logo-heading

ชั่วโมงนี้คงไม่มีหัวหอกคนไหนได้รับการพูดถึงมากไปกว่า โรเมลู ลูกากู กองหน้าฟอร์มแรงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกแล้ว เพราะ 3 นัดหลังสุดพี่แกกดไปถึง 6 ประตู แถมมีโอกาสทำแฮตทริกได้ถึง 2 นัด เพราะทีมได้ลูกโทษช่วงท้ายเกม แต่ก็ไม่ยอมยิง

แต่หากใครจำกันได้ช่วงท้ายๆ ที่ มูรินโญ่ คุม "ปีศาจแดง" ดาวยิงเจ้าของค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ถูกถล่มด่าเละเทะไม่มีชิ้นดี เพราะฟอร์มการเล่นที่ออกทะเล หาฝั่งกลับไม่เจอ ยิงใครไม่ได้เป็นสิบนัด พร้อมกับโดนตั้งฉายาว่า "ไอ้ตู้เย็น" เพราะไร้ประโยชน์เหมือนเอาตู้เย็นไปตั้ง แถมหุ่นก็ดันเหมือนอีกต่างหาก อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไป 2 เดือนกว่า ลูกากู กองหน้ายอดดาวยิงที่เราเคยเห็น เหมือนจะกลับมาประทับร่างอีกครั้ง หลังจากซัดใส่ คริสตัล พาเลซ, เซาธ์แฮมป์ตัน และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปทีมละ 2 ตุง ใน 3 นัดหลังสุดนี้ แถมวิธีการเล่นต่างๆ ก็ดูดีขึ้นมาก ซึ่งวันนี้เราจะมาวิเคราะห์เจาะดูกันหน่อยว่าอะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้เขาสลัดคราบ ไอ้ตู้เย็น กลับมาเป้น ลูกากู จอมถล่มประตูอีกครั้ง

1.เปลี่ยนกุนซือ

วิเคราะห์! 5 เหตุผลส่ง ลูกากู กลับสู่ยอดดาวยิง ปัจจัยข้อที่ 1 ซึ่งผมคิดว่าสำคัญที่สุดเลยที่ทำให้ ลูกากู คืนฟอร์มคือการเปลี่ยนกุนซือนี่แหละครับ จริงอยู่ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนซื้อ ลูกากู เข้ามาร่วทัพ "ปีศาจแดง" ซึ่งแรกๆ หัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยมก็โชว์ฟอร์มแจ่ม ยิงได้ถล่มทลายจน "น้ามู" ชื่ใจ แต่อยู่ไปอยู่มาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็ดูย่ำแย่ลง เช่นเดียวกับฟอร์มการเล่นของ ลูกากู ที่ดูจะหมดใจในการเล่นภายใต้การคุมทีมของโค้ชชาวโปรตุกีส แม้ว่าการเข้ามาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ลูกากู จะไม่ใช่หัวหอกเบอร์ 1 ของทีมอีกต่อไป เพราะ โอเล่ เลือกใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด มากกว่า แต่ 3 เกมแรกที่ ลูกากู ได้ลงเล่นให้โค้ชใหม่ พี่ตู้แกก็ยิงได้ทั้ง 3 นัดเลย กระนั้นก็ไม่ได้การันตีตัวจริง ยังมีชื่อเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง ทำให้ได้ลงแค่ไม่กี่นาที จนกระทั่งโอกาสกลับมาหาเขาอีกครั้ง เนื่องจากผู้เล่นตัวหลักเจ็บกันเยอะ และก็เป็นที่มาของการยิงนัดละ 2 ประตู 3 นัดซ้อนในตอนนี้นี่แหละ อีกประเด็นที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลยเกี่ยวกับ โซลชา ก็คือ โปรดอย่าลืมนะครับว่า น้าโอเล่ เนี่ยเป็นกองหน้าเก่า ฉะนั้นก็คงติวเข้มสอนเทคนิค สอนวิธีการเล่นรูปแบบใหม่ๆ เสริมความรู้ความสามารถให้ ลูกากู ได้ไม่มากก็น้อย

2.เปลี่ยนแท็คติก

วิเคราะห์! 5 เหตุผลส่ง ลูกากู กลับสู่ยอดดาวยิง ข้อ 2 นี่ก็สำคัญไม่แพ้ข้อ 1 เลย แต่ก่อนที่จะเปลี่ยนแท็คติก เปลี่ยนรูปแบบการเล่นได้ ก็ต้องเปลี่ยนโค้ชก่อนนี่แหละ เพราะผมค่อนข้างมั่นใจว่า หาก น้ามู ยังอยู่ก็คงดื้อด้านใช้แผนเดิม เน้นรับแล้วโต้เหมือนเดิมไปจนจบฤดูกาล ทีนี้มาลองวิเคราะห์แท็คติกของ โซลชา หน่อย น้าแกเคยบอกว่าแท็คติกไม่มีอะไรมาก ให้อิสระในการเล่น น้าแกแค่ดูภาพรวม แต่กำชับว่าให้เน้นเกมบุก และยิงทันทีเมื่อมีโอกาส จะเข้าไม่เข้าไม่ว่ากัน เมื่อให้อิสระกับลูกทีม ก็เหมือนโซ่ตรวนที่ผูกขาแข้งผีเอาไว้ ก็ได้รับการปลดปล่อย นักเตะที่มีของแต่อั้นมานานเช่น ป็อกบา, เอร์เรร่า, มาร์กซิยาล และ แรชฟอร์ด ก็ได้เล่นแบบเป็นตัวเอง ทีนี้ฝีตีนก็ดีขึ้นชัดเจน ไม่ใช่บุกไปสุดเส้นหรือกลางสนามแล้วดึงช้า รอเพื่อน หรือส่งคืนหลังเหมือนก่อน ทีนี้พอเพื่อนๆ ในแนวรุกเล่นกันได้ดีมีอิสระ มันก็ทำให้ ลูกากู เล่นง่ายไปด้วย เพราะเพื่อนร่วมทีมคอยป้อนบอล ส่งบอลถึงตัวเขามากกว่าเดิม เพิ่มเติมคือ พี่ตู้เย็นแกเองก็ไม่ได้ยืนโง่บื้อในกรอบเขตโทษไม่วิ่งไล่บอลเหมือนเดิม เดี๋ยวนี้มีลงมาช่วยไล่บอล บี้บอล ถ่างออกข้างไปเปิดบอล สลับให้เพื่อนไปเล่นเป็นหน้าเป้าแทน ซึ่งตรงนี้เชื่อเลยว่า โซลชา คือผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากมองเห็นแล้วว่าควรใช้ ลูกากู อย่างไรถึงจะได้ประโยชน์ที่สุด ซึ่งนั่นไม่ใช่การยืนค้ำหน้ารอบอลในเขตโทษเหมือนก่อนหน้านี้ ยิ่งพอระบบทีมเน้นเกมรุกมากขึ้น ลูกากู ก็มีโอกาสจบมากขึ้นตามไปด้วย

3.โดนแย่งตำแหน่งถาวร

วิเคราะห์! 5 เหตุผลส่ง ลูกากู กลับสู่ยอดดาวยิง ตอนที่ มูรินโญ่ คุม ลูกากู ถือเป็นหนึ่งในลูกรักของ กุนซือชาวโปรตุกีสเลย เพราะการันตีตำแหน่งหัวหอกตัวจริงแทบจะ 100% เนื่องจากหน้าเป้าธรรมชาติในทีมชุดใหญ่ของ "ปีศาจแดง" มีแค่ตัวเดียว! มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, อเล็กซิส ซานเชซ พวกนี้จะได้ลงเป็นสำรอง สลับไปเล่นหน้าเป้าบ้างในบางเกม แต่ตำแหน่งจริงๆ ของพวกเขาคือตัวริมเส้น นั่นทำให้ พี่ตู้ ค่อนข้างจะชิว เล่นดีเล่นเหี้ย เล่นแย่เล่นแจ่ม กูก็ได้ลงตัวจริง จนกระทั่งมาช่วงหลังๆ ที่มีข่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่าง มูรินโญ่ กับ ลูกทีมไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ประกอบกับ พี่ตู้ฟอร์มห่วยแบบสุดจะทนยิงไม่ได้มาเป็น 10 นัด ก็ทำให้ น้ามู ตัดสินใจดรอป ลูกากู ไว้ข้างสนามบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นการดรอปถาวร ดรอปเกม 2 เกม ก็กลับมาเป็นตัวจริง แต่การเข้ามาของ โซลชา หากเล่นแผนกองหน้าตัวเดียว น้าแกประกาศชัดว่า แรชฟอร์ด คือตัวหลัก แม้จะเล่นด้านข้างมาเกือบทั้งฤดูกาลก็เหอะ ซึ่ง โซลชา ก็ทำแบบนั้นจริงๆ ลูกากู หลุดเป็นสำรอง แถม แรชฟอร์ด ที่ได้โอกาสก็ดันเล่นดีอีกด้วย นั่นทำให้ กองหน้าค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ต้องลุกขึ้นสู้เรียกฟอร์ม และพยายามเล่นสุดฝีตีนทุกครั้งที่ได้รับโอกาส ซึ่งก็อย่างที่บอกไปในข้อ 1 ว่า โชคดีที่ตัวหลักเจ็บเยอะ โอกาสเล่นเป็นตัวจริงของ ลูกากู จึงกลับมาและคราวนี้พี่แกก็ไม่พลาดที่จะคว้าเอาไว้ แต่จะคว้าไว้ได้นานแค่ไหน ก็รอดูต่อไป ตอนนี้เหมือน โอเล่ จะติดใจแผนหน้าคู่ซะแล้วด้วย

4.ความมั่นใจ

วิเคราะห์! 5 เหตุผลส่ง ลูกากู กลับสู่ยอดดาวยิง การยิงได้ 3 นัดซ้อน ใน 3 เกมแรกที่เปลี่ยนกุนซือ ทั้งที่ลงเป็นตัวสำรองถึง 2 เกม นั่นทำให้ ลูกากู เรียกความมั่นใจกลับมาได้เยอะพอตัวเลย บวกกับการพูดเชิงจิตวิทยาของ โซลชา ที่คอยให้กำลังใจ แต่ก็ไม่วายบอกให้ ลูกากู เค้นฟอร์มเก่งให้ได้มากกว่านี้อีก เพราะเชื่อมั่นในศีกยภาพของ หัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยม การพูดกระตุ้นแบบนี้ผมว่ามันมีผลมาก แม้ยังคงสถานะตัวสำรองอยู่ แต่โค้ชแม่งบอกเค้าเชื่อมั่นในตัวเราหวะ เค้าบอกเราเก่งกว่านี้ได้อีก เออได้ กูจะพัฒนาตัวเอง โค้ชมั่นใจในเรา ทำไมเราจะไม่มั่นใจในตัวเองวะ ขอแค่โอกาสเท่านั้นแหละ เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้ดู. .. แล้วก็เปรี้ยงอย่างที่เห็นครับ 3 นัด 6 ตุง ตอนนี้ความมั่นใจเต็มเปี่ยนล้นหลอดเลยหละผมว่า

5.น้ำหนักตัว

วิเคราะห์! 5 เหตุผลส่ง ลูกากู กลับสู่ยอดดาวยิง ฉายา "ไอ้ตู้เย็น" นี่ไม่ใช่ได้มาเล่นๆ นะ เพราะหุ่นพี่แกก่อนหน้านี้แม่งเหมือนตู้เย็นจริงๆ แถมเป็นตู้เย็นที่ไร้ประโยชน์ ทำอะไรไม่ได้เลย จับบอลลั่น ยิงก็ไม่ได้ หาช่องก็ไม่ดี ทำให้ตอนนั้นไม่มีคำไหนจะเหมาะกว่า "ไอ้ตู้เย็น" อีกแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า พี่แกจะฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นเยอะนะ ถึงขั้นถอดเสื้อโชว์กล้ามหลังยิงประตูได้ในเกมชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ประหนึ่งว่า "ไอ้สัส มึงดู ไหนใครว่ากูอ้วน!" ส่วนท่าดีใจจุ๊ปากในเกมกับ เปแอสเช นี่ก็ไม่ได้รู้จะบอกให้พวกที่วิจารณ์หุ่นเขาหุบปาก หรือบอกให้สื่อที่เสี้ยมว่าทะเลาะกับ ป็อกบา หยุดเต้าข่าวกันแน่ อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าการลดหุ่นให้เฟิร์มขึ้น มันส่งผลดีต่อการเล่นอยู่แล้ว การเคลื่อนไหวต่างๆ ก็จะรวดเร็ว กระฉับกระเฉงขึ้น จะเห็นได้ว่าสปีดพี่แกเริ่มกลับมาเร็วอีกครั้ง มีวิ่งฉีกหนีกองหลังได้บ้างแล้ว แถมตอนนี้มีโยกออกไปเล่นด้านข้างทางขวา แล้วก็ทำได้ดีทีเดียว เปิดบอลได้เสียวอยู่หลายครั้ง ฉะนั้นเรื่องหุ่นนี่ก็มีผลกับการคืนฟอร์มของ ลูกากู แน่นอน และนี่คือ 5 เหตุผลที่ผมคิดว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ ลูกากู กลายสภาพจาก "ไอ้ตู้เย็น" มาเป็น "รถถัง" ที่พร้อมจะยิงทะลวงตาข่ายคู่แข่งตลอดเวลา แต่คำถามคือพี่แกจะรักษาฟอร์มดีแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน? เวลาเท่านั้นที่จะตอบเราได้ รอดูกัน

ชิน ชินพัฒน์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline