logo-heading

สถานการณ์การลุ้นแชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2021/22 ทวีความมันส์ขึ้นทุกองศา หลังทีมเต็งที่นอนมาตั้งแต่เลกสองอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีโอกาสจะคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการได้ถึง 3 นัดที่ผ่านมา

แต่สุดท้ายกลับพลาดท่า ไม่ชนะคู่แข่งเลย ทำให้พวกเขายังไม่สามารถการันตีแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 7 ได้ 

นึกย้อนกลับไปก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก เพราะจริงๆ แล้วพอเปิดเลกสองมา ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของทีมปราสาทสายฟ้า ที่ชนะอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ตามอย่างทรู แบงค็อก ในเวลานั้นก็ฟอร์มตกเสมอเป็นส่วนใหญ่

บีจี ปทุม ที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ช รวมทั้งลีโอ เชียงราย ก็มองไม่เห็นฝุ่น และไม่มีใครคิดว่าจะมีทีมไหนขึ้นมาเบียดลุ้นแชมป์กับทีมเซราะกราวได้

สุดท้ายทุกคนคิดว่าบุรีรัมย์ จะคว้าแชมป์ไทยลีกในฤดูกาลนี้ก่อนจบฤดูกาลแน่นอน แบบชนิดที่เรียกว่าไร้คู่แข่ง

แต่อยู่ดีๆ ทีมแชมป์เก่าอย่าง บีจี ปทุม ก็ฟอร์มร้อนแรงขึ้นมา แซงบียู ขึ้นมาอยู่ที่สอง และก็เริ่มมองถึงโอกาสการลุ้นแชมป์แม้จะดูเลือนลางก็ตาม เพราะตอนนั้นแต้มหากจากบุรีรัมย์ อยู่สิบกว่าแต้ม

แฟนๆ บีจีก็ได้แค่คิดเข้าข้างตัวเองว่ามีโอกาสเป็นไปได้หากเกมที่เจอกับบุรีรัมย์ สามารถบุกไปเอาชนะได้ และลุ้นให้บุรีรัมย์ สะดุดขาตัวเอง แพ้บ้าง เสมอบ้าง 2-3 นัด บีจีก็มีโอกาสแซงคว้าแชมป์

แม้ตามทฤษฎีจะมีความเป็นไปได้ ถึงตรงนี้มันก็เป็นเช่นนั้นอยู่ แต่บุรีรัมย์ ก็ยังดูได้เปรียบอยู่ดี เพราะพวกเขาขออีก 2 คะแนนเป็นอย่างน้อยใน 2 เกมสุดท้าย หรือชนะให้ได้สักนัดก็จะยังเป็นแชมป์อยู่ดี

แต่ไอ้ที่ว่าง่ายมันก็ไม่ง่ายซะทีเดียว เพราะถ้าเกมหน้าไม่สามารถเอาชนะหนองบัว พิชญ ได้ ซึ่งเป็นเกมที่หนักพอสมควร อย่าลืมว่าบุรีรัมย์ลงเตะมา 2 เกมติด ขณะที่หนองบัวฯ ได้พักมาเต็มๆ แถมเล่นในบ้านอีก อะไรก็เกิดขึ้นได้

ผลของเกมพบหนองบัว บุรีรัมย์ก็ยังต้องการชัยชนะเพื่อเป็นแชมป์ แต่ถ้าทำได้แค่เสมอ หรือสมมติว่าแพ้หนองบัว กลับออกมา ไอ้ทฤษฎีเข้าข้างตัวเองของบีจี ปทุม ก็มีโอกาสจะเป็นจริงขึ้นมาทันที ถ้าพวกเขารักษาฟอร์มชนะรวดได้อีก 2 เกมหลังจากนี้ 

จุดหักเหสำคัญอยู่ที่การบุกไปพ่าย แดกู เอฟซี ในรอบเพลย์ออฟเอซีแอล ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ตกรอบมาด้วยการพ่ายจุดโทษอย่างน่าเสียดาย

แม้จริงๆ แล้วดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลอะไร ตกรอบไม่ได้ไปเอซีแอลปีนี้ ก็มาลุ้นแชมป์ไทยลีก แล้วไปเตะถ้วยเอเชียปีหน้าก็ได้ 

แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเตะพอสมควร บวกกับกองหน้าคนสำคัญของทีมในฤดูกาลนี้อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด บาดเจ็บไปด้วยอีก มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตั้งแต่กลับมาจากเกาหลีใต้ จึงยังไม่ชนะใครจนถึงตอนนี้

บุรีรัมย์ มีโอกาสจะคว้าแชมป์ตั้งแต่ 3 เกมที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่เกมเปิดบ้านพบ บีจี ปทุม ซึ่งเกมนั้นถ้าชนะ หรือเสมอ โอกาสคว้าแชมป์ก็สูงขึ้นทันที แต่ดันถึงขั้นแพ้เลย ก็ลามมาเป็นเอฟเฟกต์ถึงสองเกมต่อมา ที่ทำได้แค่บุกเสมอขอนแก่น 0-0 และล่าสุดโดนเชียงรายตามตีเสมอ 1-1 เมื่อวานนี้ (6 เม.ย.65)

ย้อนกลับไปตอนที่บอกว่าในฤดูกาลนี้ใครๆ ก็คิดว่าบุรีรัมย์ จะเป็นแชมป์ และมันควรได้ไปแล้วด้วย พวกเขาก็มีแผนเอาไว้ว่าจะเตรียมฉลองแชมป์รับถ้วยกันในเกมสุดท้ายที่เล่นในบ้านสนามช้างอารีน่า

นั่นก็คือเกมพบกับเชียงราย เมื่อวานนี้ นั่นคือแผนที่วางไว้ ไม่ว่าจะได้แชมป์เมื่อไหร่ สุดท้ายจะต้องมารับแชมป์ในเกมนี้หลังจบการแข่งขัน

แต่สุดท้ายมันก็ไม่เป็นไปตามแผน และกลายเป็นว่าถ้าสุดท้ายแล้วบุรีรัมย์ ได้แชมป์ไทยลีกซีซั่นนี้ พวกเขาก็จะต้องไปรับแชมป์นอกบ้าน เพราะเกมสุดท้ายจะออกไปเยือนสุพรรณบุรี เอฟซี

แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้ว่าบุรีรัมย์ จะยอมไปรับถ้วยที่สนามสุพรรณบุรี หรือเปล่า เพราะครั้งนึงในสถานการณ์คล้ายๆ กันนี้ เมื่อปี 2019 ที่บุรีรัมย์ ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กับเชียงราย จนถึงเกมสุดท้าย

ซึ่งสถานการณ์ตอนนั้นโอกาสคว้าแชมป์ของเซราะกราวก็สูงมาก เพราะก่อนเกมสุดท้ายพวกเขานำเชียงรายอยู่ 2 แต้ม บุรีรัมย์ 57 เชียงรายมี 55 แต้ม นัดสุดท้ายบุรีรัมย์ ออกไปเยือนเชียงใหม่ ถ้าชนะก็เป็นแชมป์ทันที

ขณะที่เงื่อนไขของเชียงรายต้องลุ้นถึงสองกระทอก กระทอกแรกคือต้องบุกไปชนะสุพรรณบุรี ในเกมสุดท้าย แล้วต้องลุ้นให้บุรีรัมย์ ไม่ชนะเชียงใหม่ เอฟซี ซึ่งตอนนั้นเป็นทีมที่ตกชั้นไปแล้ว

ใครๆ ก็คิดว่าสุดท้ายบุรีรัมย์ จะเข้าไปเป็นแชมป์ แม้กระทั่งทีมบุรีรัมย์ เองก็คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ประเด็นมันมาอยู่ที่ว่า คุณเนวิน ชิดชอบ ดันไปประกาศตั้งแต่เกมก่อนว่า ถ้าพวกเขาเป็นแชมป์จะไม่ขอรับถ้วยที่เชียงใหม่ แต่จะขอกลับมารับที่บุรีรัมย์ ภายหลัง

จากนั้นก็กลายเป็นดราม่าเดือดขึ้นมา จนคุณเนวินต้องออกมาอธิบายว่าทำไมต้องเลือกแบบนี้ หลักๆ ก็คือต้องการจะรับแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลบุรีรัมย์ ในสนามตัวเอง และอีกข้อคือให้สมาคมฯ ได้จัดการง่าย ไม่ต้องแบ่งทีมมอบถ้วย และเตรียมถ้วยสองใบ เพราะมีลุ้นสองสนาม ไม่เปลืองทรัพยากร ซึ่งฟังดูก็โอเคเข้าท่าดี 

แต่มันดันมามีดราม่าซ้อนดราม่าก็คือ ท้ายที่สุดแล้วบุรีรัมย์กลับทำได้แค่บุกไปเสมอเชียงใหม่ เอฟซี 1-1 ขณะที่เชียงราย บุกไปถล่มสุพรรณบุรี 5-2

จบเกมนัดสุดท้ายบุรีรัมย์ กับ เชียงราย มี 58 แต้มเท่ากัน แต่พอไปดูเฮดทูเฮด กว่างโซ้ง ดีกว่า จึงเข้าป้ายคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกไปครองได้อย่างเซอร์ไพรส์ และก็ได้รับถ้วยไปที่สุพรรณบุรี

ขณะที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ประกาศไม่ขอรับแชมป์นอกบ้านในครั้งนั้น มาถึงวันนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้ฉลองแชมป์ไทยลีกที่สนามช้างอารีน่าอีกเลย รวมทั้งฤดูกาลนี้ด้วย!!

 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline