logo-heading

ปิดฉากไปอีก 1 ตำนานในโลกลูกหนังเมื่อ ปีเตอร์ เช็ก จู่ๆ ก็ออกมาประกาศขอรีไทร์จากเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลอย่างเป็นทางการช่วงหลังจบฤดูกาล 20018-19

นับว่าเซอร์ไพรส์ไม่ใช่น้อยเพราะตอนแรกเป็นที่เชื่อกันว่า ปีเตอร์ เช็ก อาจเลือกย้ายออกจาก อาร์เซน่อล ไม่ช่วงตลาดหน้าหนาวก็ช่วงซัมเมอร์ หลังจากเสียตำแหน่งโกล์มือ 1 ให้กับ แบรนด์ เลโน่ แต่ความจริงพี่แกก็อายุปาไป 36 แล้ว และก็โลดแล่นในเส้นทางนี้มานานถึง 20 ปี พร้อมกับกอบโกยความสำเร็จมามาก ดังนั้นมันก็ไม่มีอะไรให้เสียดายกับการโบกมือลาไปในครั้งนี้ ปีเตอร์ เช็ก ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง ณ ปัจจุบัน ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามและฝีไม้ลายมือของชายคนนี้ และเพื่อเป็นการสรรเสริญความสุดยอดของเขาทาง 'ขอบสนาม' จะขอพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปดูช่วงเวลาดีๆ ของนายทวาผู้นี้กันว่าที่ผ่านมามันมีอะไรที่น่าจดจำบ้าง

ศิษย์คู่บุญของ โชเซ่ มูรินโญ่

ปีเตอร์ เช็ก คือการเซ็นสัญญานักเตะรายแรกๆ ของ โชเซ่ มูรินโญ่ หลังได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามากุมบังเหียนทัพ 'สิงโตน้ำเงินคราม' เชลซี เมื่อปี 2004 พร้อมกับยึดมือ 1 แทนที่ คาร์โล คูดิชินี่ ไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่แปลกใจอะไรเพราะของที่ เช็ก ได้ปล่อยออกมามันเกินจะบรรยายจริงๆ ใครจะไปคิดว่าเด็กอายุ 22 ปีที่ย้ายมาจากทีมบ้านๆ อย่าง แรนส์ จะเหนียวหนึบได้เพียงนี้ และนี่ก็คือกุญแจสำคัญดอกหนึ่งที่ช่วยให้ เชลซี เสียไปแค่ 15 ประตูเท่านั้นในฤดูกาล 2004-05 ที่พวกเขาเป็นแชมป์ แถมยังแพ้ไปแค่เกมเดียวอีกต่างหาก

เหตุการณ์เปลี่ยนชีวิต

14 ตุลาคม 2006 เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต ปีเตอร์ เช็ก ไปตลอดกาล เกิดขึ้นที่สนาม มาเดจสกี้ สเตเดี้ยม ที่ เชลซี มีคิวบุกไปเยือน เร้ดดิ้ง และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นแค่เพียง 15 วินาทีแรกของเกมเท่านั้น เมื่อ เช็ก ออกไปตัดบอล ทว่าศีรษะของพี่แกกลับไปกระแทกกับหัวเข่า สตีเฟ่น ฮันท์ อย่างจังจนน็อคสลบเหมือดไปเลย ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยทันที อาการของ เช็ก เลวร้ายกว่าที่คิด เพราะแพทย์บอกกะโหลกถึงข้นร้าว และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยถ้าหากถึงมือหมอช้ากว่านี้ เช็ก ได้รับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล แรดคลิฟฟ์ ด้วยการสอดใส่โลหะเข้าไปที่กระโหลกของเขา ก่อนจะกลับมาลงสนามเฝ้าเสาได้ในอีกหลายเดือนต่อมาพร้อมกับสวมเฮดการ์ดป้องกันจนเป็นที่จดจำถึงทุกวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พี่แกยังมีแบรนด์สินค้าผลิตภัณฑ์เฮดการ์ดเป็นของตัวเองด้วย

ความผิดหวังในปี 2008

https://www.youtube.com/watch?v=jh_kBDG3SGY ในยุคที่ เชลซี สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นทีมใหญ่พร้อมกับกอบโกยแชมป์ในประเทศได้มากมายซึ่งสิ่งที่เดียวที่พวกเขายังขาดอยู่นั้นคือการได้ชูถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกในหน้าประวัติศาสตร์ 21 พฤษภาคม 2008 โอกาสของพวกเขามาถึงแล้วโดยเป็นการประชันหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปแล้วในฤดูกาลนั้น ทั้ง 2 ทีมสู้กันได้ดีและก็มีโอกาสเป็นผู้ชนะด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งในรายของ ปีเตอร์ เช็ก ก็มีช็อตเซฟและป้องกันลูกยากๆ หลายครั้ง จนในที่สุดทั้งคู่ก็ต้องมาตัดสินกันในการดวลจุดโทษ และแล้วโชคชะตาก็เหมือนจะเข้าข้าง เชลซี เมื่อ เช็ก เซฟลูกยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เอาไว้ได้ แต่ท้ายที่สุดก็มารู้ว่าโชคชะตามันเล่นตลกกับพวกเขา เพราะจู่ๆ จอห์น เทอร์รี่ ก็กลายเป็นผู้ร้ายหลังจากลื่นล้มขณะยิงและบอลไปชนเสา ก่อนที่ นิโกลัส อเนลก้า คนรับหน้าที่สังหารคนสุดท้ยจะโดน เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เซฟเอาไว้ได้ ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครองด้วยการชนะจุดโทษ 6-5

แชมป์ยุโรปครั้งแรกในชีวิต

https://www.youtube.com/watch?v=lDWgTW87W5I ปีเตอร์ เช็ก รวมถึงผองเพื่อน เชลซี เคยอกหักจากรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วเมื่อปี 2008 ที่พ่ายจุดโทษต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งที่วันนั้นพี่แกสามารถเซฟลูกยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เอาไว้ได้ ซึ่งอีก 4 ปีนับตั้งแต่นั้น (ปี 2012) เชลซี ตีตั๋วเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศถ้วย ยูซีแอล ได้แบบงงๆ พอหลังจากโค่น บาร์เซโลน่า ได้แล้วพวกเขายังต้องมารับมือ บาเยิร์น มิวนิค ชุดที่ปึ้กทุกตำแหน่ง และก็เหนือกว่า เชลซี ทุกกระบวนท่า เท่านั้นยังไม่พอวันนั้นยังเป็นการเล่นที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า อีกด้วย รูปเกมก็เป็นไปตามทรงเลย บาเยิร์น เปิดเกมบุกเข้าใส่และมีโอกาสยิงและเข้าทำมากมาย แต่ ปีเตอร์ เช็ก ก็ช่วยชีวิตเอาไว้ได้หลายคน โดยช็อตที่พีคที่สุดก็คงเป็นการเซฟจุดโทษของ อาร์เยน ร็อบเบน ในนาที 95 หลายคนอาจมองว่า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา คือฮีโร่ ในเกมนั้น แต่จริงๆ ถ้าไม่ได้ชายคนนี้ เชลซี ก็คงไม่ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ยุโรปสมัยแรก

เซฟที่สวยที่สุดในชีวิต

ถ้าเกิดเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้ามันก็ต้องมีลูกยิงที่คิดว่าสวยที่สุดในชีวิต ดังนั้นเมื่อเป็นผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูมันก็ต้องมีลูกเซฟที่สวยที่สุดเช่นกัน สำหรับ ปีเตอร์ เช็ก นั้นลูกยิงที่จัดว่ายอดเยี่ยมและสุดยอดที่สุดเกิดขึ้นในเกม เอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์ ที่ เชลซี เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2013 โดยนาที 61 แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นเกมบุกมาทางขวาด้วย อันโตนิโอ วาเลนเซีย ก่อนจะถูกสกัดบอลได้ ทว่าบอลนั้นไปเข้าทาง แดนนี่ เวลเบ็ค พร้อมตั้งใจเปิดครอสบอลมุ่งไปยังเสาไกลให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ได้พุ่งโขกแบบเต็มกระโหลกในระยะเผาขน แต่ เช็ก ป้องกันไว้ได้

เมื่อเขามาฉันจะไป

ในช่วงที่ ปีเตอร์ เช็ก อายุเริ่มมากขึ้น โชเซ่ มูรินโญ่ มองการณ์ไกลถึงอนาคตจึงมอบโอกาสให้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ รับบทนายทวารเบอร์ 1 ของ เชลซี ในฤดูกาล 2014-15 ด้วยความสดใหม่ รวมถึงโชว์ฟอร์มได้ดีตอนไปเก็บเลเวลกับ แอตเลติโก มาดริด และนั่นทำให้ ปีเตอร์ เช็ก เลือกที่จะย้ายออกไปหาสโมสรใหม่ที่การันตีโอกาสการลงเล่นเป็นตัวจริง และทีมนั้นกลับเป็นคู่อริร่วมเมืองอย่าง อาร์เซน่อล ถึงแม้ มูรินโญ่ จะไม่อยากยื่นหอกให้กับคู่แข่ง แต่ เช็ก เป็นคนร้องขอเองว่าครอบครัวของเขานั้นปักหลักปักฐานและชื่นชอบชีวิตในกรุงลอนดอนมากจึงไม่อยากย้ายออกไปไหน

คลีนชีทแตะหลัก 200 ครั้ง

จริงๆ ชีวิตของ ปีเตอร์ เช็ก ที่ อาร์เซน่อล ก็ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาเท่าไหร่ ถ้าไม่นับแชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2016-17 แล้วสิ่งที่น่าจดจำที่สุดสำหรับชายคนนี้ก็คงเป็นการสร้างสถิติเป็นนายทวารที่รักษาคลีนชีทได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก และเป็นคนเดียวที่ทำได้แตะหลัก 200 ครั้งด้วยซึ่งเกิดขึ้นเกมที่เจอกับ วัตฟอร์ด ช่วงเดือนมีนาคมปี 2018 หลังจากเซฟจุดโทษของ ทรอย ดีนีย์ ได้ในวันนั้น โดยปัจจุบันสถิติคงอยู่ที่ 202 ครั้ง

ฟุตบอลโลก ครั้งแรกและเดียวในชีวิต

การได้สัมผัสประสบการณ์บนทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เวิลด์ คัพ หรือศึก ฟุตบอลโลก เป็นสิ่งที่นักฟุตบอลทุกคนถวิลหา และก็มีตำนานโคตรแข้งชื่อดังหลายคนที่ไม่เคยได้สัมผัสกับมัน ปีเตอร์ เช็ก ได้รับโอกาสเฝ้าเสาให้ทีมชาติ สาธารณรัฐเช็ก ชุดใหญ่ตอนปี 2002 พร้อมกับก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักนับจากนั้นไปนาน เขาได้ประสบการณ์บนสังเวียนแห่งนั้นในศึก ฟุตบอลโลก 2006 ที่ เยอรมัน โดย เช็ก อยู่ร่วมกลุ่มกับ อิตาลี, กาน่า และ สหรัฐอเมริกา ผลปรากฏว่า เช็ก เปิดหัวได้สวยจากการถลุง อเมริกา ไป 3-0 แต่อีก 2 นัดถัดมากลับแพ้ทั้งหมด (แพ้ กาน่า 0-2, แพ้ อิตาลี 0-2) ก่อนจะตกรอบไปด้วยการเป็นอันดับ 3 จากนั้น สาธารณรัฐเช็ก ก็ไม่ได้กลับมาผจญภัยในทัวร์นาเมนต์นี้อีกเลย

ไฮไลท์รวมการประจันหน้ากับ เชลซี ทีมเก่า

ปีเตอร์ เช็ก ค้าแข้งอยู่กับ เชลซี มานานถึง 11 ปีพาทีมคว้าความสำเร็จมามาก และนี่ก็คือผู้เล่นคนหนึ่งที่เหล่าสาวก เดอะ บลูส์ ชื่นชอบและรักใคร่มากที่สุด ถึงแม้พี่แกจะย้ายไปสวมยูนิฟอร์มของ อาร์เซน่อล แต่ก็ยังได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเสมอๆ ยามต้องมาประชันฝีเท้ากัน

ประกาศอำลาเส้นทางนักฟุตบอล

'การได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก นานถึง 15 ปี และคว้าแชมป์ทุกอย่างที่สามารถทำได้แล้ว ผมรู้สึกว่าผมประสบความสำเร็จ และบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว เวลาที่เหลือผมจะทุ่มเทอย่างหนักกับ อาร์เซน่อล และหวังว่าจะคว้าแชมป์สักใบให้ได้ในฤดูกาลนี้ จากนั้นค่อยมาดูกันว่ามีความท้าทายอะไรรอผมอยู่ที่นอกสนามบ้าง' นี่คือถ้วยคำที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ จากปาก ปีเตอร์ เช็ก ซึ่งมาแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าพี่แกจะตัดสินใจเลิกเล่นในเร็วๆ นี้ และน่าจะเป็นการย้ายออกจากทีมมากกว่าหลังต้องเสียตำแหน่งมือกาวเบอร์ 1 ให้กับ แบรนด์ เลโน่
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline