำเป็น 3-1 ได้ แถมออกบอลก็ได้เปรียบจนได้ประตูปิดกล่อง บอกเลยว่าการมีผู้รักษาประตูดีๆ มันส่งผลต่อการเก็บชัยชนะเหลือเกิน โจ โกเมซ : N/A ด้วยความที่ต้นเกมยังสูสี ทำให้รูปเกมยังคงตึงๆ แต่ทว่า ลิเวอร์พูล ก็ต้องเปลี่ยนตัว เพราะ โจ โกเมซ ได้รับบาดเจ็บ เล่นต่อไม่ไหว ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ตั้งแต่นาทีที่ 23 เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 7.5 ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในเกมรับเหมือนเดิม แต่มาเกมนี้ช่วยเกมรุก "หงส์แดง" ได้ด้วย จริงๆเจ้าตัวมีโอกาสโขกจากลูกเตะมุม แต่บอลไปติดเซฟ โจ ฮาร์ท อย่างไรก็ตามจังหวะเล่นลูกสูตร เขาเป็นคนไปสไลด์เกี่ยวบอลกลับมาให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยิงจ่อๆขึ้นนำ 2-1 โจเอล มาติป : 6 เชื่อว่าสาวก "เดอะ ค็อป" คงเซ็งๆกับฟอร์มการเล่นของ มาติป ในวันนี้ โดยเฉพาะครึ่งแรกอาการน่าเป็นห่วงเหลือเกิน แถมเปิดบอลก็ขัดใจไปหมด ยังดีที่ว่าครึ่งหลังทำได้ดีขึ้น อัลเบร์โต้ โมเรโน่ : 5.5 ส่วนตัวบอกเลยว่า สมควรแล้วที่ โมเรโน่ ยังทำได้เป็นแค่ตัวสำรองต่อไป เพราะเป็นแบ็กซ้ายที่เติมเกมบุกดีก็จริง แต่นั่นก็เป็นเหมือนจุดอ่อนเขาด้วย เนื่องจากเกมรับโดนเจาะอยู่ตลอด และ เบิร์นลี่ย์ ก็เล่นงานตรงจุดนั้นจริงๆ นาบี เกอิต้า : 8 เป็นหนึ่งในฟอร์มที่ดีที่สุดของ นาบี เกอิต้า นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ หงส์แดง เลยก็ว่าได้ เกมนี้เขาควรจะมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดด้วยซ้ำ เพราะมีจังหวะยิงไกล แต่โดน ฮาร์ท เซฟไปชนคาน อย่างไรก็ตามการเดินเกม, การจ่ายบอล สร้างประโยชน์กับทีมเยอะมากๆ เจมส์ มิลเนอร์ : 8 บางวันฟอร์มของเขาอาจจะดูหลุดๆไปบ้าง แต่สำหรับเกมพลิกกลับมาชนะ เบิร์นลี่ย์ มิลเนอร์ มีส่วนสำคัญ ที่ต้องให้เครดิตอย่างมาก เริ่มจากการยิงประตูตีเสมอให้กับ ลิเวอร์พูล บอกเลยว่าลูกนี้คมมาก และถึงแม้ต้องถอยไปเล่นแบ็กซ้าย แต่ก็ทำให้ โมเรโน่ หมองไปเลย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6.5 ยังคงเป็นตัวปิดทองหลังพระเช่นเดิม ต่อให้ไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของเขา แต่อย่างน้อยการทำหน้าที่ของกัปตันเฮนโด้ ก็ไม่ได้บกพร่องอะไรมากนัก แต่การเชื่อมเกม และ การแท็คเกิ้ลเอาชนะคู่แข่ง ยังทำได้ดี เซอร์ดาน ชากิรี่ 6.5 ได้โอกาสลงเล่นตัวจริงในฐานะแนวรุก 3 ประสานบ้างแล้ว แต่ต้องยอมรับกันตามตรงว่าครึ่งแรก ชากิรี่ ค่อนข้างจะเงียบเหลือเกิน แทบจะสร้างอิทธิพลให้กับทีมไม่ได้เลย แต่พอมาครึ่งหลังแล้วทำผลงานดีขึ้น ก่อนจะมายิงประตูปิดกล่องให้ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 คะแนน สำเร็จ ดิว็อค โอริกี้ : 6 ผลพวงมาจากการโขกประตูชัยพา ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ทำให้ ดิว็อค โอริกี้ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกนับตั้งแต่พฤษภาคม 2017 ถ้าหากเทียบกับ สเตอร์ริดจ์ ยกให้ โอริกี้ มีฟอร์มที่ดีกว่า แต่ด้วยความที่ต้องถอยลงมาต่ำหน่อย ทำให้โอกาสจบสกอร์ยาก ทว่าอย่างน้อยก็มี 1 แอสซิสต์ ให้ มิลเนอร์ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ : 6 ไม่รู้ว่าหลายคนมองฟอร์ม สเตอร์ริดจ์ แบบไหน แต่วันนี้หลายๆครั้งจะเห็นว่า เต้ยโศก เก็บบอลไม่ได้ และ เสียบอลมากเกินไป ต่อให้จะมีช่วงครึ่งหลังที่เกือบยิงให้ทีมได้ประตู แต่ก็เป็นโอกาสแค่ไม่กี่ครั้งของเขา ถึงกระนั้นก็ได้ลงเล่นครบ 90 นาที และมีส่วนต่อประตูปิดกล่อง สำรอง เทรนท์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ : 6.5 ลูกที่ ลิเวอร์พูล เสียประตู ก็ต้องโทษไอ้หนูคนเหล็กเหมือนกัน เพราะปล่อยให้ ทาร์คอฟสกี้ ตั้งคอโหม่งมาหน้าปากประตูจนทีมโดนยิง อย่างไรก็ตามมาแก้ตัวสำเร็จจากการเล่นฟรีคิกลูกสูตร โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ : 7 เมื่อ คล็อปป์ เปลี่ยน 2 กองหน้าลง ลิเวอร์พูล ก็มีความอันตรายผิดหูผิดตาจริงๆ เพราะการสัมผัสบอลครั้งแรกของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก็เท่ากับเป็นประตูทันที เมื่อยิงจ่อๆจากจังหวะเล่นลูกสูตร โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 7 พอตอนที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ ซาลาห์ ก็เปรียบเสมือน รอเล่นบอลโต้กลับอยู่ตลอด เพราะ เบิร์นลี่ย์ ก็ต้องโดนสูง เพื่อหวังประตูตีเสมอ และในช่วงที่ เบิร์นลี่ย์ เกือบตีเสมอนั้น "หงส์แดง" ก็ได้จังหวะโต้กลับ อลิสซอน ขว้างบอลเร็วมาให้กับ ซาลาห์ ก่อนจะกระดกให้ ชากิรี่ ยิงฝังปิดกล่อง
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline