สิ้นสุดการรอคอยสำหรับคอบอล เพราะ ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายจะกลับมาโม่แข้งกันแล้วในสัปดาห์นี้ แน่นอนว่ามีเกมสำคัญๆ ให้เราได้ติดตามกันตั้งมากมาย
วันนี้สื่อต่างประเทศได้ทำการรวบรวมรายชื่อนักเตะทั้ง 8 คนที่มีโอกาสได้เจอกับทีมเก่าของตัวเอง จะมีใครบ้างนั้นไปดูกันเลยดีกว่า เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม
คลาส แยน ฮุนเตลาร์ (เรอัล มาดริด vs อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม)
คลาส แยน ฮุนเตลาร์ เคยค้าแข้งอยู่กับ เรอัล มาดริด มาก่อน 6 เดือนช่วงปี 2009 แต่ก็มีสถานะเป็นแค่อะไหล่สำรองเท่านั้นของ ราอูล กอนซาเลซ โดยพี่แกได้ลงเล่นไปเพียง 20 นัดเท่านั้นและยิงได้ 8 ประตู อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับ เรอัล มาดริด เพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่กับ ชาลเก้ ก็เคยฟาดแข้งกันมาแล้วตอนปี 2015 ในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงแม้ตอนนี้พี่แกจะอายุ 35 แล้วแต่ก็ยังเป็นกำลังสำคัญของ อาแจ็กซ์
มาติย่า นาสตาซิช (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs ชาลเก้ 04)
'ผมดีใจนะที่จับสลากมาเจอกับ แมนฯ ซิตี้ และมันจะเป็น 2 เกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมเพราะก่อนผมย้ายมา ชาลเก้ ผมก็เคยเป็นผู้เล่นของ ซิตี้ มาก่อน เรารู้ว่าตอนนี้พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่เราก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดเขา' นี่คือคำพูดของ มาติย่า นาสตาซิช ที่พูดเอาไว้หลังถูกจับมาเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเป็นที่ๆ เขาเคยค้าแข้งด้วยมาก่อนช่วงปี 2012-15 แต่ก็ไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญเท่าไหร่
อัลบาโร่ โมราต้า (ยูเวนตุส vs แอตเลติโก มาดริด)
การย้ายออกจาก เชลซี มา แอตเลติโก มาดริด ทำให้ อัลบาโร่ โมราต้า ได้โอกาสลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และก็ดันเผอิญเจอกับ ยูเวนตุส ต้นสังกัดเก่าของเขาในช่วงปี 2014-16 ซึ่งช่วงเวลานั้น โมราต้า อายุแค่ราวๆ 21-22 เท่านั้นและก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดีทีเดียวกับการยิงไป 27 ประตูจากการลงเล่น 93 นัด พร้อมกับคว้าแชมป์ได้มากมาย
มาริโอ มานด์ซูคิช (แอตเลติโก มาดริด vs ยูเวนตุส)
สวนทางกลับ อัลบาโร่ โมราต้า เพราะ มาริโอ มานด์ซูคิช กองหน้าจาก ยูเวนตุส จะได้ดวลกับ แอตเลติโก มาดริด ทีมเก่าเช่นกัน เขาอาจจะใช้เวลาค้าแข้งอยู่ที่นั่นแค่ฤดูกาลเดียว แต่การยิงไป 20 ประตูจาก 43 เกมนับว่าไม่เลวเลย แถมแฟนบอลก็ยังรักเขามากๆ โดยเฉพาะการพังประตูและช่วยให้ แอตฯ มาดริด โค่นคู่อริร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด ไปด้วยสกอร์ 4-0
เซอร์ดาน ชากิรี่ (บาเยิร์น มิวนิค vs ลิเวอร์พูล)
เซอร์ดาน ชากิรี่ ดูเหมือนจะมีความสุขมากๆ กับชีวิตที่ ลิเวอร์พูล เพราะนอกจากได้ลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์แล้วเขายังมีบทบาทมากด้วยในแท็คติกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่เหมือนกับตอนอยู่ บาเยิร์น มิวนิค ถึงแม้จะเคยสัมผัสกับคำว่า ทริปเปิ้ล แชมป์ มาแล้ว แต่ส่วนใหญ่บทบาทก็ไม่ได้สำคัญเหมือนชีวิตที่ แอนฟิลด์
เลรอย ซาเน่ (ชาลเก้ 04 vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เลรอย ซาเน่ ได้โอกาสลงเล่นบนสังเวียน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกก็ตอนอยู่กับ ชาลเก้ 04 และในเกมเปิดตัวที่เจอกับ เรอัล มาดริด เขาก็ยิงประตูได้ด้วยก่อนเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-3 ถัดจากนั้นมาจนถึงตอนนี้ก็ 4 ปีแล้วช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะตอนนี้ ซาเน่ เติบโตขึ้นมากและได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์เหลือร้ายและมีการสร้างสรรค์โอกาสที่ดีเยี่ยมต่อเพื่อนร่วมทีม แถมในแง่ของคู่แข่งพี่แกถือเป็นปีกที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่ง
ซามูเอล อูมติตี้ (โอลิมปิก ลียง -vs- บาร์เซโลน่า)
ซามูเอล อูมติตี้ เป็นผลผลิตมาจากศูนย์ฝึกเยาวชนของ โอลิมปิก ลียง ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันพี่แกคว้าความสำเร็จมากมายกับ บาร์เซโลน่า รวมไปถึงแชมป์โลกกับ ทีมชาติ ฝรั่งเศส และการจับคู่กับ เคราร์ด ปิเก้ ก็ทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นกองหลังทีดีที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งวันนี้เขาจำเป็นต้องหยุดยั้งและไฝว้กับเพื่อนเก่าอย่าง นาบิล เฟคีร์ และ แอนโธนี่ โลเปส ที่โตมาด้วยกันที่อคาเดมี่ของ ลียง
อังเคล ดิ มาเรีย (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด -vs- ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินเกือบ 60 ล้านปอนด์กระชาก อังเคล ดิ มาเรีย มาจาก เรอัล มาดริด เมื่อปี 2014 แต่เรื่องของฟอร์มการเล่นก็อาจจะดูผิดหวังไปสักหน่อยไม่สอดคล้องกับค่าตัวที่ทุ่มลงไป จนมีกระแสวิจารณ์ตามมามากมาย ดิ มาเรีย อยู่กับ 'ปีศาจแดง' ได้แค่ปีเดียวก่อนจะย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต่อด้วยค่าตัว 44 ล้านปอนด์ และก็ได้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะมีการเปลี่ยนบทบาทไปบ้างก็ตาม ซึ่งในวันนี้ที่ไม่มี เอดินสัน คาวานี่ และ เนย์มาร์ ดูแล้วยังไง ดิ มาเรีย ก็น่าจะปรากฏตัวในสนามแน่นอนในบทบาทตัวรุก