นับตั้งแต่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ได้ก้าวขึ้นมาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนภาพต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ค่อยๆ กลับมาอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเกมบุกที่เร้าใจตลอดจนการโกงความตาย
สดๆ ร้อนๆ เราได้เห็น
'เฟอร์กี้ ไทม์' อีกครั้งในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัด 2 โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แพ้คาบ้านต่อ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาก่อนในนัดแรก 0-2 กลับเป็นฝ่ายบุกมาคว่ำ 3-1 ทั้งที่มีผู้เล่นใช้งานไม่ได้ถึง 10 คน พร้อมกับตีตั๋วเข้าสู่รอบต่อไปด้วยกฏอเวย์โกล์ (สกอร์รวมเสมอ 3-3)
ล่าสุดสื่อต่างประเทศได้ทำการเปิดเผยชื่อ 5 นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและโดดเด่นที่สุดในเกมดังกล่าว จะมีใครบ้างที่เข้าตากรรมการไม่ชมกันเลย...
มาร์คัส แรชฟอร์ด
แน่นอนว่าตั้งแต่ โซลชา ขึ้นไปนั่งแท่นกุนซือใหญ่ 'ปีศาจแดง' นี่คือนักเตะที่เฉิดฉายมากที่สุดคนหนึ่งและก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในทุกๆ เกมตลอดจนนัดนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น ยามที่พี่แกอยู่ในพื้นที่อันตรายของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็มักจะสร้างปัญหาและความปั่นป่วนได้อยู่ตลอด แรชฟอร์ด มีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูทั้ง 3 ลูก เริ่มจากประตูแรกช็อตที่คู่แข่งส่งบอลคืนหลังพี่แกก็ใช้ความเร็ววิ่งไปกดดัน ธิโล เคห์เรอร์ จนจ่ายบอลพลาด และเป็น โรเมลู ลูกากู ที่โฉบหลุดไปซัลโวได้
ถัดมาที่ลูกขึ้นนำ 2-1 แรชฟอร์ด ก็ส่องไกลราวๆ 30 หลา ถึงแม้ จานลุยจิ บุฟฟ่อน จะเซฟได้แต่ก็ไม่ดีพอ เพราะบอลมันกระเฉาะออกมาก่อน โรเมลู ลูกากู จะตามซ้ำเข้าไป ก่อนจะมาเป็นฮีโร่ซัดจุดโทษในช่วงนาที 90+3 ส่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นบันไดไปรอในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
การไม่มี เนมานย่า มาติช และ อันเดร์ เอร์เรร่า แฟนๆ 'เร้ด เดวิลส์' คงจะกังวลใจไม่ใช่น้อยเลยว่ามันจะไปรอดไหมเมื่อต้องดวลกับกองกลางและแนวรุกของ ปารีส แต่ผลปรากฏว่าดาวรุ่งอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เอาอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายจังหวะเกมของคู่แข่ง และนี่คือสถิติต่างๆ ของเขาในเกมนี้
ผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่อันตราย : 100 เปอร์เซนต์
ผ่านบอลสำเร็จ : 96.2 %
เบียดปะทะคู่แข่ง : 5 ครั้ง ชนะ 5 ครั้ง
สกัดบอล : 1 ครั้ง
แย่งบอลจากคู่แข่ง : 4 ครั้ง
ลุค ชอว์
ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีเยี่ยมต่อเนื่องสำหรับ ลุค ชอว์ กับตำแหน่งแบ็กซ้ายโดยเฉพาะการเติมเกมบุกทางริมเส้นที่คอยสนับสนุน มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ โรเมลู ลูกากู ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังทำได้ดีในการช่วยเกมรับหลังต้องดวลกับพวก จูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์, คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ ดานี อัลเวส
คริส สมอลลิ่ง
คริส สมอลลิ่ง คือหนึ่งนักเตะที่ควรได้รับเครดิตความดีความชอบเช่นกันในวันนี้เพราะนี่คือคนที่ต้องรับมือกับไอ้เด็กนรกอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ โดยตรง ถึงแม้จะมีส่วนพลาดตอนโดนตีเสมอ 1-1 ที่ปล่อยให้ เอ็มบัปเป้ หลุดกัปดักล้ำหน้าและจ่ายลอดหว่างขาให้ ฆวน เบร์นาต เข้าชาร์จจ่อๆ ทางเสาไกล แต่ในภาพรวมสถิติการเล่นเกมรับของพี่แกถือว่าดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเบียดปะทะชนะคู่แข่ง 1 ครั้ง, สกัดบอล 3 ครั้ง, เคลียร์บอล 7 ครั้ง และบล็อคลูกยิง 2 ครั้ง
โรเมลู ลูกากู
หลังจากโดนล้ออยู่พักใหญ่ๆ เรื่องฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปอย่างน่าใจหาย แต่ 2-3 เกมมานี้ โรเมลู ลูกากู กลับมาอยู่ในจุดที่เขาควรอยู่อีกครั้งโดยซัดไป 2 ประตูในวันบุกชนะ คริสตัล พาเลซ 3-1 ตามด้วยกดอีก 2 เม็ดช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 ตลอดจนเกมล่าสุดก็ยิงไปอีก 2 ประตูช่วยให้ต้นสังกัดโค่น เปแอสเช ด้วยสกอร์ 3-1 แถมยังมีส่วนร่วมกับเกมมากๆ อีกด้วย
