logo-heading

เก่งหลังเกม ... ที่ ทีมงานขอบสนามบอลไทย ได้ไปนั่งชมแบบติดขอบสนามฟุตบอลไทยลีก นัดรองสุดท้ายของเลกแรก ที่ แพท สเตเดี้ยม

ผลปรากฎว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกมายัดเยียดความปราชัยเกมแรกในถิ่นให้กับ การท่าเรือ เอฟซี ได้ด้วยผลสกอร์ 1-3 เราจะมาดูกันหน่อยว่า ผู้ชนะ กับ ผู้แพ้ ในเกมนี้ต่างกันอย่างไร ??? 

 

ความต่างอย่างแรก ... “มีโค้ช กับ ไม่มีโค้ช” 

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มี มาซาทาดะ อิชิอิ มีทั้ง รูปแบบการเล่นที่ชัดเจน และ วิธีการจัดการบอลด้านข้างอาวุธเด็ดของ ท่าเรือ ซึ่งทำได้แบบหมดจด ส่วน การท่าเรือ เอฟซี ไม่ยังมีโค้ชใหญ่ ทำให้รูปแบบการเล่นไม่ชัดเจนจะเล่นด้านข้างก็ไม่ใช่ หรือจะเล่นตรงกลางสู้ดีก็ไม่เชิง เรียกว่าไม่สุดสักทาง และที่เห็นได้ชัดที่สุดคือตอนโดนนำ 2-1 ไม่มีใครคอยกระตุ้นใครก็ทำให้จบเลย ...

 

ความต่างเรื่อง "หัวใจ" และ "ความฟิต" 

เกมนี้ บุรีรัมย์ ไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเลยตลอด 90 นาที นักบอลของพวกเขาวิ่งไม่มีหมด แต่พอผู้ตัดสินเป่านักหวีดยาวจบเกมนอนแผ่หลาทุกคน แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถใส่สุดหมดแม็กซ์ในสนามตลอด 90 นาทีได้จริงๆ ส่วนแข้งเจ้าท่าวิ่ง 70-75 นาทีก็แทบจะหมดแล้ว ช่วงหลังๆ เดินเล่นกันด้วย ไม่มีใครไล่กดดัน ไล่เพลสเลย โดยเฉพาะเกมตรงกลางที่วันนี้ บุรีรัมย์ กินขาด เรียกได้ว่าความฟิตต่างกันชัดเจนสำหรับ 2 ทีมนี้ ...

 

"ตัวทีเด็ด" อย่างสุดท้ายที่ต่างกัน 

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มี ธีราทร บุญมาทัน และ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี 2 มิดฟิลด์คู่กลางคอยสอดส่องใช้โอกาสในการยิงไกลอยู่ตลอด และทั้ง 2 คนช่วยกันทำคนละ 1 ประตูในนัดนี้ ส่วน ท่าเรือ ไม่มีตัวทีเด็ดเลยในเกมนี้ ตัวในสนามก็สร้างอิมแพมระหว่างเกมไม่ได้ น่าเสียดาบที่ไม่ได้ลองใช้ตัวปั้นเกมรุกอย่าง เบน เดวิส สุดท้ายพอตัวทีเด็ดไม่มี ตัวพลิกเกมไม่มา ก็จบด้วยการพ่ายแพ้ ...

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline