logo-heading
ฮัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ กลับมาผงาดบนทัวร์นาเม้นต์ระดับเมเจอร์อีกครั้ง หลังห่างหายเวทีระดับเมเจอร์ไปตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 2014 พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ฟุตบอล ยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าจะเหลือเกมในรอบคัดเลือกพบ เอสโตเนีย อีกเกมในคืนวันพุธนี้ แต่แต้มขาดไปแล้ว ลุ้นแต่เพียงว่าจะเข้ารอบเป็นที่ 1 หรือ 2 ของกลุ่มเท่านั้น ซึ่งผลงานในรอบคัดเลือกก็จัดได้ว่าดีไม่น้อย ด้วยยุคใหม่ที่สดใสกว่าเดิม จากการมีแข้งดาวรุ่งพรสวรรค์ที่ก้าวขึ้นมาหลายรายพร้อมเป็นอนาคตของทีมแทบทุกตำแหน่ง และนี่คือเหตุผลที่ เนเธอร์แลนด์ กลับมาผงาดอีกครั้ง เหตุผลที่ เนเธอร์แลนด์ กลับมาผงาดอีกครั้ง กุนซือผู้เป็นตำนานทีมชาติ ตำแหน่งกุนซือถือเป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อย การเข้ามาของ โรนัลด์ คูมัน ที่มารับงานต่อ ดิ๊ก อัดโวคาท ซึ่งตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหลังล้มเหลวในการพาทีมผ่านเข้ารอบไปเล่นฟุตบอโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซีย 2018 ด้วยประสบการณ์ของเขาและความเป็นยอดนักเตะระดับตำนานของทีมชาติ บารมีของเขามีส่วนในการช่วยรวมทีมให้เป็นหนึ่งเดียว เขาได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูทีมชาติหลายอย่าง ทั้งการให้โอกาสเหล่าดาวรุ่งขึ้นมาแจ้งเกิด สไตล์ของ คูมัน นั้นระห่ำตั้งแต่สมัยเป็นผู้เล่นแล้วสืบทอดมาจนถึงกุนซือที่กล้าได้กล้าเสียเปิดเกมรุกทำให้ เนเธอร์แลนด์ กลับมาเป็นทีมที่คลั่งไคล้เกมบุกอีกครั้งรวมถึง โททัล ฟุตบอล อันเลื่องชื่อ แน่นอนว่าประสบการณ์การคุมทีมอันโชกโชนของเขามีโอกาสพาฮอลแลนด์กลับมาประสบความสำเร็จในเวทีระดับเมเจอร์ได้อีกครั้ง เหตุผลที่ เนเธอร์แลนด์ กลับมาผงาดอีกครั้ง สายเลือดใหม่พลังหนุ่ม จากความผิดหวังที่อดตีตั๋วไปตะลุยในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ อย่าง ฟุตบอล ยูโร 2016 ไล่มาจน ฟุตบอลโลก 2018 ทีมชาติฮอลแลนด์ ได้ถึงคราวประยุกต์และสร้างทีมขึ้นมาใหม่ โดยค่อย ๆ ปั้นและให้โอกาสแข้งหน้าใหม่ ๆ ได้ก้าวขึ้นสัมผัสกับประสบการณ์ ผสมกับแท็คติกและการวางแผนของยอดกุนซืออย่าง โรนัลด์ คูมัน ทำให้พวกเขากลับกลายมาเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามอีกครั้ง ส่วนผสมสำคัญของ อัศวินสีส้ม ชุดนี้ที่เด่นจนเป็นที่ต้องตาก็จะมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หัวใจสำคัญในแนวรับ, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม แกนหลักในแผงมิดฟิลด์ และแนวรุกที่กำลังฟอร์มฮอตอย่าง เมมฟิส เดปาย นอกจากนี้ยังต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่าบรรดาแข้งหน้าใหม่อีกหลายคนด้วย เช่น มัทไธส์ เดอ ลิกต์, เดนเซล ดุมไฟรส์, นาธาน อาเก้, เฟรงกี้ เดอ ยอง, ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค, สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น และ ดอนเยลล์ มาเลน เป็นต้น ซึ่งพวกเขาคือสายเลือดใหม่ที่เติบโตขึ้นมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวให้ เนเธอร์แลนด์ น่ากลัวขึ้นมาในปัจจุบันทั้งฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในระดับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งแม้จะเป็นดาวรุ่งเลือดใหม่แต่พวกเขาก็ผ่านประสบการณ์ในระดับสโมสรมาไม่น้อยทีเดียว นอกจากนี้แววตาแต่ละคนยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่หวั่นกลัวต่อคู่แข่งเลยแม้แต่น้อย เหตุผลที่ เนเธอร์แลนด์ กลับมาผงาดอีกครั้ง แนวรับดั่งผาหิน เป็นการจับมือการทำงานกันที่ลงตัวระหว่างแข้งค่าตัวแพงระดับท็อปของโลกอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ มัทไธส์ เดอ ลิกต์ ทำให้ เนเธอร์แลนด์ มีแนวรับที่แข็งแกร่งดั่งหินผา เจาะทะลสงได้ยาก สำหรับ ฟาน ไดค์ ที่ตอนนี้กลายเป็นเซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว เขาสามารถขึ้นมากช่วนทำประตูได้อีกด้วย ในขณะเดียวกัน เกมรับก็ยังทำหน้าที่ได้ดี รวมไปถึงบทบาทของกัปตันทีม เขาก็ทำได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง การสั่งการการบัญชาเกม และช่วยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้ง ฟาน ไดค์ และ เดอ ลิกต์ ถือเป็นกองหลังที่รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่งเล่นลูกกลางอากาศได้ดี และมีความเร็วที่คอยรับมือคู่ต่อสู้ ทำให้เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของทีม ส่วนฝั่งซ้ายก็มี ดาลี่ย์ บลินด์ มากประสบการณ์ ขณะที่ฝั่งขวามีตัวเลือกให้เลือกไม่น้อย อย่าง เดนเซล ดุมไฟรส์ แบ็กขวาจาก พีเอสวี ที่เล่นได้ทั้ง 2 ฝั่ง หันมองดูม้านั่งสำรองยังมี สเตฟาน เดอ ฟราย สำรองอะไหล่ชั้นดีแข้ง อินเตอร์ มิลาน ที่สามารถลงทดแทนได้ นอกจากนี้ยังมี โจเอล เวลท์มัน แบ็กขวา รวมไปถึง นาธาน อาเก้ ที่สามารถทดแทนได้อีก เหตุผลที่ เนเธอร์แลนด์ กลับมาผงาดอีกครั้ง กองกลางอันสมดุล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เนธอร์แลนด์ ชุดนี้เป็นอีกทีมที่มีแดนกลางที่แน่นปึ้ก เฟรงกี้ เดอ ยอง กลายเป็นกองกลางตัวสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ไปแล้ว มาประสานงานกับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ผู้ได้รับฉายาว่าซีดุมจาก ลิเวอร์พูล ทำให้แดนกลางเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทั้งเกมรับ และเกมรุก สร้างความสมดุลให้กับทีม ซึ่ง เฟรงกี้ เดอ ยอง เอง แม้ตำแหน่งจริง ๆ คือตัวตัดเกม แต่เขาสามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและตัวรุก ซึ่งสถิติฟ้องว่าเขาสามารถผ่านบอลสำเร็จได้มากกว่า 90 เปอร์เซ้นต์เลยทีเดียว ส่วน ไวจ์นัลดุม บทบาทในทัพอัศวินสีส้ม ดูจะดึงศักยภาพเขามาใช้ได้อย่างเต็มที เพราะถูกดันสูงขึ้นไปเล่นรุกแบบเพลย์เมคเกอร์เต็มตัว ทำให้เขามีโอกาสสร้างสรรค์ทำประตูรวมถึงแอสซิสต์ได้อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ในแผงมิดฟิลด์ตัวรุกยังมีตัวเลือกอย่าง ฟาน เดอ บีค ดาวรุ่งพุ่งแรงที่สามารถเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์ มาเพิ่มเติมในมิติเกมรุกได้ เหตุผลที่ เนเธอร์แลนด์ กลับมาผงาดอีกครั้ง อาวุธทรงพลังในแนวรุก กองหน้าของอัศวินสีส้มชั่วโมงนี้ตัวหลักต้องแข้งฟอร์มฮอตอย่าง เมมฟิส เดปาย ที่กำลังห้าวได้ใจ รวมไปถึง สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น ปีกดาวโรจน์จาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น นอกจากจะมีความรวดเร็วความคล่องตัวที่เป็นอาวุธหลักแล้ว อีกหนึ่งที่สิ่งที่มหัศจรรย์สำหรับตัวเขาคือเทคนิคการแต่งบอลในจังหวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจับบอลและลุยไปต่อเองหรือป้อนบอลต่อให้เพื่อน ขณะเดียวกัน คูมัน ยังมีตัวเลือกอย่างไรอัน บาเบล แข้งผู้มากประสบการณ์ที่ยังคงมีความเร็วและความเก๋าช่วยเกมรุกในริมเส้นฝั่งซ้าย นอกจากนี้มานั่งสำรองพวกเขายังมี ดอนเยลล์ มาเลน ศูนย์หน้าจอมถล่ประตูจาก พีเอสวี ซึ่งเราน่าจะได้ยินชื่อเขาแจ้งเกิดบ่อยครั้งในช่วงศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก รวมไปถึง ควินซี่ โปรเมส แข้งมากประสบการณ์ และ จัสติน ไคลเวิร์ต ดาวรุ่งทายาท แพทริค ไคลเวิร์ต ตำนานทีมชาติ ที่พร้อมลงมาผลิตสกอร์ให้ทีมชาติ ถือได้ว่ามีอาวุธทรงพลังและน่ากลัวไม่น้อยในเกมรุก ด้วยทักษะของเหล่านักเตะและสไตล์การเล่นที่ดุดัน พร้อมทำประตูได้ทุกเมื่อ นี่เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งแต่เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะปลุกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ให้กลับมาเจิดจรัส และคงความน่าสะพรึงกลัวให้กับคู่แข่งได้อีกครั้ง ส่วนจะไปได้ไกลขนาดไหนเวลาจะเป็นตัวตัดสินซึ่งเราต้องมาติดตามผลงานของพลังหนุ่มดัตช์กันต่อไป - เปี๊ยกบางใหญ่ -
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline