logo-heading

ช่วงต้นสัปดาห์แฟนบอลไทยต่างใจจดใจจ่อกับโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ของทีมชาติไทย ที่จะได้ทำศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 48 ที่จังหวัดเชียงใหม่

วันแข่งขันบรรยากาศก็คึกคัก แต่พอเกมจบเท่านั้น กระแสทีมชาติฟีเวอร์ก็หายไปฉับพลัน และทำให้แฟนบอลทั้งตัวจริงและขาจร ต่างต้องมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลงานของทีมชาติไทยกันอีกแล้ว

ฟุตบอลไทยกับฟุตบอลต่างประเทศจะแตกต่างกันตรงทีมชาตินี่แหละ ถ้าเป็นฟุตบอลยุโรป โปรแกรมบอลลีกจะคึกคัก แต่ถ้าเป็นช่วงทีมชาติฟีฟ่าเดย์ ก็จะเงียบๆ หน่อย ข่าวก็จะน้อย

ผิดกับบอลไทย บอลลีก ก็จะมีแฟนเฉพาะทีมนั้นคอยติดตาม แต่พอมาทีมชาติ แฟนทั้งไทยลีก และแฟนบอลทั่วไปที่ไม่ได้ดูไทยลีกก็จะหันมาสนใจกับโปรแกรมของทีมช้างศึก

ข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับทีมชาติก็จะได้รับความสนใจมากกว่าข่าวบอลลีกหลายเท่า แต่ประเด็นที่เราจะพูดคุยวันนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น เพียงแต่เกริ่นให้เข้าใจธรรมชาติของแฟนบอลไทย ว่าเมื่อใดที่ทีมชาติเตะ แฟนบอลจะสนใจมากกว่าบอลลีก

คราวนี้เรามาว่ากันที่ผลงานของทีมชาติไทย ที่เกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์นัดล่าสุด ถือว่าทำให้แฟนบอลไทยผิดหวัง หลังพ่ายจุดโทษต่อเสือเหลือง มาเลเซีย ทำให้สถิติที่เราไม่สามารถชนะทีมเสือเหลืองได้ยืดออกไปอีกเป็น 6 นัดในรอบ 8 ปี

และเมื่อเรามาดูผลงานของทีมชาติไทย รูปแบบการเล่นในช่วงหลังๆ ถ้าไม่ใช่ทัวร์นาเม้นท์ที่เป็นทางการอย่างอาเซียน คัพ, เอเชี่ยน คัพ หรือ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เราก็จะเห็นว่าผลงานทีมชาติไทยมันไม่ไปไหนสักที บางวันเล่นดี บางวันเล่นแย่ ดูไปดูมาเข้าอีหรอบเดิมตลอด 

นั้นเป็นเพราะแผนการทำทีมของเรามันไม่ดี อันนี้ต้องยอมรับ เรื่องของโค้ช หรือของทีมก็เรื่องนึง แต่เรื่องการบหิหารจัดการเราต้องยกระดับให้มันเป็นมืออาชีพและสากลกว่านี้

โดยสิ่งที่ยากจะพูดก็คือเรื่องโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ ที่แต่ไหนแต่ไรตั้งแต่อดีตเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมันเท่าที่ควร บางที่ก็มีเตะ บางที่มีบอลลีกก็ไม่เตะ แล้วส่วนใหญ่ที่เตะก็จะเป็นทีมที่แฟนบอลไม่ค่อยรู้จักแม้จะมีอันดับโลกที่ดีกว่าไทยก็ตาม

เราควรจะต้องนำเรื่องโปรแกรมฟีฟ่าเดย์มาเป็นวาระเร่งด่วนและทำกันอย่างจริงจังเสียที สำหรับชาติอื่นๆ เอาแค่เวียดนามทีมเพื่อนบ้านของเรา เขาวางแผนฟีฟ่าเดย์กันตลอดทั้งปี

เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าฟีฟ่าเดย์มีช่วงไหนบ้าง และมีโปรแกรมอะไรรออยู่ เขาก็จะจัดฟีฟ่าเดย์ให้มันสอดคล้อง เช่นว่าเดี๋ยวจะเตะเอเชียน คัพ เจอทีมพวกอาหรับ หรือพวกตะวันออก เราก็เชิญทีมอย่าง ยูเออี, อิรัก, อะไรพวกนี้มาอุ่น ไม่ใช่ไปเชิญทีมคอนคาเคฟ, แอฟริกา มาอะไรแบบนี้ อัยยี้ขึ้นอยู่กับโปรแกรมหลังฟีฟ่าเดย์

แต่ถ้าเป็นช่วงปกติ ไม่ได้มีโปรแกรมอะไรเราจะเชิญใครมาก็ได้ หรือเราจะออกไปเยือนบ้างก็ได้ ซึ่งเกมฟีฟ่าเดย์ไม่ใช่ว่าเราจะเล่นอยู่ที่ไทยอย่างเดียว บางทีมันต้องออกไปเล่นเป็นทีมเยือนบ้าง เพราะเกมนานาชาติมันเตะต่างประเทศมากกว่าเตะที่ไทยอยู่แล้ว นักเตะเราจะได้มีประสบการณ์ เล่นแต่ในบ้านพอไปเตะเมืองทองเล่นไม่ได้ ก็มีให้เห็นบ่อยๆ

และที่บอกไปช่วงต้นว่าเราต้องวางแผนตั้งแต่ต้นปีหลังทราบโปรแกรมของเอเอฟซี ว่าฟีฟ่าเดย์มีช่วงไหนบ้าง ้เราต้องเริ่มติดต่อทีมต่างๆ เอาไว้ว่าจะเตะกันที่ไหนอย่างไร ไม่ใช่ว่าว่าพออีกเดือนนึงมีฟีฟ่าเดย์ก้ค่อยมาหาทีมเตะกัน ตอนนั้นมันก็ไม่ได้ทีมดีๆ มาเตะเท่าไหร่ 

เมื่อเรามีแผนการเตรียมทีมช่วงฟีฟ่าเดย์แล้ว คราวนี้ก็คือเรื่องของทีมที่เราจะเตะด้วย โอเคเราต้องการเจอกับทีมใหญ่ที่อันดับโลกสูงกว่า แต่เราก็ต้องมองด้วยว่าทีมใหญ่เขาจะยากเจอเราไหม ถ้าอันดับโลกเราเต่าเขาก็ยิ่งไม่อยากเจอ เพราะเตะไปอันดับเขาก็ไม่ขยับเท่าไหร่

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างสมาคมฯ เรามีความสัมพันธ์อันดีกับญี่ปุ่น ผมว่าการขอเตะอุ่นเครื่องกับญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าปีนึงมีเกมอุ่นเครื่องระดับนี้สักแมตช์ก็โอเคแล้ว

หรือไม่ก็ต้องทีมในเอเชียที่แข็งๆ อย่าง อิรัก, อิหร่าน, ยูเออี, ออสเตรเลีย, อุซเบฯ อะไรพวกนี้ เราสามารถเตะกับพวกเขาได้อยู่แล้ว ซึ่งลองคิดดูว่าฟีฟ่าเดย์แต่ละครั้งเราได้เจอกับทีมพวกนี้มันจะน่าสนใจแค่ไหน ไม่ต้องสนใจผลการแข่งขัน จะแพ้ จะชนะ มันคือฟีฟ่าเดย์

แต่สิ่งที่ได้ตามมาก็คือประสบการณ์และกระดูกของผู้เล่นที่ได้เจอทีมชั้นนำแบบนี้ ซึ่งผมคิดว่าสำคัญที่สุดกว่าผลการแข่งขันมากๆ การที่ได้เราเตะกับทีมเก่งๆ บ่อยๆ มันก็จะเกิดการพัฒนาและเก่งขึ้นตามไปด้วยแน่นอน พอทีมชาติลงเตะในทัวร์นาเม้นท์ต่างๆ มันก็จะมีมาตรฐานที่เราเคยเล่นกับทีมพวกนี้มาแล้ว ยิ่งอาเซียน คัพ นี่หมานหมูเลย เพราะเล่นเล่นกับทีมชั้นนำตลอด

แล้ววันนึงเราเก่งขึ้นก็ค่อยขยับไปอุ่นเครื่องกับทีมยุโรป อเมริกาใต้ อะไรพวกนี้ เหมือนที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เขาเป็นอยู่ตอนนี้ เราต้องเป็นไปทีละสเต็ป

อย่ามองว่าฟีฟ่าเดย์ไม่สำคัญ และเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องธรรมดาๆ เราควรจะจริงจังและให้ความสำคัญกับมันมากๆ เพราะมันจะทำให้ทีมของเราพัฒนาศักยภาพได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าเราทำเหมือนที่ผ่านมา ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างไปจากเดิม

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline