โค้ชเทกุ กำชับเล่นแบบของเรา ก่อนเฉือน บุรีรัมย์ฯ ชี้เป็นบททดสอบก่อนลุย ACL

ควันหลงหลังเกมศึก ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ 2022 ที่ “เดอะแรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปได้อย่างสุดมันส์ด้วยสกอร์ 3-2 ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือใหญ่ชาวญี่ปุ่นของ “เดอะแรบบิท” ได้กล่าวหลังพาทีมประเดิมคว้าแชมป์แรกของฤดูกาล 2022/23 ว่า “คู่แข่งในศึก ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ ครั้งนี้เป็นทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งคว้า 3 แชมป์ ฤดูกาลที่ผ่านมา แน่นอนว่าพวกเขาก็พยายามอยากที่จะเอาชนะพวกเขาให้ได้ โดยในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาขุมกำลังนักเตะของเรามีทั้งย้ายเข้าและย้ายออกไป ตรงนี้เองเราก็รวมพลัง นำสิ่งที่เราได้เตรียมตัวไว้ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นเอาออกมาใช้ในแมตช์นี้ 90 นาที แน่นอนว่ามันไม่ใช่เกมที่ง่ายอยู่แล้ว เราได้ย้ำนักเตะก่อนลงสนามว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด เราจะทุ่มทั้งกายและใจอย่างเต็มที่และคิดว่าวันนี้ทุกคนสู้กันได้อย่างเต็มที่แล้ว”

“เราเริ่มต้นตั้งเกมได้ดีกว่านำมาสู่การได้ประตูแรกที่เร็ว ทำให้ตรงนี้เองได้เห็น บุรีรัมย์ฯ นำเอาแท็กติกที่มีทุกอย่างมาใช้ตั้งแต่ครึ่งแรก พอโดนคู่แข่งโหมหนักเราก็อาจจะเสียทรงเล่นไม่ได้ตามสไตล์ตัวเองเท่าไหร่ มีช่วงเวลาที่เราโดนบุกกดดันอยู่บ้าง สุดท้ายเราเสียประตูก็จริงแต่ทุกคนก็ตั้งสมาธิได้ดีและยิงประตูขึ้นนำได้เร็ว”

“ในช่วงพักครึ่งก็ได้ย้ำกับนักเตะทุกคนว่าอย่าเล่นตามเกมคู่แข่งให้เล่นในแบบของเรา บางทีต้องยืดหยุ่นซึ่งตรงนี้เองต้นครึ่งหลังเราได้เปรียบตัวผู้เล่นก็นำมาสู่ประตูที่สามอย่างรวดเร็ว เราเล่นเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นแต่ก็กลับกันทำให้สมาธิลดลงนำมาสู่การเสียประตูที่สอง ฉะนั้นทำให้เราค่อนข้างลำบากกว่าจะปิดเกมได้สำเร็จ วันนี้เป็นแมตช์สำคัญอย่างยิ่งซึ่งเป็นบทเรียนให้กับเราในหลาย ๆ อย่างก่อนที่เราจะไปลุยศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในสัปดาห์หน้าที่ญี่ปุ่น”

“ก่อนอื่นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อย่างนี้เราสามารถคว้าแชมป์แรกตังแต่ที่เข้ามารับตำแหน่งกับ บีจี ปทุมฯ ต้องขอบคุณแฟนบอลและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีครับ” กุนซือใหญ่ บีจี ปทุมฯ กล่าวปิดท้าย

สำหรับทัพ "เดอะแรบบิท" มีโปรแกรมลงสนามอีกครั้งในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย พบ คิตฉี เอสซี ในวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 15.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่สนามโคมาบะ สเตเดี้ยม ประเทศญี่ปุ่น