logo-heading

เหตุผลของการจากลา ! เอแด็น อาซาร์ รีไทร์ในวัย 32 ปี

ในที่สุดแล้วก็เป็นไปตามที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์และเป็นสิ่งที่สื่อหลายๆ สำนักเผยแพร่มาก่อนหน้านี้เมื่อ เอแด็น อาซาร์ ซูเปอร์สตาร์ดังชาวเบลเยี่ยมได้ประกาศอำลาเส้นทางลูกหนังอย่างเป็นทางการในวัย 32 ปี

การไปทำตามฝันที่ เรอัล มาดริด เส้นทางของ เอแด็น อาซาร์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และก็มีหลายช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำอย่างยิ่ง จนใครๆ ต่างก็มองว่า "เขาคือหนึ่งในดีลที่ย่ำแย่ที่สุดบนหน้าประวัติศาตร์สโมสร" 

มันก็อาจจะจริง . . . หากมองด้วยเรื่องของผลงานและสิ่งที่สโมสรได้รับเป็นการตอบแทนมันไม่ได้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ทุ่มลงไป 100 กว่าล้านปอนด์ แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดและมีสไตล์การเล่นที่ไม่มีใครเอาแบบอย่างได้

การตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัยแค่ 32 ปีก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ชวนเซอร์ไพรส์ไม่ใช่น้อยในสายตาของแฟนบอล เพราะชื่อยังขายได้ ยังสามารถกลับมาเก่งอีกครั้งได้ และมีทางให้ไปต่ออีกมาก แต่ทำไม อาซาร์ ถึงเลือกที่จะรีไทร์ล่ะ ?

[ อาการบาดเจ็บ ]

อาการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่เกิดมาคู่กับนักกีฬาอาชีพอยู่แล้ว จะเรียกว่าเป็นเงาตามตัวเลยก็ว่าได้ เพราะมันเกิดขึ้นได้ทุกวินาทีโดยที่เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลย

อาซาร์ เจอพิษอาการบาดเจ็บเล่นงานและตามหลอกหลอนเป็นวิญญาณตามติดตลอดช่วง 4 ปีที่ เรอัล มาดริด เขาได้รับบาดเจ็บไปทั้งหมด 18 ครั้ง ใช้เวลาพักพื้นในโรงหมอไปมากกว่า 500 วัน พลาดโอกาสลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ไปราวๆ 90 กว่านัด

ไม่ว่าจะเจ็บหนักหรือเบาแต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวบ่อยๆ ก็มักส่งผลต่อสภาพจิตใจและระดับศักยภาพของความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนเจ็บบ่อยจนรู้สึกแหยงๆ หวั่นกลัวจนกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ก็มี บางคนหนักถึงขั้นต้องยุติเส้นทางความฝันของตัวเองไปเลยมันก็มีเหมือนกัน และดูเหมือน อาซาร์ จะเป็นหนึ่งในนั้น

[ ปฏิเสธหลายๆ ทีม ]

เดิมที เอแด็น อาซาร์ เหลือสัญญากับ เรอัล มาดริด อีก 1 ปีแต่สุดท้ายก็เลือกทำข้อตกลงยกเลิกสัญญาด้วยความยินยอมทั้ง 2 ฝ่ายจนเปลี่ยนสถานะมาเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ หลายๆ คนอาจจะมองเขาเป็นนักเตะที่ไม่มีใครเอา แต่ไม่ใช่เลย คุณคิดผิด และเขาก็ไม่ได้มีความช้ำใจอะไรในการแยกทางกับ "ราชันชุดขาว" ที่เป็นสโมสรในฝัน

อย่างที่บอกไปว่าชื่อของ อาซาร์ นั้นยังขายได้ เขาเป็นนักเตะที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งหากอยู่ในสภาพที่พร้อมสมบูรณ์ 100 เปอร์เซนต์ มีหลายๆ ทีมที่อาสาขอรับหน้าที่เค้นฟอร์มอันสุดยอดของชายคนนี้ให้กลับมาอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นสโมสรใน ซาอุดิอาระเบีย, ทีมใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ รวมไปถึงทีมชั้นนำจาก ฝรั่งเศส อย่างพวก นีซ, ลีลล์ และ โอลิมปิก มาร์กเซย ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เอแด็น อาซาร์ เลือกตอบปฏิเสธไปทั้งหมด ถึงไม่มีการยืนยันด้วยบทสัมภาษณ์ แต่ก็แว่วๆ มาว่าเหตุผลนั้นเป็นเพราะตัวนักเตะมองว่าอาการบาดเจ็บที่เรื้อรังมาจาก เรอัล มาดริด อาจทำให้เขากลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้อีกแล้ว และมันก็ถึงเวลาที่ควรหันหลังให้กับเส้นทางแห่งความฝัน

[ คำกล่าวสุดท้าย ]

"คุณต้องรับฟังตัวเองและบอกว่าหยุดเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม หลังลุยในเส้นทางนี้มา 16 ปีผมลงเล่นไปเกินกว่า 700 แมตช์ ผมจึงตัดสินใจยุติเส้นทางอาชีพในฐานะนักฟุตบอล ผมสามารถตระหนักถึงความฝันของตัวเอง, ผมได้ลงเล่นและได้สนุกไปกับมันบนสนามฟุตบอลหลายๆ แห่งทั่วโลก"

"บนเส้นทางของผมถือว่าโชคดีมากที่ได้พบกับผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม, โค้ชและเพื่อนร่วมทีมเก่งๆ มากมาย ขอขอบคุณทุกๆ คนที่อยู่ในช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ ผมจะคิดถึงพวกคุณทุกคน ผมขอขอบคุณสโมสรที่ผมเคยลงเล่นให้อย่าง ลีลล์, เชลซี และ เรอัล มาดริด ขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม ที่ให้โอกาสผมได้รับใช้ชาติ"

"ขอขอบคุณครอบครัวของผม, ผองเพื่อน, ที่ปรึกษาและผู้คนที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอดไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี และสุดท้ายแล้วก็ต้องขอบคุณแฟนบอลที่ติดตามและให้กำลังใจผมมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา"

"ตอนนี้เป็นเวลาที่จะสนุกไปกับผู้คนที่รักและได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วเจอกันนอกสนามในเร็วๆ นี้นะเพื่อน !"

[ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ]

นี่คือบทสรุปทั้งหมดของการตัดสินใจหันหลังให้กับเส้นทางแห่งความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ถ้าลองนึกย้อนกลับไปก็ไม่มีอะไรที่ผู้ชายคนนี้ต้องเสียใจ เขาคือผู้เล่นที่ดีที่สุดของ ลีก เอิง เมื่อสมัยอยู่กับ ลีลล์ ใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส

คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ เชลซี 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 สมัย ได้ลงเล่นไป 352 เกม ยิงได้ 110 ประตู กดไปอีก 92 แอสซิสต์ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย และผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ เชลซี อีก 4 สมัย นี่คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ เชลซี และเป็นที่รักของแฟนบอลมากที่สุดคนหนึ่ง

ช่วงชีวิตที่ เรอัล มาดริด อาจจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่รู้กัน ได้ลงเล่นไปแค่ 76 นัด ยิง 7 ประตูตลอด 4 ปี แต่ก็ได้แชมป์ทุกโทรฟี่ไม่ว่าจะเป็น ลา ลีกา, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ สโมสรโลก ได้ร่วมงานกับตำนานที่เป็นไอดอลอย่าง ซีเนดีน ซีดาน และได้สวมยูนิฟอร์ม "ราชันชุดขาว" อย่างที่ใฝ่ฝัน แม้จุดจบจะไม่เป็นดั่งที่หวังก็ตาม

ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นนักฟุตบอลที่ดีพอจะเทียบชั้น 2 ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ เบลเยี่ยม ในระดับเดียวกับ เควิน เดอ บรอยน์

มันอาจจะมีจุดด่างพร้อยอยู่บ้างในช่วง 16 ปีแห่งความหลังของ เอแด็น อาซาร์ แต่ในภาพรวมแล้วมันก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องรู้สึกเสียดายเลยทั้งความสนุก ความสำเร็จ ความท้าทายต่างๆ พี่แกผ่านมาหมดแล้ว

ส่วนอนาคตนับจากนี้ไม่ว่าเขาจะเลือกทางเดินเส้นไหน . . . ก็ขอให้โชคดี

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline