หลัง ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ประกาศรายชื่อ 20 แข้ง ฟุตบอลชายลุยศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม โดยมี 3 ผู้เล่นโควต้าอายุเกินที่ติดมาด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามคาดการณ์ทั้ง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ , วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ
วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันหน่อยว่าทั้ง 3 คนที่เป็นผู้เล่นโควต้าอายุเกินในครั้งนี้ มีดีอย่างไร ทำให้ มาโน่ โพลกิ้ง และทีมงานต้องเลือกเข้ามา
หลังไม่ได้ตัว นพพล ละครพล จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชอยส์เดียวสำหรับทีมชุดนี้คงต้องเป็นนายด่านอายุเกิน และต้องเป็นคนมีประสบการณ์ด้วย ดังนั้นจึงไปตกที่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แม้หลายคนจะยังไม่ไว้ใจ “ตอง” ด้วยผลงานที่ผ่านๆ มากับ การท่าเรือ เอฟซี แต่ด้วยศักยภาพ ฝีมือ และ ประสบการณ์ ตำแหน่งนายด่านซีเกมส์ พ่วงด้วยการเป็นกัปตันทีม ก็น่าจะทำให้ ตอง ต้องงัดทุกอย่างที่มีออกมาเพื่อช่วยชาติและลบคำสบประมาทเหล่านั้นให้ได้ ซึ่งน่าจะเหมาะกับแพสชั่นในการลุยซีเกมส์หนนี้ที่ต้องมีพี่ใหญ่ระดับนี้คุมทีมน้องๆ ในทีม
การหา กองกลาง ที่เป็นตัวจ่ายบอลเนียนๆ แบบคิลเลอร์พาส หรือตัวคุมจังหวะเกมดีๆ แบบตัวโฮลด์บอล ซึ่งในทีมชุดนี้ยังไม่มี ทำให้ชื่อของ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ จึงถูกใส่เข้ามา และแน่นอนจากผลงานกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จึจึงถือว่า เตอร์ คืออีกหนึ่งนักเตะเกรดเอของไทยลีก ดังนั้นการผสมผสานระหว่างตัวของ เตอร์ กับน้องๆ ในทีมชุดนี้น่าสนใจ เพราะหลากหลายไปด้วยนักเตะที่ไม่ค่อยได้เล่นด้วยกันมาก่อน เพราะฉะนั่น เตอร์ จึงถือเป็นพี่ใหญ่ในแดนกลาง ที่จะต้องคอยคุมทุกๆ อย่างเอาไว้ให้ได้
สุดท้ายกับผู้เล่นตัวรุกแม้ว่าทีมชุดนี้จะมี กองหน้า ให้เลือกใช้แบบเหลือๆ แต่การเอานักเตะที่มีประสบการณ์ และเคยคว้าแชมป์ซีเกมส์มาแล้วไปด้วย น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ดังนั้นชื่อของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จึงถูกจับใส่มาเล่นซีเกมส์อีกสมัย ด้วยวิธีการเล่น และสไตล์ที่ไม่ใช่หน้าเป้า แต่มักมีส่วนกับประตูอยู่บ่อยๆ ทำให้การมี ยิม อยู่ในชุดนี้เหมาะกับแผนการเล่นในหลายๆ แบบของโค้ชมาโน่ และที่สำคัญ ยิม คือหนึ่งในนักเตะชุดแชมป์เมื่อ 2 สมัยที่แล้ว จึงน่าจะเหมาะกับการมาเป็นตัวความหวังเรื่องของการจบสกอร์
