logo-heading

เริ่มกันจาก การจัดทัพ

ถือเป็นข่าวดีของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ก่อนเปิดเกม หลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือยืนยันว่านักเตะกลับมาฟูลทีมแบบเต็ม ๆ ไม่เจ็บไม่ไข้ พร้อมเป็นตัวเลือกลงสนามกันทุกคนอีกครั้ง 

และ คล็อปป์ ก็เลือกใช้มาในแผน 4-3-3 ที่ถนัดเช่นเคย ที่น่าสนใจคือสามประสานใช้เป็น ดิอาซ, มาเน่ และ ซาลาห์

ส่วนกองกลางเป็น ติอาโก้, ฟาบินโญ่ และเซอร์ไพรส์เล็กน้อยเป็น เกอิต้า ที่พึ่งหายเจ็บกลับมา ส่วนเซ็นเตอร์เปลี่ยนจาก มาติป เป็น โคนาเต้ และได้ เทรนต์ อาร์โนลด์ กลับมาพร้อมลงสนามอีกครั้ง

และในส่วนฝั่ง เบนฟิก้า อาจจะชื่อไม่คุ้นหูนัก แต่ก็จัดชุดเต็มมาเช่นกัน ที่เด่น ๆ เลยคือ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกตัวเก่งอนาคตไกล ส่วนคนอื่น ๆ ที่พอจะคุ้นชื่อบ้าง ก็น่าจะเป็นริมเส้นอย่าง เอฟเวอร์ตัน กับ ราฟา ซิลวา และคู่เซนเตอร์อย่าง โอตาเมนดี้ และ แฟร์ทองเก้น ครับ

ต่อกันด้วยประเด็นในเกม เริ่มกันจากคนทำประตูแรกในเกม และเป็นลูกแรกในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ของเขาด้วย สำหรับ อิบราฮิม่า โคนาเต้

ที่วันนี้ทำทั้งดีและแย่ในตัวคนเดียว เริ่มจากการโหม่งประตูพาทีมออกนำตั้งแต่ 17 นาทีแรก จากจังหวะลูกเตะมุม ก่อนหากนับจากนั้นจะกลายเป็นคนที่เล่นได้เฮียที่สุดคนหนึ่งในทีม 

โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลัง มีจังหวะสกัดผิดพลาดแบบ โ ค ต ร ง่าย จน เบนฟิก้า ได้ประตูตีตื้นมาจาก ดาร์วิน นูนเญซ ที่ต้องบอกว่าวันนี้เด่นใช้ได้ และเด่นที่สุดใน เบนฟิก้า เลย เล่นเอา โคนาเต้ ลำบาก ทั้งเสียเหลี่ยมและเสียฟาวล์อยู่หลายรอบ ดูทรงแล้วในอนาคต มีโอกาสก้าวไปเป็นกองหน้าระดับหัวแถวได้เลยครับ ดาร์วิน นูนเญซ

ต่อกันที่นักเตะเด่น ๆ อีกคน แต่คนนี้เป็นด้านดีซะส่วนใหญ่ และเป็น แมนออฟเดอะแมตช์ สำหรับเราและทางการด้วย นั่นก็คือ หลุยส์ ดิอาซ

ชายผู้โดนแฟน เบนฟิก้า โห่ตลอดทั้งเกม ด้วยสาเหตุที่เข้าใจได้ เพราะเจ้าตัวเป็นนักเตะเก่า ปอร์โต้ ทีมคู่อริของ ทัพเหยี่ยวลิสบอน แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับพี่แกเลย เพราะวันนี้เท้าออกแสง เริ่มจากการหลุดไปโขกทำแอสซิสต์ให้ ซาดิโอ มาเน่

ก่อนจะเป็นคนทำประตูปิดกล่อง 3-1 จากจังหวะโชว์สปีดหลุดเดี่ยว แล้วแตะหลบโกลไปซัดแบบนิ่ม ๆ ถือว่าเป็นอีกนัดที่คู่ควรสำหรับการได้รับคำชมครับ ชายคนนี้

ส่วนนักเตะที่ เด่น ๆ คนอื่น สำหรับเราก็มีอย่าง นาบี เกอิต้า ที่ตอนแรกหลายคนคงไม่คาดคิดว่า คล็อปป์ จะจับออกสตาร์ทก่อน เฮนโด้ และพี่แกก็ทำได้ดีด้วย แม้จังหวะเกมรับอาจจะมีเข้าบอลแบบซอฟต์ ๆ หรือไม่หนักแน่นเท่าที่ควรไปบ้าง

แต่รวม ๆ ก็ทำได้ดีทั้งรับและรุก โดยเฉพาะจังหวะจ่ายให้ ดิอาซ หลุดเดี่ยวถึงสองรอบ และหนึ่งในนั้นคือการแอสซิสต์ในลูกปิดกล่อง ถือว่าตัดสินใจถูกต้องครับสำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์

และสำหรับคนอื่นที่เล่นดีก็ ฟาบินโญ่ ปัดกวาดแดนกลางใช้ได้, โรเบิร์ตสัน ก็เป็นคนแอสซิสต์ในลูกแรก, “บิ๊กเวิร์จ’ ฟาน ไดค์ วันนี้แทบไม่มีผิดพลาด ส่วน มาเน่ มีผิดพลาดไม่น้อย แต่ทำประตูสำคัญได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว สำหรับการเล่นเป็นกองหน้าตัวจริงวันนี้

และในส่วนคนที่น่าจะฟอร์มตกไปแบบพอเห็นได้ชัดเลยก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

เป็นอีกวันที่เขาทำอะไรก็ดูขาด ๆ เกิน ๆ ไปหมด ไม่ว่าจะจังหวะยิง-จ่าย หรือเลี้ยง จนโดนเปลี่ยนออกไปพร้อมกับ มาเน่ ในนาทีที่ 61 

นับตั้งแต่เขากลับมาจากเกมทีมชาติกับ อียิปต์ ฟอร์มก็ตกลงไปในแบบที่เราสัมผัสได้ ทั้งหลังจากตอนแพ้ เซเนกัล ในนัดชิง แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ และโดยเฉพาะหลังจากแพ้ เซเนกัล ในเกมรอบคัดเลือก จนอดไปฟุตบอลโลกที่ กาตาร์

ทำให้ 2 นัดหลังสุด โม ดูดร็อปลงไป แต่มันก็ยังไม่มีอะไรให้กังวลมากนักครับ เพราะเหล่า เดอะ ค็อป ต่างรู้และเคยเห็นกันมาอยู่แล้ว ว่า ซาลาห์ ก็มักจะมีช่วงที่ฟอร์มดร็อปลงไปบ้าง แต่เขาจะสามารถกลับมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของทีมได้เสมอ แบบที่เขาทำได้ตลอดเกือบ 5 ปีที่ผ่านมากับ ลิเวอร์พูล

ไม่มีอะไรให้น่ากังวลครับ และเขายังคงเป็นนักเตะเบอร์ต้น ๆ ของโลก ที่คู่ควรกับค่าเหนื่อยระดับ 3 ถึง 4 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์แน่นอน

อะ พูดเจาะถึงเรื่องนักเตะที่น่าสนใจไปพอสมควรแล้ว ถ้าพูดถึงมุมมองโดยรวมหรือรูปเกมทั้งหมด ก็ต้องบอกว่า หงส์แดง ทำได้ดีกว่าชัดเจน อาจมีช่วงที่ปล่อยให้ เบนฟิก้า ได้ทำเกมบุกหรือสวนกลับใส่บ้าง 

แต่รวม ๆ แล้ว ทัพเครื่องจักรสีแดง นั้นเหนือกว่าแทบทุกอย่าง ทั้งการครองบอล, โอกาสยิง, จำนวนยิงตรงกรอบ ถือว่าคู่ควรกับการชนะ 3-1 

เปิดเลกแรก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ไม่ขี้เหร่ แต่ก็ยังถือว่าสกอร์ไม่ขาดนะครับ เพราะฉะนั้นยังต้องลุ้นกันต่อนัดสองที่ แอนฟิลด์ ในกลางสัปดาห์ 

แต่เหนือสิ่งอื่นใดในวันอาทิตย์นี้ จะมีโปรแกรมที่ยิ่งใหญ่และน่าจับตาดูที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ กับการที่พวกเขา หงส์แดง ต้องบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในแมตช์ที่แทบจะเป็นการตัดสินแชมป์ และเป็นช่วงเวลาที่สำคัญและหนักหน่วงจริง ๆ ครับ ทั้งสำหรับ ลิเวอร์พูล และ ซิตี้ แหม่ ถือว่ามีแต่บอลคู่ที่พลาดไม่ได้ทั้งนั้นเลยครับ ช่วงท้ายฤดูกาลแบบนี้.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline