logo-heading

ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี เชื่อมือตั้งเป้าพา “ค้างคาวไฟ”ติดท็อปไฟว์ “รีตอฟกี”เชื่อใจนักเตะช่วยกันสู้พาทีมฉลุยในปี 2019

ดร.อนงค์วรรณ เทพสุทิน ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี แถลงข่าวความพร้อมสโมสร สู้ศึกไทยลีก ฤดูกาล 2019 ภายใต้คอนเซ็ปต์ "สตรองเกอร์ ทูเก็ทเตอร์" คือต้องการให้ทีมสุโขทัย เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเปิดเผยเป้าหมายคือติดหัวตาราง 1 ใน 5 รวมถึงเชื่อมือกุนซือคนใหม่ ลูโบเมียร์ รีสตอฟกี และการเสริมทัพผู้เล่นจะช่วยทีมไปถึงเป้าที่ตั้งไว้แน่ “ที่ผ่านมา เราเคยฝันแค่ว่า อยู่แค่ ดิวิชั่นหนึ่ง ถือว่าดีที่สุดแล้ว เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง แฟนบอลมีความศรัทธาในทีม เราจึงหยุดการพัฒนา ไม่ได้ ในเมื่อเราเพิ่มความเข้มแข็ง เราขอติดอันดับ 1 ใน 5 ให้ได้ จาก ทีมภูธรเล็กๆ วันนี้ กลายเป็นทีมฟุตบอลของภาคเหนือตอนล่าง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้ ฤดูกาล 2018 ผลงานของทีม จะกระท่อนกระแท่น แต่สุดท้าย เราสามารถจบอันดับ ที่ 11 จากทีมแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม” "ปีที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นความกดดัน เพราะกติกาใหม่ มีทีมต้องตกชั้นลงไปถึง 5 ทีม แต่สุดท้ายผู้เล่นทุกคน แฟนบอล และผู้บริหารร่วมฝ่าฟัน จนเรายังอยู่บนลีกสูงสุดของประเทศไทย สิ่งที่ตนพูดไม่ใช่การเพ้อฝัน เพราะเราได้ยกระบบทีมทั้งหมด โดยใช้โค้ชชาวต่างชาติอย่าง "ลูโบเมียร์ รีสตอฟกี" โค้ชชาวเซอร์เบีย ซึ่งเป็นโค้ชชาวต่างชาติคนแรกของค้างคาวไฟ เขาเป็นหนึ่งในโค้ชที่มีความสามารถ มีรูปแบบการซ้อมที่แตกต่างจากโค้ชชาวไทย เขาดึงระเบียบต่างๆ มาใช้กับนักเตะ ซึ่งการซ้อมกว่า 2 เดือน ดิฉันเชื่อว่า เขาจะพาเราไปถึงเป้าหมายได้" “การเสริมทัพผู้เล่น มีปรับผู้เล่นแบบยกเครื่อง หลายคนแปลกใจ ว่าทำไมเราเสริมนักกีฬาต่างชาติ มากกว่า คนไทย เพราะกติกาที่สมาคมฟุตบอลกีฬาฟุตบอลฯ วางไว้เปิดโอกาสให้เราหานักเตะต่างชาติฝีเท้าดี ไม่ว่าจะเป็น "เอียน แรมซีย์" กองกลางตัวรุกทีมชาติฟิลิปปินส์ "เปตาร์ ออร์ลันดิก" กองหน้าชาวเซอร์เบีย มีความสูงใหญ่ เก็บบอลได้ดี มีความเฉียบคม "โจเอล ซามี" กองหลังชาวคองโก ที่รูปร่างสูงใหญ่ มีประสบการณ์สูง สามารถช่วยคุมเกมรับได้ดี "รูโดลอฟ ยานโต บาสนา" เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติอินโดนีเซีย มีความเร็วและขยัน แถมอายุยังน้อยสามารถพัฒนาไปได้อีก และ "แจ็ค เคร้าซ์" นายด่านลูกครึ่งไทย-เยอรมัน มีรูปร่างที่ดีที่ล่าสุดถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทยชุด 23 ปี ในปีล่าสุด"  
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline