logo-heading

น่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าโปรแกรมทีมชาติไทยที่จะลงเตะในช่วงปลายปีนี้อีก 2 รายการอย่าง ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ในโปรแกรมฟีฟ่าเดย์เดือนกันยายน และฟุตบอลอาเซียน คัพ ช่วงสิ้นปี เราจะไม่ได้เห็น "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทีมช้างศึกคนปัจจุบันมาร่วมทัพ

แม้จะยังไม่มีการยืนยันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากการสัมภาษณ์ล่าสุดของดาวเตะเจลีก ในเจช้างศึกเมื่อวานนี้ ก็น่าจะเป็นการยืนยันว่าเจ้าตัวต้องการจะพักและอยากให้ทีมชาติให้โอกาสนักเตะคนอื่นได้ก้าวขึ้นมาทดแทนบ้าง

โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าว มีดังนี้ "ผมอยู่กับโลกโซเชียลมาโดยตลอด ผมรับรู้ว่าแฟนบอลเชียร์เราเยอะ รู้สึกซายซึ้ง ดีใจ ขนาดเราแข่งแล้วตรงกับเวลาทำงานของแฟนบอล เขาก็ยังดูเรา รู้สึกภูมิใจครับที่เกิดมาเป็นคนไทยและได้เล่นฟุตบอลให้แฟนๆได้ชม ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดในทุกนัด ทั้งสโมสรและทีมชาติ"

"แน่นอนว่า คิงส์ คัพ ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปหรือเปล่า หรือแม้แต่รายการชิงแชมป์อาเซียน ก็ยังไม่ได้รับปากใครว่าจะเล่น เพราะผมก็อาจจะมีตัดสินใจกับตัวเองว่า อาจจะไม่ได้เล่นครับ คือผมว่าร่างกายผมคงต้องได้พักบ้าง ผมไม่เคยได้พักเลยแบบเป็นเดือน พักมากสุดก็ 1 อาทิตย์ ร่างกายผมก็จะกรอบลงเรื่อยๆ แฟนๆก็อาจจะไม่ได้เห็นผมเล่นในช่วงสิ้นปีนี้ครับ"

"จริงๆ ทุกรายการสำคัญหมด ผมแค่รู้สึกว่า มันต้องมีการคละกับคนอื่นขึ้นมาได้แล้ว ถ้าเราไม่สร้างขึ้นมาตอนนี้สุดท้ายวันหนึ่งหมดยุคพวกผมไป แล้วจะมีผู้เล่นคนอื่นๆขึ้นมาได้อย่างไร แต่ถ้าเรามีผู้เล่นที่ช่วยกันยกระดับ ช่วยกันพัฒนาขึ้นมา มันก็น่าจะดีกว่าหรือเปล่า เพราะทีมชาติมันก็สำคัญทุกนัด

อาจจะเพราะว่าผมเล่นอยู่ลีกเมืองนอกด้วย โปรแกรมมันก็ไม่เอื้ออำนวยกับเราเท่าไหร่ ผมเองก็บาดเจ็บเยอะ มันก็อาจจะมีความล้า ถ้าไปเล่นกลับมา ผมเจ็บ หรืออาจจะเจ็บสะสม แล้วถ้าไม่ได้เล่น เอเชียน คัพ มันก็คงเป็นผลเสียต่อตัวเองและทีมชาติด้วยหรือเปล่า"

"แต่ถ้าเราเปิดใจ สร้างเด็กขึ้นมา ไม่ต้องเด็กหมดก็ได้ ค่อยๆคละกันไป แล้วค่อยดูว่าใครสามารถช่วยกันพัฒนากันต่อไปได้ ผมว่ามันน่าจะดีมากกว่า"

นี่คือความในใจที่เมสซี่เจ อยากจะบอกให้แฟนบอลรวมทั้งโค้ชและสมาคมฯ ได้เข้าใจ และเป็นการออกตัวเลยว่าโปรแกรมทีมชาติปีนี้ เขาต้องการจะพัก

ซึ่งแฟนบอลส่วนใหญ่ดูจะเข้าใจในสิ่งที่เจ อยากจะสื่อออกมา เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวแทบจะไม่ได้พักเลย และไม่เฉพาะเจคนเดียว นักเตะทีมชาติไทยคนอื่นๆ ก็มีโปรแกรมที่หนักและลงเตะต่อเนื่องเช่นกัน เพราะมีทั้งฟุตบอลลีก และทีมชาติ

แต่สำหรับชนาธิป มันแตกต่างออกไปตรงที่เจ้าตัวนั้นเล่นอยู่เจลีก จะมาเตะทีก็ต้องเดินทางไปกลับ ซึ่งก็กระทบการการฝึกซ้อมกับต้นสังกัด แม้ว่าจะเป็นช่วงฟีฟ่าเดย์อย่างคิงส์ คัพ ก็จริง แต่ในช่วงสถานการณ์โควิดการเดินทางเข้าออกญี่ปุ่นก็ไม่ง่าย ยิ่งอาเซียน คัพ ที่ไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่จะเรียกเมสซี่เจ กลับมา

ดังนั้นเราก็ต้องมาดูกันว่าเมื่อทีมชาติไทย ไม่มี "เมสซี่เจ" แล้วจะเป็นอย่างไร

จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะในฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ รอบคัดเลือกที่ผ่านมา รวมทั้งฟีฟ่าเดย์ เมื่อเดือนมีนาคม ทีมชาติไทยก็ไม่มี ชนาธิป มาร่วมทัพอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

และจริงๆ แล้วเราก็มีนักเตะหลายคนที่สามารถทดแทนได้ หรือบางทีอาจจะเปลี่ยนระบบการเล่น ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับทีมช้างศึกชุดปัจจุบันที่มีกองกลางชั้นดีอยู่หลายคน

สมมติว่ามีชนาธิป ส่วนมากแล้วทีมชาติไทยก็จะเล่นระบบ 4-2-3-1 โดย ชนาธิป จะเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกอยู่หลังกองหน้า ซึ่งก็จะมี วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, เบนจามิน เดวิส, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, เอกนิษฐ์ ปัญญา หรือจะดัน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มาเล่นก็ได้ นอกจากนี้ยังมี ปกเกล้า อนันต์ ที่รู้มือกันดีกับ มาโน่ ก็มีโอกาสสอดแทรกเข้ามาเช่นกัน

หรือถ้าไม่มี ชนาธิป บางทีเราอาจจะปรับระบบมาเล่น 4-3-3 ก็เหมาะสมกับทีมชาติไทยในเวลานี้ ที่อุดมไปด้วยกองกลางเก่งๆ หลายคน ทั้ง กฤษดา กาแมน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร

ดังนั้นการขาดหายไปของ ชนาธิป ในทัวร์นาเม้นท์ ที่ไม่ใช่ระดับเมเจอร์อย่างฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก หรือฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ รอบสุดท้าย ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร 

และบางทีก็เป็นโอกาสให้นักเตะคนอื่นได้ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติบ้าง ในขณะเดียวกันก็ใช้กัปตันเจของเราได้พักบ้างเช่นกัน!! และเรียกกลับมาในรายการที่เหมาะสม ซึ่งเมสซี่เจ พร้อมกลับมารับใช้ทีมชาติอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline