logo-heading

มหรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เวิลด์ คัพ 2018 มีกำหนดการตัดริบบิ้นเปิดสนามอย่างเป็นทางการในค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน นี้ โดยเป็นการพบกันระหว่างเจ้าภาพ รัสเซีย กับ ซาอุดิอาระเบีย ตัวแทนจากเอเชีย

ทั้ง รัสเซีย และ ซาอุดิอาระเบีย เคยปะมือกันมาก่อนในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 1993 และผลปรากฏว่าเป็น ซาอุดิอาระเบีย ที่เป็นฝ่ายกำชัยไปด้วยสกอร์ 4-2 แต่มันก็คือวิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ดังนั้นมันก็จะนำมาตัดสินกันไม่ได้ว่าในยุคปัจจุบันใครเด่นหรือด้อยกว่าในด้านใด เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยและเพิ่มอรรถรสในการรับชมเกมนี้ทาง 'ขอบสนาม' จะขอทุกท่านมารับชม เฮด ทู เฮด การเปรียบเทียบและการวัดองค์ประกอบต่างๆ ระหว่างทั้ง 2 ทีมว่าใครเด่นหรือด้อยกว่ายังไงบ้าง โดยจะมีทั้งเรื่องในและนอกสนามปะปนกันไป เพื่อให้ทุกท่านมองเห็นหลายๆ มุมที่กว้างขึ้น ชื่อชั้นนักเตะ หากพูดถึงเรื่องชื่อชั้นและเกรดของนักเตะของแต่ละทีมอันนี้ค่อนข้างชัดว่าทางฝั่ง รัสเซีย น่าจะดูดีกว่าเยอะ ชื่อของหลายคนน่าจะคุ้นชินกว่าเยอะไม่ว่าจะเป็น อิกอร์ อคินเฟเยฟ, เซอร์เก อิกนาเชวิช, เดนิส เชอร์ริเชฟ, อลัน ซาโกเยฟ, เดนิส เชอรีเชฟ, อเล็กซานเดอร์ โกโวลิน, ยูริ ชีร์คอฟ, ฟีโอดอร์ ซโมลอฟ และ อเล็กเซ มิรานชุค เป็นต้น ส่วนทางฝั่งเราแทบจะไม่รู้จักใครเลย โดยตัวที่ดังที่สุดน่าจะเป็น โมฮัมมัด อัล-ซะห์ลาวี่ หัวหอกดาวซัลโวชุดนี้ที่ 28 ประตู และกองกลางอย่าง มาฮัด อัล-มูวัลลัด ของ เลบานเต้ ขณะเดียวก็ยังมีอีก 2 ตัวที่ค้าแข้งอยู่ใน ลา ลีกา สเปน อย่าง ยาห์ย่า อัล-ชีห์รี่ กับ ซาเลม อัล-ดาวซารี่ ซึ่งก็ไม่คุ้นหูอยู่ดี ประชากรในประเทศ รัสเซีย เป็นชาติมหาอำนาจระดับหัวแถวบนโลกใบนี้และมีที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ ประชาก่อนทั้้งหมดของพวกเขาจากการประเมินโดยรวมในปี 2018 มีอยู่ราวๆ 145 ล้านคน ส่วน ซาอุดิอาระเบีย ถึงแเม้จะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนเศรษฐีน้ำมันซึ่งดูยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น แต่จริงๆ พวกเขาเป็นชาติที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย เพราะมีประชากรอยู่แค่ 30 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งถ้าวัดกันแล้ว รัสเซีย สามารถขยายอาณาเขตแยกตัวออกมาก่อสร้างประเทศแบบ ซาอุดิอาระเบีย ได้ 4 ประเทศกว่าๆ เลยทีเดียว ประสบการณ์ของ เซอร์เก อิกนาเชวิช ในการพบกันระหว่าง รัสเซีย และ ซาอุดิอาระเบีย  เซอร์เก อิกนาเชวิช คือผู้เล่นที่อาวุโสที่สุดในเกมคืนนี้ โดยเขาได้เปิดตัวกับทีมชาติรัสเซียเมื่อ 16 ปีก่อนหลังจบทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2002 ที่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ถ้าวัดกับนักเตะของ ซาอุดิอาระเบีย ชุดนี้เมื่อ 16 ปีก่อนมีผู้เล่นของ ซาอุฯ ถึง 19 คนที่ยังไม่ก้าวเข้าสู่เส้นทางลูกหนังอาชีพ ประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก รัสเซีย ก็เคยมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังตอนยังใช้ชื่อเป็น สหภาพโซเวียต แต่พอแยกตัวออกมาเป็น รัสเซีย เพียวๆ ผลงานก็จับต้องอะไรไม่ได้เลย ดังแต่ชื่ออย่างเดียวเท่านั้น แถมประสบการณ์ในสังเวียน ฟุตบอลโลก ก็ได้ไปเล่นแค่ 3 ครั้งในปี 1994, 2002 กับ 2014 และก็ต้องจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่มในทุกๆ ครั้งด้วย ขณะที่ ซาอุดิอาระเบีย ที่เป็นรองกว่าในทุกๆ ด้านไล่ตั้งแต่จำนวนประชากร, ทรัพยากรในประเทศ ยันชื่อชั้นในโลกลูกหนัง แต่พวกเขากลับได้โอกาสไปผจญภัยใน ฟุตบอลโลก มากกว่า รัสเซีย อยู่ที่ 4 ครั้ง แถมยังมี 1 ครั้งที่ไปได้ไกลกว่านั่นคือปี 1994 ที่ก้าวข้ามไปถึงด่านรอบน็อคเอาท์ ก่อนจะต้องปราชัยให้กับ สวีเดน 1-3 ฝีไม้ลายมือของคนเป็นกุนซือ ทางฝั่ง รัสเซีย ตอนนี้ถูกบัญชาเกมโดย สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ มั่นใจได้เลยว่ากวา 99 เปอร์เซนต์ไม่มีใครรู้จักความเป็นมาและฝีไม้ลายมือของชายคนนี้มาก่อน และก่อนจะเข้ามาทำงานกับ รัสเซีย โปร์ไฟล์ของเขาก็ดูจะธรรมดาเกินไป เพราะที่ผ่านมาก็เคยคุมทีมดังๆ มาบ้างอย่าง สปาร์ตัก มอสโก และ ลีเกีย วอร์ซอว์ ส่วนเรื่องความสำเร็จก็มีแค่แชมป์ลีกและแชมป์บอลถ้วยในลีก โปแลนด์ เท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าวัดกับ ฮวน อันโตนิโอ ปิซซี่ ของ ซาอุดิอาระเบีย แล้วมันคนละชั้นกันจริงๆ เพราะแค่แชมป์ โคปา อเมริกา กับทีมชาติ ชิลี เมื่อ 2 ปีก่อนก็กินขาดแล้ว ไหนจะประสบการณ์ในการคุมทีมดังๆ อย่าง บาเลนเซีย ใน ลา ลีกา สเปน อีก ถึงแม้จะไม่ค่อยมีราศีหรือได้สัมผัสกับคว้าสำเร็จมากเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์กับ เชอร์เชซอฟ ก็เหมือนมวยคนละคู่ชัดๆ  

-HaMuDosSantos-

 
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline