logo-heading

แต่ทว่าจากอดีตที่ผ่านมาเคยมีเหล่าสโมสรในยุโรปหลายทีมที่สร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ จนกลายเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขานจนถึงทุกวันนี้

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปยลโฉมเหล่าสโมสรที่เคยเอื้อมมือสัมผัส พร้อมสร้างสถิติคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ ในฤดูกาล ซึ่งจะมีทีมไหนบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

กลาสโกว์ เซลติก (1966-67)

ออกสตาร์ททีมแรกด้วยยอดทีมจากสกอตต์แลนด์ที่ครั้งหนึ่งเคยเดินหน้าสอย 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวมาครอง พร้อมสร้างชื่อเป็นทีมแรกที่ทำได้สำเร็จในปี 1966-67

ซีซั่นนั้นพวกเขาคว้าแชมป์ลีกด้วยการเก็บไป 58 แต้ม เบียดอันดับ 2 อย่าง เรนเจอร์ส 3 แต้ม ส่วนบอลถ้วยประเทศก็สร้างสถิติได้อย่างสวยงาม กระหน่ำไปถึง 20 ประตู จากการลงสนาม 6 เกม ปิดท้ายที่ฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปที่ตอนนั้นยังคงใช้ชื่อ ยูโรเปี้ยน คัพ ด้วยการล้ม อินเตอร์ มิลาน ในรอบชิงชนะเลิศ

โดยในขวบปีดังกล่าวทีมคุมโดย จ็อก สตีน โดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของเกมรุกที่กระทุ้งคู่แข่งรวมในทุกรายการไปมากถึง 192  ประตู ซึ่ง โจ แม็คไบรด์ เป็นดาวซัลโวของทีมด้วยการซัดไป 35 ตุง เลยทีเดียว

อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (1971-1972)

ในฤดูกาลดังกล่าว อาแจ็กซ์ ภายใต้การคุมทีมของ สเตฟาน โควัชส์ สร้างประวัติศาสตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นทีมที่มีขุมกำลังลงตัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเกมรุกที่ดุดัน

ในเกมลีกพวกเขา 34 เกม พวกเขาสะดุดเพียง 4 เกมเท่านั้นคือการเสมอ 3 และ แพ้ 1 เกม ก่อนเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครอง ส่วนในบอลถ้วยอย่าง ดัตซ์ คัพ รอบชิงชนะเลิศก็จัดการสอย เดน ฮาก 3-2 ซึ่งตลอดการแข่งขันในรายการนี้ อาแจ็กซ์ ถลุงคู่แข่งไปถึง 16 ตุง จาก 5 เกม

ปิดท้ายที่ ยูโรเปี้ยน คัพ ตลอดทัวร์นาเมนท์พวกเขาไม่สะดุดแพ้ให้กับใครเลย รอบน็อคเอาท์ทีมผ่าน โอลิมปิก มาร์กเซย, อาร์เซน่อล, เบนฟิก้า และรอบชิงก็สอย อินเตอร์ มิลาน 2-0 จากการเหมาของ โยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งในฤดูกาลนั้นหัวหอกทีมชาติเนเธอร์แลนด์กระหน่ำไปมากถึง 33 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีม

ยลโฉม! ยอดทีมที่เคยสร้างประวัติศาสตร์คว้า ทริปเปิ้ลแชมป์

พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (1987-88)

อีกหนึ่งสโมสรจากเนเธอร์แลนด์ที่จัดการสอย ทริปเปิ้ลแชมป์ มาครอง โดยในฤดูกาล 1987-88 ตอนนั้นกุนซือของทีมคือ กุส ฮิดดิ้งค์  จุดเด่นคือเกมรุกที่ทรงพลังมากเหลือเกินเข้าวินคว้าแชมป์ลีกด้วยการกระหน่ำไปมากถึง 117 ประตู จาก 34 เกม จบอันดับ 1 ด้วยการมีแต้มมากกว่าอันดับ 2 อย่าง อาแจ็กซ์ 9 แต้ม

ส่วนรายการ ดัตซ์ คัพ สอยแชมป์มาครองด้วยการเอาชนะ โรด้า เจซี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-2 ก่อนปิดท้ายฤดูกาลด้วยความยิ่งใหญ่สอยแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ด้วยการดวลจุดโทษเอาชนะ เบนฟิก้า 6-5 ภายหลังเสมอในเวลาปกติ 0-0

ซึ่งที่น่าสนใจคือตั้งแต่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นมา พีเอสวี ไม่สามารถเก็บชัยชนะในบอลยุโรปได้เลย แต่พวกเขาผ่านเข้ารอบมาด้วยกฎประตูทีมเยือนทั้งหมด ซึ่งคู่แข่งที่พวกเขาผ่านมาได้คือ บอร์กโดซ์ กับ เรอัล มาดริด ด้วยผลการแข่งขันเหมือนกันคือบุกไปเยือนเสมอ 1-1 ก่อนกลับมาเก็บผลเสมอ 0-0 ในบ้านตัวเอง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1998-99)

หนึ่งใน ทริปเปิ้ลแชมป์ ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ทั้งเรื่องของความดราม่า และซีนที่เหมือนบทละครขีดเขียนเอาไว้

เริ่มจากในพรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องมาลุ้นแย่งแชมป์กับ อาร์เซน่อล จนกระทั่งเกมสุดท้าย ก็เข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครองด้วยการเบียดชนะไปเพียง 1 คะแนน ส่วนในเอฟเอ คัพ เหตุดราม่าในรอบรองที่ได้ ไรอัน กิ๊กส์ ซัดประตูชัยผ่านทัพ “ปืนใหญ่” ช่วงต่อเวลา ก่อนไปเก็บ นิวคาสเซิ่ล ในรอบชิงชนะเลิศ

และที่เป็นเรื่องราวดราม่ามากที่สุดคงเป็นค่ำคืนที่ คัมป์ นู ในรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่โคจรมาดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค นาทีเวลาเดินทางมาถึงนาทีที่ 90 สกอร์บอร์ดบอกว่าทัพ “เสือใต้” นำอยู่ 1-0 ทว่าในเมื่อเวลายังไม่หมด โอกาสยังคงมีอยู่เสมอ

ว่าแล้ว ยูไนเต็ด จัดการสอย 2 ประตูรวดช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก เท็ดดี้ เชอริงแฮม กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เบียดคว้าแชมป์ไปแบบดราม่าเรียกน้ำตา เป็นการคว้าแชมป์ยุโรปครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร

บาร์เซโลน่า (2008-09 กับ 2014-15)

สโมสรแรกของยุโรปที่สามารถคว้า ทริปเปิลแชมป์ มาครองได้ถึง 2 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ หลุยส์ เอ็นริเก้  กุนซือเลือดเนื้อเชื้อไขของทัพ “อาซูลกราน่า” ขนานแท้ 

เริ่มต้นที่ฤดูกาล 2008-09 พวกเขาซิวแชมป์ ลาลีกา สเปน มาครองแบบไม่ยากเย็นมากนัก ด้วยการขึ้นนำแบบม้วนเดียวจบ พร้อมปิดฉากซีซั่นด้วยการมีแต้มเหนือ เรอัล มาดริด อันดับ 2 ที่จำนวน 9 คะแนน ส่วนในรายการ โกปา เดล เรย์ ก็เอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ไปได้ท่วมท้น 4-1 

ในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก เส้นทางถือว่าไม่ง่ายในรอบน็อกเอาท์ บาร์ซ่า ผ่าน โอลิมปิก ลียง, บาเยิร์น มิวนิค, เชลซี ก่อนปิดฉากรอบชิงชนะเลิศด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 

ข้ามมาที่ปี 2014-15 ในเกมลีกพวกเขาจัดการแซงหน้า เรอัล มาดริด ในช่วงท้ายซิวแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ในบอลถ้วยโกปา เดล เรย์ พวกเขาเริ่มต้นตั้งแต่รอบ 32 ทีมสุดท้าย ซึ่งการเล่นเหย้า- เยือน ตั้งแต่รอบนั้นพวกเขาไม่สะดุดเสมอ หรือแพ้ใครเลย ชนะมารัวๆ ก่อนปิดจ็อบเกมรอบชิงชนะเลิศสอย แอธ.บิลเบา ด้วยสกอร์ 1-3

ส่วนในถ้วยบิ๊กเอียร์ทัพ อาซูลกราน่า ผ่านทีมใหญ่ของยุโรปมาทั้งนั้นไล่ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ต่อด้วยการปราบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, บาเยิร์น มิวนิค และเอาชนะ ยูเวนตุส ได้ในรอบชิงชนะเลิศ 3-1

ไฮไลท์ของฤดูกาลดังกล่าวคือ 3 ประสาน MSN เมสซี่, ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ที่กระหน่ำรวมกันไปมากถึง 122 ประตู และเป็นฤดูกาลที่ “คิง เลโอ” กระหน่ำคนเดียว 58 ตุง จาก 57 เกม

ยลโฉม! ยอดทีมที่เคยสร้างประวัติศาสตร์คว้า ทริปเปิ้ลแชมป์

อินเตอร์ มิลาน (2009-10)

ขวบปีของทัพ “งูใหญ่” ที่อยู่ในใจของแฟนบอลหลายๆ คนจากความยอดเยี่ยม ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ชาวโปรตุเกส

ในเกมลีกพวกเขาขับเคี่ยวมากับ โรม่า อย่างสนุกก่อนเบียดคว้าแชมป์ด้วยการมีคะแนนมากกว่า 2 แต้ม ส่วนในรายการ โคปา อิตาเลีย พวกเขาก็จัดการย้ำแค้นทัพ “หมาป่ากรุงโรม” อีกครั้งด้วยการเอาชนะในรอบชิงชนะเลิศ 1-0 จากประตูชัยของ ดิเอโก้ มิลิโต้

ส่วนเส้นทางใน แชมเปี้ยนส์ลีก ต้องบอกว่าทีมออกสตาร์ทไม่ค่อยสวยนัก เพราะสะดุดเสมอ 3 เกมรวด แต่ทว่าก็สามารถพลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบมาได้ในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม

ส่วนในรอบน็อคเอาท์ อินเตอร์ ผ่าน เชลซี, ซีเอสเคเอ มอสโก, บาร์เซโลน่า ก่อนในรอบชิงชนะเลิศจะเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม

ส่วนดาวเด่นในซีซั่นนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ดิเอโก้ มิลิโต้ ที่กระทุ้งในทุกรายการไปมากถึง 30 ประตู เช่นเดียวกับ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ ที่เป็นเหมือนหัวใจในแดนกลางของทีม

บาเยิร์น มิวนิค (2012-13)

ซีซั่นที่ยอดเยี่ยมของทัพ “เสือใต้” ภายใต้การทำทีมของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส โดยในบุนเดสลีกาพวกเขาแทบจะนอนมาในการคว้าแชมป์ ซึ่งตัวเลยหลังจบฤดูกาล บาเยิร์น จบอันดับ 1 ด้วยการเก็บไป 91 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ดอร์ทมุนด์ ไกลถึง 25 แต้ม

ส่วนในรายการ เดแอฟเบ โพคาล เส้นทางไม่ได้ยากเย็นนัก ก่อนเดินหน้าปราบ สตุ๊ดการ์ท ในรอบชิงชนะเลิศ 3-2 จากการเหมา 2 ตุงของ มาริโอ โกเมซ และอีกลูกจาก โธมัส มุลเลอร์

ปิดฉากซีซั่นในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก ก็โคจรมาพบกับ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทีมจากเยอรมันมาพบกันในรอบชิงชนะเลิศรายการนี้ ก่อนจะเป็น บาเยิร์น ที่เฉียบขาดกว่าเบียดเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งประตูชัยในวันนั้นมาจาก อาร์เยน ร็อบเบน ในนาทีที่ 89

ส่งผลให้ บาเยิร์น มิวนิค สร้างสถิติเป็นทีมแรกจากแดนเบียร์ในการสอยแชมป์ 3 รายการ ภายในฤดูกาลเดียว  

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline