logo-heading

ถ้าพูดถึงทีมที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงและถูกพูดถึงมากที่สุด ณ เวลานี้ก็คงต้องยกให้ 'หงส์แดง' ลิเวอร์พูล เพราะตอนนี้พวกเขาคือทีมที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ ถ้าหากยังรักษามาตรฐานของตัวเองแบบนี้เอาไว้ได้

ตลอดปี 2018 ที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับสโมสร ลิเวอร์พูล ทั้งเรื่องดีและไม่ดี ดังนั้นในเมื่อปี 2018 กำลังจะหมดไปทาง 'ขอบสนาม' ก็อยากจะยกประเด็นที่น่าสนใจของทัพ 'หงส์แดง' มาบอกเล่าเก้าสิบกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย

คล็อปป์ สามารถเล่นเกมรับได้

ย้อนกลับไปเลกแรกของซีซั่นก่อน ลิเวอร์พูล เสียไป 23 ประตูจาก 19 นัด และเมื่อเปรียบเทียบกับทีมใหญ่ๆ ด้วยกันพวกเขาถือว่ามีสถิติที่แย่ที่สุดเพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียไป 12 ประตู, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เสียไป 18 ประตู, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียไป 14 ประตู และ เชลซี เสียไป 14 ประตู แต่ปีนี้เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ แก้ปัญหาได้ตรงจุดในเกมรับด้วยการเซ็น อลิสซอน เบ็คเกอร์ กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ มาร่วมก๊วนสถิตเกมรับก็ดีขึ้นทันตาเห็นในฤดูกาลนี้ โดยอนนี้พวกเขาเสียไปแค่ 7 ประตูเท่านั้นจาก 19 นัด

ชีวิตหลังจากไม่มี บูวัช

ตอน เซลจ์โก้ บูวัช ต้องไปจาก ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้นก็มีแฟนๆ 'เดอะ ค็อป' หลายคนหวั่นใจว่าสถานการณ์ของทีมจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลงหรือไม่โดยเฉพาะฟอร์มการเล่น เพราะนี่คือเพื่อนซี้และเพื่อนคู่คิดของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่ปี 2001 ที่สำคัญคือ บูวัช คือหนึ่งในผู้ยลโฉม ลิเวอร์พูล จนกลายเป็นทีมที่มีการเพรสซิ่งที่น่ากลัวด้วย แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรเพราะ ลิเวอร์พูล ยังคงเป็นทีมที่ฟอร์มแรงเหมือนเคยและยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำไม่ต่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ฟอร์มของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาก็ กดไปถึง 44 ประตูเมื่อฤดูกาล 2017-18 ในการเปิดตัวที่ แอนฟิลด์ ปีแรกมันก็ได้เกิดคำถามว่าฤดูกาลนี้พี่แกจะยังทำแบบนั้นได้อีกหรือไม่ ซึ่งถึงแม้ ซาลาห์ จะเครื่องร้อนค่อนข้างช้าแต่พักหลังก็ยิงประตูได้เรื่อยๆ จนตอนนี้ก็กดไปแล้ว 16 ประตูจาก 27 เกม มันอาจไม่ได้ร้อนแรงเหมือนปีก่อนแต่ด้วยตัวเลขจำนวนดังกล่าวมันก็ไม่ได้เลวเลย ถ้านับแค่ผลงานใน พรีเมียร์ลีก ซาลาห์ ซัดไปแล้ว 12 ประตู บวกกับทำไปอีก 6 แอสซิสต์

เรื่องของการแพทย์

ลิเวอร์พูล กำลังควานหาตัวแทนของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ต้องเสียให้ บาร์เซโลน่า ไปช่วงต้นปี 2018 และในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาก็หาตัวแทนได้แล้วนั่นคือ นาบิล เฟคีร์ จอมทัพของ โอลิมปิก ลียง แถมเรื่องของกระบวนการการย้ายทีมก็เหมือนจะไปได้สวยด้วย แต่สุดท้ายดีลดังกล่าวมันก็ไม่เกิดขึ้นเมื่อ ลิเวอร์พูล ไปตรวจร่างกายและเจอว่า เฟคีร์ นั้นเคยเจ็บหนักที่หัวเข่ามาก่อนก็เลยขอต่อรองราคาลงอีกหน่อยจากที่ตกลงกันไปตอนแรกที่ 53 ล้านปอนด์ แต่ ลียง ไม่ยอม

คล็อปป์ พร้อมทุ่มเงินก้อนโตถ้ามันคุ้มค่า

อย่างที่ทราบกันว่าที่ผ่านๆ มาส่วนใหญ่ ลิเวอร์พูล ไม่ค่อยใช้เงินเสริมทัพแบบมากมายมหาศาลเหมือนพวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือว่า เชลซี แต่ในเมื่อพวกเขามีจุดแข็งเรื่องเกมบุกที่จัดจ้าน แต่กลับมาเกมรับที่อ่อนยวบ และเมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจอเป้าหมายที่ถูกชะตาและน่าจะตอบโจทย์ได้ดีเจ้าตัวก็ไม่รอช้าที่จะเดินเรื่องถึงบอร์ดบริหารเพื่อขอเงินมาใช้จ่าย ณ ตรงจุดนี้ และผลปรากฏว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ ซื้อมา 67 ล้านปอนด์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ซื้อมาในค่าตัวสถิติโลกของผู้เล่นกองหลัง 75 ล้านปอนด์ มันกลายเป็นถูกไปเลยเมื่อวัดกับฟอร์มของพวกเขา

ศัตรูที่น่ากลัวบนสังเวียนยุโรป

ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ยุโรป 5 สมัยซึ่งก่อนที่พวกเขาจะกรุยทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ครั้งล่าสุดที่พวกเขามาถึงรอบดังกล่าวได้ก็คือปี 2007 ที่เจอกับ เอซี มิลาน จริงๆ ในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตอนปี 2014 ลิเวอร์พูล ก็ได้กลับมาโลดแล่นในเวที บิ๊กเอียร์ ครั้งหนึ่ง แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกลเลย อย่างไรก็ตามด้วยศักยภาพเกมบุกที่ร้อนแรงนับตั้งแต่ได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียนมันก็ทำให้ชื่อของ ลิเวอร์พูล กลับมาเป็นศัตรูที่่น่ากลัวอีกครึ่งสำหรับทุกๆ ทีม

การลุ้นแชมป์และความเป็นไปได้

มาถึงตรงนี้แล้วด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม, เกมรุกที่โหดจัดจ้าน, ทรงบอลที่ดีเยี่ยมต้องบอกเลยว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ได้ลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวแน่นอน ซึ่งตอนนี้พวกเขาเป็นจ่าฝูงและมีช่องว่างทิ้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 2 อยู่ 7 คะแนน ถ้าเกิดในการเจอกันที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม นัดถัดไปถ้าหาก ลิเวอร์พูล เก็บผลเสมอได้เป็นอย่างน้อย และรักษามาตรฐานของตัวเองได้แบบนี้ต่อไปในอีก 17-18 นัดที่เหลือยังไงพวกเขาก็มีโอกาสเป็นแชมป์มากกว่า 70 %

อนาคตสดใส

มาดูกันที่เรื่องของขุมกำลังกันบ้าง แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ชุดนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งและลงตัวทุกตำแหน่งไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า แต่อายุของนักเตะแต่ละคนมันไม่เท่ากันหรอกต้องมาดูว่าแต่ละคนนั้นมีอายุการใช้งานได้นานเท่าใดบ้าง แต่ถ้าไปเจาะลึกดูแล้วต้องบอกเลยว่า ลิเวอร์พูล ชุดนี้ยังใช้ชุดเดิมได้อีกหลายปีเลยทีเดียว โดยแข้งตัวหลักที่อายุเยอะสุดก็คงจะเป็น เจมส์ มิลเนอร์ อายุ 32 ปี รองลงมาก็ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อายุ 28 ปี ตามด้วย เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม อายุ 27 ปีเท่ากัน นอกจากนี้ ฟาบินโญ่ อายุ 25ม นาบี เกอิต้า อายุ 23 ปี, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน อายุ 24 ปี, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ อายุ 26 ปี, โจ โกเมซ อายุ 21 ปี และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อายุ 20 ปี ซึ่งหมายความว่าถ้า ลิเวอร์พูล ยังยุดขุมกำลังชุดนี้เป็นหลักและรักษาฟอร์มเก่งได้ต่อไปและมีโอกาสยืนอยู่ที่สูงได้อีกนาน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline