logo-heading

มีการขยับเขยื้อนขึ้นบนชาร์ต 'ผู้จัดการทีมที่รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลกลูกหนัง' เมื่อ ราฟาเอล เบนิเตซ ได้ตอบรับงานเข้าไปคุมทีม ต้าเหลียน อี้ฟาง สโมสรในประเทศจีน พร้อมกับรับค่าเหนื่อยราวๆ 12 ล้านปอนด์ต่อปี

วันนี้ทาง 'ขอบสนาม' ขออาสามาอัพเดทให้แฟนๆ ได้ทราบกันว่า ณ ตอนนี้มีใครกันบ้าง ? ที่ติดทำเนียบ 10 อันดับ ผู้จัดการทีมที่รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก (นับเฉพาะกุนซือที่ยังมีงานทำอยู่ ณ ตอนนี้)

1.ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ (แอตเลติโก มาดริด) - 35.9 ล้านปอนด์

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) หลายคนเห็นแล้วอาจจะงง เอ๊ะ! ทำไม ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ถึงรับค่าเหนื่อยที่มหาศาลขนาดนี้ที่ 35.9 ล้านปอนด์ สำหรับที่มาก็มาจากสัญญาฉบับล่าสุดที่เฮียแกได้ต่อออกไปกับ แอตเลติโก มาดริด ถึงปี 2023 ได้ระบุเอาไว้ว่า ตัวแกนั้นต้องได้ค่าเหนื่อยมากกว่า อองตวน กรีซมันน์ ซึ่งเป็นนักเตะที่ฟันค้าจ้างมากที่สุดในทีม และช่วงนั้นเองก็เป็นช่วงที่แกสัญญากำลังจะหมด บวกกับหลายทีมชั้นนำอยากได้ตัวไปร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์ มิลาน, เชลซี รวมถึง อินเตอร์ มิลาน ส่วนผลงานเด่นๆ ของ 'เอล โชโล่' ภาพมันค่อนข้างฟ้องอยู่แล้วนั่นคือการยกระดับและสถาปนาทัพ 'ตราหมี' กลายเป็นหนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป มีความดุดัน มีความแข็งแกร่งจนก้าวขึ้นมาต่อกรกับโคตรทีมอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด แบบสูสีสมน้ำสมเนื้อ นอกจากนี้ยังเสกแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 สมัย, แชมป์ ลา ลีกา กับ โกปา เดล เรย์ อย่างละ 1 สมัย และผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 ครั้ง จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันไม่แปลกเลยที่ใครๆ ต่างก็อยากได้แกไปบัญชาทัพ

2.เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ (บาร์เซโลน่า) - 20.2 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เข้ามาสานต่อ หลุยส์ เอ็นริเก้ ที่ได้ประกาศอำลา บาร์เซโลน่า ไปเมื่อปี 2017 และก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวังกับการพาทัพ 'เจ้าบุญทุ่ม' คว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัยติด พ่วงด้วย โกปา เดล เรย์ อีกหนึ่งสมัย จริงๆ เส้นทางของแกในรั้ว คัมป์ นู มันคงสวยหรูกว่านี้ถ้าหากไม่เกิดฝันร้ายขึ้นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะในฤดูกาล 2017-18 บาร์เซโลน่า ควรไปได้ไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจากชนะ โรม่า มาได้ในเกมแรก 4-1 แต่นัด 2 ดันทะลึ่งบุกไปแพ้ 3-0 ตกรอบไปแบบงงๆ ทั้งมันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับทีมอย่าง บาร์ซ่า เท่านั้นยังไม่พอ ในปีล่าสุด บาร์เซโลน่า ไปถึงรอบรองชนะเลิศ และถล่ม ลิเวอร์พูล แบบราบคาบนัดแรก 3-0 ใครๆ ก็คิดว่าปีนี้ บาร์ซ่า เป็นแชมป์แน่ เพราะเข้าไปรอบชิงฯ ไม่เจอ อาแจ็กซ์ ก็เจอ สเปอร์ส แต่ที่ไหนได้ บาร์ซ่า กลับตกม้าตายซ้ำ 2 ด้วยการโดน ลิเวอร์พูล ถล่มคืนไป 4-0 อกหักไปอีก 1 ปี

3.มาร์เซลโล่ ลิปปี้ (ทีมชาติจีน) - 18 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) ถึงแม้ปัจจุบัน มาร์เซลโล่ ลิปปี้ จะอายุอานามปาเข้าไป 71 ปีแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งความฝันในการผจญภัยต่อไปในเส้นทางลูกหนัง ปัจจุบันปู่แกทำงานเป็นผู้จัดการทีมให้ทีมชาติจีน ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาในดินแดนมังกรผลงานเด่นๆ ของ ลิปปี้ ก็คือการตะลุย เอเชี่ยน คัพ 2019 แกพาทีมไปไกลถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ก็โดน อิหร่าน ดับฝันไปด้วยการยัดเยียดความปราชัยให้ 3-0 ซึ่งก่อนหน้านั้นพวกเขาเอาชนะไทยเราได้ด้วยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะประกาศลาออกจากตำแหน่งไปและเป็น ฟาบิโอ คันนาวาโร่ เข้ามาสานต่อแทน แต่ก็คุมได้แค่ 2 นัด คันนาวาโร่ ก็ขอสละสิทธิ์และกลับไปโฟกัสกับงานที่ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ตามเดิม และ ลิปปี้ ก็กลับมาคุมทีมตามเดิมอีกครั้ง

4.เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) - 15.2 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) ถ้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อไปยาวๆ และถ้ายังรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นได้คงเส้นคงวาแบบปีที่ผ่านมาเชื่อว่าค่าจ้างต้องอัพทะยานมากกว่านี้หลายเท่าแน่นอน หลายคนครหาในฝีมือของเขาเอาไว้เยอะไม่ว่าจะเป็นตอนคุม บาร์เซโลน่า กับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้แชมป์มาตลอดก็เป็นเพราะว่าทีมมันดีอยู่แล้ว ทรัพยากรต่างๆ รวมถึงนักเตะมันดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการย้ายมาทำงานในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งมีการแข่งขันแย่งแชมป์ที่สูงมากๆ แกใช้เวลาแค่ปีเดียวในการพา 'เรือใบสีฟ้า' ก้าวขึ้นไปครองตำแหน่งสโมสรที่ดีที่สุดในอังกฤษ และตอนนี้ก็งาบแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 2 สมัยติด การวางระบบทีม การงัดศักยภาพที่ดีที่สุดในตัวนักเตะ และการเสริมทัพที่ตรงจุดคืออีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าแกคืออัจฉริยะ และเป็นกุนซือที่ดีที่สุดในยุคนี้

5.ราฟาเอล เบนิเตซ (ต้าเหลียน อี้ฟาง) - 12 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) เพิ่งย้ายทีมไปหมาดๆ และก็กวาดค่าเหนื่อยมหาศาลเลยที่ 12 ล้านปอนด์ต่อปีสำหรับ ราฟาเอล เบนิเตซ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะเรื่องฝีไม้ลายมือของแกนั้นไม่ว่าใครก็ให้การยอมรับทั้งนั้น และส่วนใหญ่ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็แทบมีแชมป์ติดไม้ติดมืออยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นแชมป์ ลา ลีกา และ โกปา เดล เรย์ กับ บาเลนเซีย, แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ลิเวอร์พูล, ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า กับ อินเตอร์ มิลาน, แชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับ เชลซี, แชมป์ โคปปา อิตาเลีย กับ นาโปลี และ แชมป์ลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ส่วนผลงานปีที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้สวยหรูเท่าไหร่กับการพา 'สาลิกาดง' จบอันดับ 13

6.ซีเนดีน ซีดาน (เรอัล มาดริด) - 10.5 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) ถ้าเกิดพูดถึงคนที่เพิ่งก้าวสู่เส้นทางกุนซือได้ไม่นานและมีผู้โปรไฟล์ที่แจ่มแมวสุดๆ ก็คงต้องยกให้ ซีเนดีน ซีดาน นี่แหละ จริงอยู่ที่การกลับมา เรอัล มาดริด ในคำรบที่ 2 มันอาจมีมรสุมและปัญหามากมาย แต่ถ้าย้อนเวลากลับช่วงคำรบแรก มันสุดยอดมากๆ และก็คงไม่มีใครทำแบบเขาได้อีกแล้วนับจากนี้ไป เพราะช่วงเวลาแค่ 2 ปีครึ่งแกพาลูกทีม 'ราชันชุดขาว' 9 โทรฟี่ และที่พีคสุดคือการเถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติดต่อกัน และตอนนี้ตัวของ ซีดาน ก็อยู่ในช่วงที่สร้างทีม เรอัล มาดริด ขึ้นมาใหม่ เดี๋ยวมาดูกันว่าเฮียแกจะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาได้หรือไม่ในฤดูกาลหน้า

7.เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์) - 8.5 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็เป็นอีกหนึ่งผู้จัดการทีมที่โปรไฟล์ดีมากๆ ตั้งแต่เข้ามาทำงานกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถึงแม้แกจะยังไม่เคยคว้าแชมป์เลยสักโทรฟี่ แต่สิ่งที่น่ายกย่องก็คือการสถาปนา 'ไก่เดือยทอง' ก้าวสู่การเป็นทีมยักษ์ใหญ่ระดับยุโรป ปั้นนักเตะที่โนเนมอย่าง แฮร์ริ เคน จนกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก และตั้งแต่เข้ามาทำงานในปี 2014 หารู้ไหมว่าตลอด 4 ฤดูกาลหลังสุดแกพา สเปอร์ส จบ Top 4 ได้ทุกปี และในปีล่าสุดนี่พีคมากๆ เลยกับการพาลูกทีมไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงแม้จะไปไม่ถึงฝัน แต่นั่นก็คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ทีมมาได้ไกลขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ ทีมถึงให้ความสนใจในตัวชายคนนี้

8.โอเล กุนนาร์ โซลชา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) - 7.5 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) การแต่งตั้ง โอเล กุนนาร์ โซลชา ให้ขึ้นมาครองบัลลังก์กุนซือ 'ปีศาจแดง' ถือเป็นสัญญาณที่ดีในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา เพราะนี่คือคนที่รู้จักสโมสรเป็นอย่างดีเนื่องจากเคยเป็นอดีตนักเตะมาก่อน แถมยังเข้าใจสไตล์การเล่นที่แน่นอนและสิ่งที่ควรจะเป็น ถึงแม้ช่วงท้ายฤดูกาลฟอร์มการเล่นจะดิ่งเหวลงไปเยอะ แต่ช่วงเวลา 6 เดือนของ 'น้าโอเล่' ก็มีช็อตประทับใจมากมาย อาทิเช่นการพา แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้เลยตลอด 11 เกมแรกตั้งเต่เข้ามากุมบังเหียน รวมไปถึงช็อตโกงความตายพลิกนรกกลับมาเป็นฝ่ายตีตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เจอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หลังจากแพ้เกมแรกคาบ้านไปก่อน 0-2 ซึ่งเกมนั้นทีมมาได้ประตูชัยช่วงทดเจ็บจนทำให้แฟนบอลรำลึกถึง 'เฟอร์กี้ ไทม์' ขึ้นมา

9.เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล) - 7 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) ค่าเหนื่อย 7 ล้านปอนด์ต่อปีมันอาจจะดูเยอะใช้ได้เลยในแวดวงผู้จัดการทีม แต่ถ้าเกิดไปเจาะลึกดูผลงานที่ผ่านมาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุณคงเถียงคอเป็นเอ็นแน่ๆ ว่าที่รับอยู่ตอนนี้มันถูกเกินไป เขาย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อช่วงปลายปี 2015 และจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็กลายเป็นทีมที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ยกระดับตัวเองจนได้ชื่อว่าเป็นโคตรทีมที่มีเกมรุกน่ากลัวที่สุดในโลก การเสริมทัพในแต่ละตำแหน่งก็นับว่าตรงจุดสุดๆ และในฤดูกาลที่ผ่านมาก็ทำสถิติเป็นรองแชมป์ที่มีแต้มมากที่สุดที่ 97 คะแนนเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แค่แต้มเดียวเท่านั้น แต่ในถ้วยที่ยิ่งใหญ่กว่าอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คล็อปป์ สามารถคว้ามันมาได้สำเร็จ

10.มานูเอล เปเยกรินี่ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด) 7 ล้านปอนด์ต่อปี

จัดอันดับ! 10 กุนซือ ค่าจ้างแพงสุด (ฉบับล่าสุด) ใครจะไปคิดว่าสโมสรกลางตารางอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จะยอมจ่ายค่าเหนื่อยให้กับกุนซือในระดับ 7 ล้านปอนด์ต่อปี เพราะแน่นอนการลุ้นแชมป์หรือแม้กระทั่งการลุ้นพื้นที่ยุโรปมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าดีกรีของ มานูเอล เปเยกรินี่ นั้นไม่ธรรมดา เพราะลุงแกเคยผ่านการคุมทีมดังๆ มามาก และก็เคยเสกแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ด้วย ส่วนผลงานกับทัพ 'ขุนค้อน' เมือปีที่ผ่านมาก็คือการพาทีมชนะ 18 นัด แพ้ 18 นัดจาก 43 เกม และจบที่อันดับ 10 ในเวที พรีเมียร์ลีก
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline