การลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงต้องลุ้นกันต่อไปอย่างเข้มข้น เพราะ ลิเวอร์พูล ยังไม่ยอมทำแต้มหลุดมือง่ายๆ หลังล่าสุดบุกไปสู้ยิบตาเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาได้ 3-2 ประตู กลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบชั่วคราวอีกครั้ง
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 13 จากลูกโขกของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แนวรับเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม พีเอฟเอ ประจำฤดูกาลนี้ ทว่าแค่ 7 นาทีต่อมา คริสเตียน อัตซู ก็มาซัดตีเสมอให้เจ้าถิ่นได้สำเร็จเป็น 1-1 ประตู
อย่างไรก็ตามปล่อยให้ตีเจ๊าได้ไม่นาน "หงส์แดง" ก็ออกนำอีกครั้ง จากการหลุดเข้าไปตวัดยิงในเขตโทษของ โม ซาลาห์ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล บุกมานำ 2-1 ครึ่งหลัง เริ่มได้ไม่ถึง 10 นาที "สาลิกาดง" ก็มาได้ประตูตีเสมอจากการซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งของ ซาลามอน รอนดอน จากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ดูเกร็งไปดื้อๆ หาจังหวะจบแบบจะแจ้งไม่ค่อยได้ กดดันตัวเอง
ทว่าสุดท้ายก็มาได้ประตูชัยจนได้ในนาทีที่ 86 จากลูกโชกของตัวสำรองจำเป็นอย่าง ดิว็อค โอริกี้ ที่ลงมาแทน ซาลาห์ ที่ได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายก็กลายเป็นฮีโร่ ช่วยให้ "หงส์แดง" บุกมาคว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ ทะยานนำ แมนฯ ซิตี้ 2 คะแนน แต่แข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด และนี่คือคะแนนความสามารถของเหล่าแข้ง ลิเวอร์พูล
ตัวจริง
อลิสซง เบคเกอร์ 6.5
2 ลูกที่เสียไป ก็จนปัญญาจะเซฟ ส่วนที่เหลือก็มีได้โชว์เซฟอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เท่าไหร่ สรุปคือทรงๆ
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 7
ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้า เกมรับวันนี้ถือว่าสอบตกต่ำกว่ามาตรฐาน หลุดบ่อย สมาธิเสีย แต่การเปิดบอลยังเยี่ยมเหมือนเดิม เกมรุกดุดัน จัดไป 2 แอสซิสต์
เดยัน ลอฟเรน 5.5
บอกว่าตัวเองเป็นกองหลังระดับโลก แต่เจอกองหน้าอย่าง รอนดอน ป่วน จนออกอาการ 2 ประตูที่เสียไป เขาก็มีส่วนต้องช่วยรับผิดชอบ
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ 7
เรื่องเกมรับพอมายืนคู่กับ ลอฟเรน แล้วทำให้ตัวเขาดูด้อยตามลงไปด้วย เหมือนจังหวะจะยังไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ลูกโขกเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำต้องชม หาช่องดี โขกเยี่ยม
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 7
เกมรับไม่ผิดพลาดอะไรเด่นชัด แม้จะโดน อโยเซ่ เปเรซ เล่นงานอยู่บ้างแต่ไม่หนักหนา เกมรุกจัดจ้านเช่นเคย แม้นัดนี้จะเปิดบอลไม่ค่อยเข้าเป้าก็ตาม
ฟาบินโญ่ 7
ขยันทุ่มเท วิ่งไล่บี้ เปลี่ยนบอลจาก รับเป็นรุกได้ดี แม้จะมีเสียสมาธิไปบ้าง แต่ประตูชัยก็ได้พี่แกนี่แหละที่เป็นคนเรียกฟรีคิกให้
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6.5
มีความขยันวิ่งไล่บี้บอลในแดนกลาง แต่ก็พลาดปล่อยให้เกมสวนของ นิวคาสเซิ่ล สร้างความลำบากใจได้อยู่หลายหน
จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม 6
มีส่วนในการเสียประตูที่ 2 มีความขยันทุ่มเท แต่เหมือนจะทุ่มเทผิดจุดไปหน่อย เลยไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ สุดท้ายก็เหมือนหายออกไปจากเกม จนโดนเปลี่ยนออก
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 7
สร้างปัญหาให้เกมรับของคู่แข่งได้ดี ประมาณนึง แต่ก็ไม่ได้เด่นไรมากมาย สุดท้ายก็ยิงประตูได้ ยังไงก็ขอให้หายเจ็บไวๆ ไม่เป็นอะไรมาก
ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 6
ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ด้วยการลงเล่นเป็นตัวจริง แต่ก็คว้าโอกาสไว้ไม่ได้ เล่นไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็มีส่วนกับประตูขึ้นนำ 2-1
ซาดิโอ มาเน่ 6
เป็นเกมที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เหมือนขาด ฟีร์มิโน่ ไปแล้วทำอะไรไม่ค่อยถูก มีโอกาสจะทำประตูได้แต่ก็พลาดไป
ตัวสำรอง
เซอร์ดาน ชากิรี่ 7
ได้โอกาสลงเป็นสำรองคนแรก แล้วเหมือนกับอยากพิสูจน์ให้ คล็อปป์ เห็นว่าคิดผิดที่ดองเขามานาน เล่นเด่นพอตัว แถมแอสซิสต์ประตูชัย 3-2
ดิว็อก โอริกี้ 7.5
ตอนลงแทน ซาลาห์ ช่วง 20 นาทีสุดท้าย สาวก "หงส์แดง" ได้แต่ถอนหายใจ ทว่าสุดท้ายกลายเป็นฮีโร่ซะงั้น แถมเล่นดี มีบทบาทกับเกมรุกใช้ได้
เจมส์ มิลเนอร์ ไม่มีคะแนน
ลงมาเหมือนเป็นตัวนำโชค ลงมาไม่เท่าไหร่ทีมก็ได้ประตูชัยท้ายเกม ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม