logo-heading

ถึงปัจจุบันจะอายุแค่เพียง 23 ปีแต่ชีวิตของ เจา เฟลิกซ์ ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเส้นทางของเขามีหลายๆ สิ่งที่ไม่เป็นใจและไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่

แต่การย้ายมา บาร์เซโลน่า มันสัมผัสได้เลยว่าเขามีชีวิตที่ดีและแฮปปี้กว่าที่ผ่านๆ มา ดังนั้นเราลองไปไล่ย้อนไทม์ไลน์กันหน่อย นับตั้งแต่วันที่จากบ้านเกิดที่ โปรตุเกส จนถึงตอนนี้ผู้ชายที่ชื่อ เจา เฟลิกซ์ ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ?

วันที่ เจา เฟลิกซ์ มีความสุขกับ ฟุตบอล อีกครั้ง

[ ชีวิตใน มาดริด ที่ไม่เป็นสุข ] 

นักเตะอย่าง เจา เฟลิกซ์ เคยเป็นที่ต้องการจากหลายทีมชั้นนำทั่วยุโรปจากทักษะที่เก่งกาจรอบด้านและพรสวรรค์ในระดับสูงเมื่อสมัยอยู่กับ เบนฟิก้า จนได้ฉายาว่าเป็น "นิว ริคาร์โด้ กาก้า" แต่ไปๆ มาๆ สุดท้ายเขากลับเลือกตอบรับข้อเสนอจาก แอตเลติโก มาดริด ที่ตัดสินใจทุ่มเงินค่าฉีกสัญญาที่ 126 ล้านยูโร

การย้ายทีมครั้งนั้นมีเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นมากมายถึงสไตล์ของตัวนักเตะและแนวทางการทำทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่ดูไม่แมตช์กันเลยสักนิด และสุดท้ายมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อ เฟลิกซ์ ไม่ได้เล่นในรูปแบบที่ต้องการ และไม่ได้ตอบโจทย์ตามสิ่งที่ ซิเมโอเน่ คาดหวังไว้ นั่นก็เลยทำให้สถานะของเขาต้องอยู่ม้านั่งข้างสนามเป็นส่วนใหญ่

ถึงจะมีอยู่หลายครั้งที่ เจา เฟลิกซ์ ถูกส่งลงมาเพื่อเปลี่ยนเกมและช่วยให้ แอตฯ มาดริด เก็บผลที่ต้องการได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาสามารถเอาชนะใจ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้เลย

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อนนี่คือเด็กวัย 18 ปีที่ซัลโวไปกระจุยกระจายถึง 20 ประตูในซีซั่นเดียว และกดไปถึง 11 แอสซิสต์ แต่เส้นทางกับ แอตเลติโก มาดริด ตลอดช่วง 4 ปีผู้ชายคนนี้กลับทำได้แค่ 34 ประตูเท่านั้นจาก 131 นัด และทำได้ 18 แอสซิสต์

[ ความสัมพันธ์กับ ซิเมโอเน่ ]

เรื่องโอกาสการเล่นก็เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั่นก็คือความสัมพันธ์กับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่นับวันยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ถึงจะไม่มีการฉะหรือบัพกันออกสื่อ และตัวของ ซิเมโอเน่ เองก็ยังพูดว่า เฟลิกซ์ นั้นยังสำคัญสำหรับทีม แต่ทุกสิ่งที่เขาเผยแพร่ออกสื่อก็มักจะตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นของนักเตะเสมอ

ทางผู้ใหญ่ของ "ตราหมี" อย่าง มิเกล อังเคล กิล มาริน ก็เคยประกาศถึงความตั้งใจว่าพร้อมขาย เจา เฟลิกซ์ ออกไป เพราะนี่เป็นการลงทุนที่มหาศาลแต่ไม่ได้ความคุ้มค่าเป็นการตอบแทน เช่นเดียวกับตัวของ ซิเมโอเน่ ก็ไม่ปิดโอกาสถ้าหากนักเตะจะขอย้ายทีมจริงๆ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือแค่ทีมเท่านั้น ใครไม่อยากอยู่ก็พร้อมปล่อยไป

[ ย้ายมา เชลซี ]

การย้ายออกจาก แอตเลติโก มาดริด มา เชลซี สำหรับ เจา เฟลิกซ์ แล้วก็ไม่ต่างจากนักโทษที่พ้นทุกข์จากชีวิตในเรือนจำ ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ กับการยืมตัวแค่ครึ่งซีซั่นก็ตาม

เขาอาจจะเปิดตัวได้ไม่น่าจดจำเท่าไหร่หลังโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมที่ เชลซี แพ้ ฟูแล่ม 1-2 และโดนแบนไป 3 นัด แต่พอพ้นโทษกลับมาก็เปิดซิงประตูแรกทันทีในนัดที่เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 ก่อนจะกดได้อีก 3 ประตูในวันที่เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2, ชนะ บอร์นมัธ 3-1 และวันที่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-4

เจา เฟลิกซ์ อาจจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของ เชลซี ดีขึ้นหรือสร้างความแตกต่างได้มากเท่าไหร่ แต่การที่เขาได้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องซึ่งต่างจากชีวิตที่ แอตฯ มาดริด ทางฝั่งแฟนๆ เองก็ชอบและตื่นเต้นกับลีลาการวาดลวดลายของเขาบนสนาม นั่นจึงทำให้ เจา เฟลิกซ์ ถึงกับออกมาเปิดใจว่าไม่ปิดโอกาสที่จะย้ายมาใช้ชีวิตที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แบบถาวร

อย่างไรก็ตามการย้ายทีมของ เจา เฟลิกซ์ ไม่ได้มีออปชั่นซื้อขาด และค่าหัวที่ แอตฯ มาดริด ตั้งเอาไว้ก็สูงเกินกว่าที่ เชลซี จะกล้าทุ่มแลก ทางฝั่ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่กำลังจะเข้ามาใหม่ในตอนนั้นก็ไม่ได้มองว่า เจา เฟลิกซ์ อยู่ในแผนการทำทีมเพราะ มี คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู อยู่แล้ว

สุดท้ายก็เลยทำให้ตัวของ เจา เฟลิกซ์ ต้องระเห็จกลับไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด อีกครั้งและหาทางออกให้ตัวเองต่อไป

[ สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้น ]

เจา เฟลิกซ์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับนักข่าวว่า "บาร์เซโลน่า เป็นตัวเลือกแรกของผมมาตลอด และผมก็อยากให้ บาร์เซโลน่า เป็นสโมสรต่อไปของผม นี่คือทีมที่เป็นฝันของผมตั้งแต่วัยเด็ก" 

คำพูดแค่เพียงไม่กี่คำแต่กลับทำให้บอร์ดบริหารและกุนซืออย่าง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ถึงกับปรี๊ดแตก เนื่องจากมองว่าเป็นการไม่ให้ความเคารพกับสัญญาที่มีอยู่กับ แอตฯ มาดริด อีก 4 ปี

ตัวของ เจา เฟลิกซ์ เองก็ไม่พอใจที่ถูกริบเสื้อเบอร์ 7 และถูกส่งไปซ้อมกับทีมสำรองในช่วงปรีซีซั่น ทางฝั่งของ แอตฯ มาดริด ก็ฉุนขาดกับสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับสั่งว่า ถ้าไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษสโมสรเรื่องดังกล่าวทางต้นสังกัดก็จะไม่รับเรื่องพิจารณาเพื่อปล่อยเขาออกจากทีม

สุดท้าย เจา เฟลิกซ์ ก็ได้ย้ายมาค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า สมใจ แต่เป็นการย้ายทีมแบบยืมตัว 1 ปีและไม่มีออปชั่นซื้อขาด เพราะ อดีตทีมที่เคยได้ชื่อว่าเป็น "เจ้าบุญทุ่ม" นั้นมีปัญหาในเรื่องของการเงิน และก่อนหน้านั้นตัวนักเตะก็ได้ต่อสัญญาใหม่เพิ่มอีก 2 ปีจากเดิมถึงปี 2027 ไปเป็น 2029

ส่วนเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะการปรับโครงสร้างค่าเหนื่อยที่ต้องลดลง โดยทาง เจา เฟลิกซ์ ยอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองลง 50 เปอร์เซนต์เพื่อให้ได้ย้ายมา บาร์เซโลน่า ว่ากันว่าตัวเลขที่รับอยู่ตอนนี้คือ 7 ล้านยูโรต่อปี หรือ 134,000 ยูโรต่อสัปดาห์

[ ฝันเป็นจริงที่ บาร์ซ่า ]

มีนักเตะหลายคนได้โอกาสไปทำตามฝันของตัวเองกับสโมสรที่ใจปรารถนา แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นอย่างที่หวังก็มีตัวอย่างดีๆ ให้เห็นเยอะแยะถมเถไป

แต่บางที เจา เฟลิกซ์ อาจไม่ใช่หนึ่งในนั้นก็เป็นได้ เขาเริ่มต้นได้ดีมากๆ กับ บาร์เซโลน่า หลังถูกส่งมาเป็นสำรองในเกมนัดประเดิมสนามกับ โอซาซูน่า ต่อมาใน 2 เกมล่าสุดเขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าฝั่งซ้าย

สิ่งที่เห็นก็คือ เจา เฟลิกซ์ เล่นได้อย่างมั่นใจตามแท็คติกของ ชาบี เอร์นานเดซ ช่วยยกระดับศักยภาพเกมรุกของทีม สร้างปัญหาให้กับคู่แข่งได้มากมาย แถมยังประสานงานกับเพื่อนๆ อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, กาบี และอีกหลายๆ คนได้เข้าขาและลงตัวสุดๆ 

3 ประตูและ 1 แอสซิสต์จาก 2 นัดช่วยให้ บาร์เซโลน่า ถล่ม เรอัล เบติส 5-0 และก็เพิ่งจัดหนักไล่ยำใหญ่ รอยัล อันท์เวิร์ป อีก 5-0 ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และด้วยฟอร์มที่โดดเด่นเช่นนี้มันก็คู่ควรแล้วสำหรับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ติดกันทั้ง 2 นัด

เมื่อคนเรามีความสุขไม่ว่าจะมาจาก สิ่งที่ทำ, สถานที่ๆ อยู่ หรือคนรอบข้าง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะเป็นในเชิงบวกไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจ

นี่คือสิ่งที่เราสัมผัสได้จากตัวของ เจา เฟลิกซ์ ตลอด 2-3 นัดที่ผ่านมากับชีวิตที่ บาร์เซโลน่า ไม่รู้ว่าสุดท้ายเขาจะรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีจนสุดทางไหม ? และจะได้อยู่กับ บาร์ซ่า แบบถาวรเลยรึเปล่า ? แต่ที่รู้แน่ๆ คือตอนนี้เราไม่ได้เห็นเขามีความสุขกับการเล่นฟุตบอลแบบนี้มานานมากแล้วจริงๆ

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline