logo-heading

โอเล กุนนาร์ โซลชา กำลังได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากเรื่องฝีไม้ลายมือหลังเป็นผู้ปลุกชีพ 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้กลับมามีความน่ากลัวอีกครั้งเหมือนกับยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

นอกจากชัยชนะ 14 จาก 17 นัดแล้วอีกหนึ่งผลงานระดับ มาสเตอร์ พีซ ก็คือการพลิกนรกบุกไปโค่น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 3-1 พร้อมกับตีตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นทำให้เจ้าของฉายา 'เพชรฆาตรหน้าทารก' ถูกบรรจุชื่อว่าเป็นหนึ่งในกุนซือรักษาการที่ดีที่สุดคนหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก ส่วนก่อนหน้านี้มีใครบ้างที่ได้รับยกย่องในเรื่องนี้ทาง 'ขอบสนาม' จะพาทุกท่านไปย้อนชมกัน

ทิม เชอร์วู้ด

Tim Sherwood managed Tottenham for over 6 months in 2013/14 season. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการคุมทีมเลยนับตั้งแต่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้รับบทบาทบัญชาทัพเมื่อปี 2014 แต่ก่อนจะมาถึงคิวของเขา ทิม เชอร์วู้ด เคยเป็นรักษาการกุนซือมาก่อนตอนที่ อังเดร-วิลลาส โลอาส โดนไล่ตะเพิดออกไป นับตั้งแต่ที่แกเข้ามาทำงานที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ช่วงเดือนธันวาคม 2013 ก็ได้คุมทีมไปทั้งหมด 22 นัด และแพ้แค่ 6 นัดเท่านั้นพร้อมกับพา สเปอร์ส กลับมาจบสูงถึงอันดับ 6 ได้โควต้าไปเล่นฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบคัดเลือก แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้สัญญาถาวรเพราะการมาของ โปเช็ตติโน่

เคนนิ่ ดัลกลิช

Kenny Dalglish was subsequently appointed the permanent manager at Liverpool, after a fruitful short spell เคนนี่ ดัลกลิช ได้รับการยกย่องว่าเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ทั้งสมัยเป็นนักเตะและกุนซือ โดยแกเคยได้โอกาสคุมทีมรักช่วงปี 1985-91 และพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ 4 สมัยด้วยกัน ก่อนจะเว้นช่วงไปยาวๆ จนได้กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมกครั้งตอนปี 2011 แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้นภายหลังจาก รอย ฮ็อดจ์สัน โดนไล่ออกไปซึ่งตอนนั้น ลิเวอร์พูล กำลังระส่ำหนักทีเดียวกับการรูดไปรั้งอยู่อันดับ 12 แต่ท้ายที่สุด 'คิง เคนนี่' ก็พา ลิเวอร์พูล ทะยานขึ้นมาจบอันดับที่ 8 พร้อมกับคว้าแชมป์ ลีก คัพ เป็นของแถม แต่เรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการดึง หลุยส์ ซัวเรซ จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทีมช่วงต้นปี 2011 ซึ่งก็คือช่วงที่แกได้งานนี้พอดีบพอดีเลย

กุส ฮิดดิ้งก์

Chelsea Press Conference กุส ฮิดดิ้งก์ เป็นผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวได้ที่ทำหน้าที่รักษาการกุนซือถึง 2 ครั้งและก็เกิดขึ้นแค่สโมสเดียวด้วยนั่นก็คือ เชลซี และในทุกๆ ครั้งสโมสรก็จะมีผลงานที่ดีขึ้นและจบอันดับสูงกว่าเดิมเมื่อ 'บิ๊กกุส' ได้เข้ามาบัญชาเกม โดยในปี 2015 ที่ได้เข้ามาสานต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ทาง กุส ฮิดดิ้งก์ ได้ฉุด เชลซี ขึ้นมาจากนรกหลังจากรั้งอยู่ในโซนท้ายตารางให้กลับมาจบที่อันดับ 10 ในที่สุด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2009 กับบทบาทรักษาการกุนซือนายใหญ่ชาวดัตช์ได้คุม เชลซี ไป 22 นัด ชนะไปถึง 16 นัดและแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้น พร้อมพาทีมจบอันดับ 3 แถมยังคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้อีกด้วย

โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ

FC Bayern Muenchen v Chelsea FC - UEFA Champions League Final โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ได้รับการยกย่องเป็นกุนซือขัดตาทัพที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ถ้าจะถามว่าทำไมน่ะเหรอ ? ถึงแม้การเข้ามารับช่วงต่อจาก อังเดร-วิลลาส โบอาส ที่โดนไล่ตะเพิดไปนั้น ดิ มัตเตโอ จะพา เชลซี จบที่อันดับ 6 เท่านั้น แต่สิ่งที่พิเศษและยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือการเสกแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์ให้กับ เชลซี หลังพลิกนรกโค่น บาเยิร์น มิวนิค ได้ถึง อัลลิอันซ์ อารีน่า ทั้งๆ ที่สภาพทีมและองค์ประกอบต่างๆ เป็นรองหลายเท่าตัว
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline