แต่เอาจริงๆก็ไม่ใช่งานสบายสำหรับ หงส์แดง สักเท่าไหร่ เพราะช่วงต้นเกม เกือบมีเซอร์ไพรส์ โชคดีที่ VAR มาช่วย ลิเวอร์พูล เอาไว้ นอกจากเรื่องนี้ ยังมีอีกหลายประเด็นให้พูดถึง จะมีเรื่องราวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามมาเลยครับ
หงส์แดง สะดุ้ง VAR ช่วยชีวิต
เริ่มเกมมาแค่ 3 นาที สาวก เดอะ ค็อป ทั่วทั้งโลก คงมีหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เพราะภาพย้อนคาบ้านนัดแพ้ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-1 มันย้อนกลับมาอีกครั้ง เนื่องจาก บอร์นมัธ ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่ายได้หน้าตาเฉย
แต่แล้ว ลิเวอร์พูล ยังพอมีดวงจาก VAR อยู่บ้าง เพราะในจังหวะที่ จัสติน ไคลเวิร์ต แนวรุก บอร์นมัธ ลากตะลุยมาทางขวา ก่อนจะเปิดย้อนกลับไปที่เสาไกลให้กับ เซเมนโย่ พุ่งชาร์จผ่านมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เข้าไป
ทว่า VAR เช็คแล้วว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปเสียไปก่อน มิเช่นนั้นถ้า ลิเวอร์พูล ตามหลัง บอร์นมัธ ตั้งแต่ 3 นาทีแรก บอกเลยว่า งานหยาบมากๆ
ดิอาซ ร้อนแรงเกินห้ามใจ
ไม่แปลกใจทำไม โคดี้ กัคโป ยังต้องนั่งสำรองต่อไป เพราะถ้าฟอร์มดีขนาดนั้น ในเกมที่ชนะ เอซี มิลาน 3-1 ถ้าเป็นทีมอื่น ยังไงก็ต้องเป็นตัวจริงอยู่แล้วแล้ว
แต่นั่นแหละ เพราะมี หลุยส์ ดิอาซ ค้ำคออยู่ ทางฝั่งซ้าย อาร์เน่อ ชล็อต ยังคงไว้ใจให้เขาเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ทางเกมรุกฝั่งซ้ายมากกว่า เพราะถ้าเอาแบบสายสปีด ไปกับบอลทะลวงแนวรับคู่ สกิลหวือหวาเกินห้ามใจ ยังไงก็ต้อง ดิอาซ
จริงๆก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะยิงเม็ดแรก มีช็อตที่ หลุยส์ ดิอาซ ได้แหวก 2 แหวก 3 หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่เลือกยิงมุมแคบ ทั้งที่มี ดาร์วิน นูนเญซ วิ่งมารอหน้าประตูแล้ว ทว่าทุกอย่างก็เงียบลง เพราะเขาทำได้ 2 ประตู
✅ ประตูแรก เอาบอลลงอย่างนิ่ง จากการวางยาวของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ก่อนแตะหลบ เกป้า ยิงเข้าไปแบบใจเย็น
✅ ประตูสอง แต่งเฟิสทัสได้ดีมาก ขวาเข้าซ้าย ได้โอกาสยิงแบบล่อเป้า ก่อนจะซัดลอดขาผู้รักษาประตูเข้าไป
นั่นแหละครับ คือเหตุผลที่ว่าทำไม ชล็อต ถึงเลือก ดิอาซ เป็นตัวจริงก่อน กัคโป .. 5 ประตู 1 แอสซิสต์ ชั่วโมงนี้ คือคำตอบว่าฮอตจริงๆ
นูนเญซ ปลดแอดยิงประตูแรก
นับตั้งแต่ที่ อาร์เน่อ ชล็อต เข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล นี่คือเกมแรกที่ ดาร์วิน นูนเญซ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เนื่องจากเขาต้องตกเป็นสำรองให้กับ ดิโอโก้ โชต้า มาตลอด แต่ทว่าช่วงที่ผ่านมา โชต้า ฟอร์มดรอปลงไป โอกาสจึงตกเป็นของ นูนเญซ
ด้วยความที่เป็นตัวสำรองมาตลอด ทำให้ นูนเญซ คงรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย ทั้งเวลาลงเล่นที่น้อยนิด ยิงประตูก็ยังไม่ได้ ถ้าลงมาแล้ว ผลงานไม่ดี ก็อาจจะต้องกลับไปนั่งสำรองตลอดไป ใครจะรู้ !!
แต่เกมนี้ นูนเญซ น่าจะปลดแอกความกดดันในทรวงไปได้อยู่หลายขุม เพราะถึงแม้โอกาสจะไม่เยอะ แต่พ่อหนุ่มผมยาว ได้โชว์ความเฉียบคม ด้วยการแตะบอลเข้าเท้าซ้าย ก่อนจะปั่นโค้งๆตามเสียงน้าหัง เช็ดเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในซีซั่นนี้ และ เป็นประตูปิดจ็อบให้กับ ลิเวอร์พูล ด้วย
ไม่มี เคลเลเฮอร์ ไม่มีคลีนชีต !
เชื่อว่าแฟนๆ ลิเวอร์พูล คงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย กับอาการบาดเจ็บของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารมือ 1 ที่มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา และไม่สามารถลงเฝ้าเสาในเกมเจอกับ บอร์นมัธ ได้ ก่อนจะต้องไปใช้บริการของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ลูกหมีมือ 2
และ เคลเลเฮอร์ ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะเกมนี้ที่ ลิเวอร์พูล สามารถรักษาคลีนชีทไว้ได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิตกับนายทวารรายนี้ เพราะสามารถเซฟช็อตสำคัญได้หลายต่อหลายครั้ง ถึงแม้จะมีออกบอลพลาดไปบ้าง แต่ก็ยังแก้ตัวได้
โดยเฉพาะครึ่งหลัง ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะนำ 3-0 แล้ว แต่ก็จวนเจียนจะเสียประตูตีไข่แตกอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มี เคลเลเฮอร์ อาจจะลุ้นกันแบบเยี่ยวเหนียวไปแล้ว เขาทั้งเซฟลูกยิงมุมแคบที่ซัดเต็มข้อของ ลุยส์ ซินิสเตร์รา รวมถึงอีกจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เกือบทำเข้าประตูตัวเอง แต่ เคลเลเฮอร์ พรุ่งมาปัดบนเส้นไว้ได้
เฟเดริโก้ เคียซ่า ได้ลงมายืดเส้น 20 นาที
นัดก่อนในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ชนะ เอซี มิลาน 3-1 .. เคียซ่า เหมือนแต่งตัวลงสนาม ให้ช่างภาพถ่ายรูปเฉยๆ เพราะลงมาแทน โม ซาลาห์ ก็เข้าช่วงทดเจ็บไปแล้ว
แต่เกมชนะ บอร์นมัธ เขาถูกเปลี่ยนลงสนามในนาทีที่ 72 แต่ไม่ได้แทน ซาลาห์ เค้าลงมาแทน ดาร์วิน นูนเญซ และ ได้ลงเล่นเป็นตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
เขามีโอกาสได้ส่องประมาณ 2 ครั้ง จังหวะแรกได้วอลเล่ย์บอลไปเข้าซอง เกป้า ส่วนอีกจังหวะน่าจะเป็นประตู แต่เขาซัดไปชนเสาเด้งออกมา ซึ่งหากจังหวะนี้ได้สกอร์ ต้องเช็คจังหวะล้ำหน้าอีกครั้ง แต่ถือว่าได้ลงมาชิมลางในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ว่าต้องพัฒนา และ ปรับตัวอย่างไร
ส่วนชัยชนะนัดนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว มี 12 คะแนน เท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แข่งน้อยกว่า 1 นัด
ฮาย ฮาวดี้-