logo-heading

แกเร็ธ เซาธ์เกต ประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติอังกฤษทั้ง ทั้ง 25 คนชุดที่จะทำศึก ยูโร 2020 รอบคัดเลือก ที่จะเจอกับ สาธารณรัฐเช็ก และ มอนเตเนโกร ในวันที่ 22 และ 25 มีนาคม นี้ ออกมาเรียบร้อยแล้ว

ส่วนใครที่มีชื่อติดบ้างก็คงได้ทราบกันไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีนักเตะสัญชาติอังกฤษอีกหลายคนที่โชว์ฟอร์มได้ดี ณ เวลานี้ แต่กลับไม่มีชื่อติดธงในครั้งนี้ ซึ่งวันนี้ทาง 'ขอบสนาม' จะพาทุกท่านไปเจาะลึกดูกันว่านักเตะผู้โชคร้ายเหล่านั้นมีใครกันบ้าง ?

อารอน วาน-บิสซาก้า (คริสตัล พาเลซ)

Wan-Bissaka has been excellent for Palace this season อารอน วาน-บิสซาก้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นแบ็กขวาแววนี้และน่าจับตามองมากๆ ในช่วงที่นักเตะบาดเจ็บหลายคนเขาได้โอกาสขึ้นมาช่วยทีมกอบกู้สถานการณ์และก็ทำได้ดีเยี่ยมจนตอนนี้ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงไปแล้ว แถมนอกจากนี้ยังสามารถประจำการในตำแหน่งปีกขวาได้ดีด้วย เรียกได้ว่าเป็นแข้งสารพัดประโยชน์จริงๆ เล่นเกมรับก็ดีหรือจะเติมเกมบุกก็เยี่ยมไม่แพ้กัน ส่วนสถิติในเกมรับปีนี้ วาน-บิสซาก้า โดนคู่แข่งเลี้ยงบอลผ่านไปแค่ 8 ครั้งเท่านั้น และมีค่าเฉลี่ยการปะทะชนะคู่แข่งอยู่ที่ 4 ครั้งต่อเกมจัดว่าแจ่มจริงๆ โดยตอนนี้มีหลายทีมให้ความสนใจในตัวเขาทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่ทาง แกเร็ธ เซาธ์เกต กลับเหลียวแลไม่ให้โอกาสเขาในช่วง ฟีฟ่า เดย์ รอบนี้

เจมส์ วาร์ด-เพราส์ (เซาธ์แฮมป์ตัน)

Ward-Prowse has scored two brilliant free-kicks over the last two weeks การเรียกตัวผู้เล่นของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในครั้งล่าสุดมีการตั้งคำถามถึง ฟาเบียน เดลฟ์ ว่าทำไมถึงติดทั้งที่แทบไม่มีโอกาสได้ลงเล่นให้ แมนเชสเตอ์ ซิตี้ เลย โดยหลายๆ ฝ่ายเชียร์ให้ เจมส์ วาร์ด-เพราส์ กลับไปติดทีมชาติอีกครั้ง ถึงแม้ เซาธ์แฮมป์ตัน ปีนี้จะผลงานไม่ดี แต่ในรายบุคคลตอนนี้พี่แกยกระดับตัวเองขึ้นเยอะ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเกมและเล่นลูกตั้งเตะ เจมส์ เพราะโชว์การสังหารฟรีคิกสุดสวยในเกมที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะทำได้อีกครั้งในอีก 7 วันต่อมาที่ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 นับเป็นประตูที่ 6 ในฤดูกาลนี้ซึ่งทำได้มากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา

เจมส์ แมดดิสัน (เลสเตอร์ ซิตี้)

Maddison has really stood out in his debut Premier League season นับเป็นแข้งทำเอาเซอร์ไพรส์เลยกับการไร้ชื่อในทีมชาติ อังกฤษ ชุดคัดเลือก ยูโร 2020 ครั้งนี้เพราะที่ผ่านมา เจมส์ แมดดิสัน ถูกกล่าวถึงเยอะมากในทิศทางบวกเรื่องฝีเท้าและพรสวรรค์ทั้งเรื่องการเคลื่อนที่, การสร้างสรรค์เกม ตลอดจนถึงการยิงประตู เพราะตอนนี้พี่แกยิงไป 6 ประตูจาก 31 เกมใน พรีเมียร์ลีก เป็นรองแค่ เจมี่ วาร์ดี้ คนเดียวเท่านั้น แถมยังทำไปอีก 6 แอสซิสต์ด้วยกัน ยิ่งอังกฤษชุดนี้ไม่ค่อยมีกองกลางตัวสร้างสรรค์เกม แต่ก็งงเหมือนกันว่าทำไม เซาธ์เกต ถึงไม่เรียกตัวไปซะงั้น

เบน ฟอสเตอร์ (วัตฟอร์ด)

Foster is having one of the finest seasons of his career ในตำแหน่งผู้รักษาประตูก็มีการถกเถียงกันอยู่ไม่น้อย เพราะ จอร์แดน พิคฟอร์ด มีหลายจังหวะที่ทำผิดพลาดแบบง่ายๆ กับ เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลนี้ และใน ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย ฟอร์มก็ยังไม่เข้าตาเท่าไหร่ ขณะที่ แจ็ค บัตแลนด์ ก็ดันถูกเรียกตัวทั้งที่ สโต๊ค ซิตี้ เล่นอยู่ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และฟอร์มก็ไม่ได้ดีเลยสักนิด ตัดภาพกลับมาที่ เบน ฟอสเตอร์ ถึงแม้จะอายุแตะหลัก 35 ปีแล้ว แต่ก็ยังค้าแข้งอยู่ในเกมระดับสูงอย่าง พรีเมียร์ลีก เขาเคยได้เฝ้าเสาให้ทีมชาติ อังกฤษ มาก่อนหน้านี้ หลังจากได้เปิดตัวเมื่อปี 2007 แต่หลังจากตกรอบไวใน ฟุตบอลโลก 2014 ก็ไม่ได้โอกาสกลับไปรับใช้ชาติอีกเลย ปีนี้พี่แกโชว์ฟอร์มได้ดีมากหลังพา วัตฟอร์ด รั้งอยู่อันดับ 8 ใน พรีเมียร์ลีก

คอนอร์ โคอาดี้ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส)

Coady was a midfielder when he first came through the ranks at Liverpool วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เป็นทีมน้องใหม่ในปีนี้ที่มีแข้งโนเนมในทีมหลายคน แต่กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมต่อกรกับทีมใหญ่ได้แบบไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ปัจจุบันพวกเขารั้งอยู่อันดับ 7 ซึ่งปัจจัยสำคัญที่พาพวกเขาไต่ขึ้นมาสูงขนาดนี้ได้ส่วนหนึ่งมาจาก คอนอร์ โคอาดี้ ที่ช่วยพาพา วูล์ฟฯ เสียงไปแค่ 36 ประตูเท่านั้นซึ่งน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 รองจาก ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ เชลซี
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline