logo-heading

ศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลายๆ ทีม ผ่านการเตะนัดที่ 30 ของฤดูกาลแล้ว และมันก็มีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกัน

ลับบาเดีย เสียซิง

แฮร์ธ่า เบอร์ลิน โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน คืนสนามกลับมาโม่แข้งกันอีกครั้งหลังหมดเบรก โควิด-19 ไล่ตั้งแต่การบุกไปถลุง ฮอฟเฟ่นไฮม์ 3-0 ตามด้วยเปิดบ้านยำใหญ่ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน 4-0 ก่อนจะบุกไปแบ่งแต้มกับ อาร์บี ไลป์ซิก ได้ถึง เร้ดบูลส์ อารีน่า จากการเสมอ 2-2 จากนั้นก็กลับมาเล่นในบ้านเชือด เอาก์สบวร์ก อีก 2-0 นับเป็นการออกสตาร์ทที่ดีมากๆ ของกุนซือใหม่ บรูโน่ ลับบาเดีย ที่เข้ามาบัญชาทัพ "หญิงชรา" เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาแทนที่ เจอร์เก้น คลิทส์มันน์ โดยคุม 4 นัดเก็บได้ 10 จาก 12 คะแนนเต็ม แต่ล่าสุด บรูโน่ ลับบาเดีย โดนยัดเยียดความปราชัยนัดแรกแล้วหลังบุกไปแพ้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 0-1 

ผลผลิตของ "เสือเหลือง"

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่ปั้นนักเตะได้ดีที่สุดในโลกลูกหนังยุคนี้ เพราะนักเตะหลายๆ คนแจ้งเกิดและก็ถูกทีมโน้นทีมนี้มาฉกตัวไป และในเกมที่เชือดหืด แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 1-0 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นตัวละครใหม่ปรากฏตัวขึ้นอีกแล้วก็นั่นก็คือ มาเตอู โมเรย์ ดาวรุ่งวัย 20 ปี และ เลโอนาร์โด้ บาเลร์ดี้ ดาวรุ่งวัย 21 ปี หลังถูกส่งลงสนามมาช่วงท้ายเกม ตลอดจน โจวานนี่ เรย์น่า วันเดอร์คิด วัย 17 ปีก็ได้โอกาสในเกมนี้เช่นกัน รู้ไหมการเห็น 3 ดาวรุ่งหน้าใหม่ ดอร์ทมุนด์ ในสนามถึง 3 คน มันสื่อถึงอะไร ?  มันก็ช่วงที่เกมตึง ดอร์ทมุนด์ นำอยู่แค่ 1-0 และมันก็ไม่ใช่วันที่พวกเขาเล่นได้ดีเพอร์เฟคด้วย แต่กลับกล้าส่งดาวรุ่งประสบการณ์น้อยถึง 3 คน แต่นี่มันเป็นการส่งสัญญาณว่า ไม่ว่าพวกเขาจะเสียนักเตะไปมากมายเท่าไหร่ ดอร์ทมุนด์ ก็จะมีผลผลิตใหม่ๆ ที่รอวันเจริญงอกงามอยู่เสมอๆ >>> 5 ดาวเด่น บุนเดสลีกา ผลงานซาบซ่า ยุคท้า โควิด-19

หมดลุ้นแชมป์

ย้อนกลับไปช่วงต้นฤดูกาล อาร์บี ไลป์ซิก โชว์ฟอร์มได้ดีมากๆ แถมยังรักษามาตรฐานได้ดีจนมีโอกาสคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่พอเข้าสู่ปี 2020 พวกเขาเริ่มสะดุดทำแต้มหล่นบ่อยมาก จนถึงตอนนี้หลังจากพลาดท่าเสมอกับทีมบ๊วยอย่าง พาเดอร์บอร์น 1-1 ในเกมล่าสุด พวกเขายังคงรั้งอยู่ที่ 3 ต่อไป แข่ง 30 นัด มี 59 คะแนน ตามหลังจ่าฝูง บาเยิร์น มิวนิค 11 คะแนน เหลือการแข่งขันอีก 4 นัด แต่เท่ากับว่า ไลป์ซิก หมดโอกาสลุ้นแชมป์ บุนเดสลีกา ในปีนี้แล้ว จริงอยู่ที่ทางภาคทฤษฏียังได้อยู่ แต่ถ้ามองทางภาคปฏิบัติมันไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงๆ เพราะถ้า บาเยิร์น มิวนิค เก็บชัยชนะได้อีกนัดเดียวก็จบ

ฟลอเรียน เวิร์ตซ์

ถึงแม้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จะต้องพ่ายแพ้ต่อ บาเยิร์น มิวนิค ไปแบบยับเยิน 2-4 แต่สำหรับ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ แข้งแนวรุกดาวรุ่งวัย 17 ปีนี่ถือเป็นเกมที่น่าจดจำมากๆ เพราะไอ้เด็กนี่สามารถเปิดซิงประตูแรกบนสังเวียน บุนเดสลีกา ได้แล้วโดยเกิดในนาที 89 แถมยังสร้างสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของ เยอรมัน ที่ตัวเลขอายุ 17 ปีกับอีก 34 วัน ทำลายสถิติเดิมของ นูริ ซาฮิน ที่ทำไว้ที่อายุ 17 ปีกับอีก 82 วัน

มุลเลอร์-เลวานดอฟสกี้

อย่างที่ทราบกันว่า โธมัส มุลเลอร์ เหมือนตายแล้วกลับมาเกิดใหม่กลายเป็นคนละคนเลย ถ้าย้อนกลับไปยุคของ นิโก้ โควัช สถานะของพี่แกแทบจะกลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว เล่นไม่ออก โอกาสก็ไม่ค่อยได้ แถมอายุยังเยอะอีก แต่การมาของ ฮานซี่ ฟลิค ทาง โธมัส มุลเลอร์ ได้กลับมาฉายแสงและมีส่วนร่วมกับ บาเยิร์น มิวนิค อีกครั้ง พี่แกโดดเด่นมากช่วงนี้เรื่องการสร้างสรรค์เกม และในเกมล่าสุดที่บุกไปยำใหญ่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 4-2 โธมัส มุลเลอร์ ทำไปอีก 2 แอสซิสต์ นับเป็นแอสซิสต์ครั้งที่ 20 แล้วในฤดูกาลนี้บนสังเวียน บุนเดสลีกา ทำสถิติเทียบเท่ากับ เควิน เดอ บรอยน์ สมัยยังเล่นอยู่กับ โวล์ฟสบวร์ก ในฤดูกาล 2014-15 ขณะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เรื่องฟอร์มการระเบิดตาข่ายก็ยังโหดและร้อนแรงต่อเนื่อง และ 1 ประตูในเกมดังกล่าวทำให้พี่แกซัดไปแล้วแตะหลัก 30 ประตูในลีก นับเป็นผู้เล่นคนแรกใน 5 ลีกดังของยุโรปที่ทำได้ในฤดูกาลนี้

สถิติใหม่ บุนเดสลีกา เรื่องล่าสกอร์

จากการลงสนาม 30 นัดใน บุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาล 2019-20 บาเยิร์น มิวนิค เล่นถล่มตาข่ายคู่ต่อสู้ไปแล้ว 90 ประตู นับเป็นสถิติใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของเยอรมัน และคนที่ต้องได้รับเครดิตไปเต็มๆ ก็คือกุนซือคนปัจจุบันอย่าง ฮานซี่ ฟลิค ที่ยลโฉมและยกระดับลูกทีม "เสือใต้" ขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด และส่วนตัวของ ฮานซี่ ฟลิค แกก็ได้สร้างสถิติอันยอดเยี่ยมด้วย เพราะในฐานะกุนซือใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค แกคุมทีมใน บุนเดสลีกา ไป 20 นัด ลูกทีมยิงได้ 62 ประตู นับเป็นสถิติที่ไม่เคยมีกุนซือคนไหนทำได้มาก่อน 

เลออน โกเร็ตซ์ก้า

ช่วงที่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า เจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานไปมันก็เลยทำให้ เลออน โกเร็ตซ์ก้า ได้โอกาสขึ้นมายืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลางกับ โจชัว คิมมิช และในเกมเมื่อคืนนี้เขาก็โชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่องกับการยิงได้ 1 ประตูจากโอกาสง้างเท้าแค่ 2 ครั้ง ทำแอสซิสต์ 1 ครั้งโดยจ่ายให้ คิงส์ลีย์ โกมัน ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 27 และที่สำคัญคือสถิติการผ่านบอลตลอด 74 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก เลออน โกเร็ตซ์ก้า มีค่าผ่านบอลสำเร็จทั้งเกม 90.9% และในแดนของคู่แข่งพี่แกก็ผ่านบอลสำเร็จถึง 88.9% เลยทีเดียว

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : squawka ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline