logo-heading

จอร์เจีย ชาติเล็กๆ ที่เป็นสมันน้อยในยุโรป

จอร์เจีย เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรแค่เพียง 4 ล้านคนเท่านั้น ถ้าจะพูดถึงประวัติศาสตร์ในโลกฟุตบอลก็ไม่มีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่หรืออะไรที่น่าจดจำเป็นพิเศษ

การโลดแล่นและได้ผจญภัยบนเวทีทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ครั้งสุดท้ายก็น่าจะเป็นตอนที่ยังใช้ชื่อรวมกับ สหภาพโซเวียต แต่เมื่อแยกตัวออกมานับตั้งแต่ช่วงต้นยุค 90 จอร์เจีย ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกับการคว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอลระดับเมเจอร์อีกเลยไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลยูโร

ผู้เล่นที่เป็นตำนานหรือมีชื่อเสียงที่พอจะคุ้นๆ อยู่บ้างก็จะมี คาค่า คาลัดเซ่ อดีตกองหลังของ เอซี มิลาน ที่เคยคว้า สคูเด็ตโต้ 1 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย

เลวาน โคเบียชวิลี่ ที่เคยเล่นให้ ไฟร์บวร์ก, ชาลเก้ 04 และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ใน บุนเดสลีกา เช่นเดียวกับ อเล็กซานเดอร์ ยาชวิลี่ ที่เป็นอดีตกองหน้า ไฟร์บวร์ก

ซูรับ คิซานิชวิลี่ เคยเล่นในอังกฤษกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด รวมไปถึง จอร์จี้ คีนคลัดเซ่ ก็เลยเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้

ส่วนคนที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ทีมชาติจอร์เจีย ที่ 26 ประตูอย่าง โชต้า อาร์เวลัดเซ่ ก็มีดีกรีไม่ธรรมดาจากสถิติการพังประตูที่ยอดเยี่ยมบนเส้นทางในระดับสโมสรที่ 321 ประตูจากการลงเล่น 500 กว่านัด และเคยเป็นขุนพลของทีมดังๆ อย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, กลาสโกว์ เรนเจอร์ส และ อาแซ่ด อัลค์มาร์

หากจะพูดถึงสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นเบอร์ 1 ตลอดมาของลีก จอร์เจีย ก็คงจะยกให้ ดินาโม ทบิลิซี่ ทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุด หรือ อีรอฟนูลี ลีกา มากที่สุดที่ 19 สมัย และก็เป็นทีมเดียวใน จอร์เจีย ที่เคยสัมผัสกับแชมป์ยุโรปในถ้วย ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1981

ผู้เล่นที่กล่าวมาข้างต้นรวมไปถึงอีกหลายๆ คนที่ไม่ได้ถูกพูดถึงนั้นส่วนใหญ่แล้วต่างก็ผ่านเส้นทางและเติบโตมาจาก ดินาโม ทบิลิซี่ กันทั้งนั้น

แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่า จอร์เจีย ไม่ใช่ชาติที่ถูกพูดถึงและมักโดนมองข้ามอยู่เสมอหากเป็นเรื่องของฟุตบอล และภาพจำของใครหลายๆ คนก็มองว่านี่คือ "ชาติสมันน้อย" ที่มักเป็นเหยื่อและเป็นทีมแจกแต้มให้กับชาติยักษ์ใหญ่ในทุกๆ การแข่งขัน

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มาตรฐานฟุตบอลจะสู้ที่อื่นๆ ไม่ได้ เพราะนับตั้งแต่ได้อิสระจาก สหภาพโซเวียต เศรษฐกิจก็ตกต่ำลงจากปัญหาภายในประเทศที่ ขาดแคลนทั้งประชากร ขาดแคลนทรัพยากร แหล่งเงินทุนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาและยกระดับศักยภาพในทุกๆ ด้าน

แต่เมื่อเวลาผ่านไปอะไรๆ ก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ด้วยความที่ จอร์เจีย เป็นประเทศที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามซึ่งดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี พวกสินค้าขึ้นชื่อก็จะเป็นพวกวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ, ป่าไม้, แมงกานีส, เหล็ก, ทองแดง ถ่านหิน, แร่จากเหมือง รวมไปถึงพวก ชา สมุนไพรและมะนาว

หลังจากนั้นพวกชาติต่างๆ ก็เริ่มเข้ามาจับมือเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับ จอร์เจีย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี ประเทศไทยเรา ด้วยเช่นเดียวกัน 

กีฬาที่เป็นที่นิยมกันมากใน จอร์เจีย นอกจากฟุตบอลแล้วก็จะมีพวกที่ใช้ลักษณะทางกายภาพเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น รักบี้, มวยปล้ำ, ยูโร และ ยกน้ำหนัก

จอร์เจีย เป็นชาติเล็กๆ ที่ต่อกรกับใครก็ลำบากในเรื่องของฟุตบอล คู่แข่งที่อยู่ในเวทเดียวกันและสมน้ำสมเนื้อก็จะเป็นพวกสมันน้อยเหมือนกันนั่นก็คือพวก หมู่เกาะแฟโร, ลิธัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, ซาน มาริโน่, ลัตเวีย หรือ เอสโตเนีย

ถึงจะเป็นชาติที่รองบ่อนสุดๆ แต่ก็ใช่ว่าในอดีตที่ผ่านมาจะไม่มีเกมที่น่าอัศจรรย์ พวกเขาเคยยันเสมอ อิตาลี ได้ 0-0 ในศึก ฟุตบอลโลก 1998 รอบคัดเลือก ทั้งที่คู่แข่งมีตำนานและซูเปอร์สตาร์อยู่เต็มทีม

เคยยันเสมอ ฝรั่งเศส 0-0 ใน ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก ตลอดจนการเอาชนะทีมอย่าง รัสเซีย, อุรุกวัย, สกอตแลนด์, สวีเดน, ตุรกี และ ฮังการี่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ส่วนผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมและถล่มทลายที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ จอร์เจีย คือการยำใหญ่ อาร์เมเนีย ไปถึง 7-0 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ปี 1997

วงการฟุตบอล จอร์เจีย เติบโตและยกระดับตัวเองขึ้นแบบเงียบๆ ตามเศรษฐกิจภายในประเทศ มีนักเตะหลายๆ คนถูกทาบทามตัวไปค้าแข้งในลีกอื่นๆ ที่ศักยภาพสูงกว่าที่ จอร์เจีย และได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ 

ยกตัวอย่างทีมชาติชุดนี้ก็จะมี จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ โกล์มือ 1 ของ บาเลนเซีย, กูราม คาเชีย กัปตันทีมจอมเก๋าที่อยู่กับ สโลวาน บราติสลาว่า, จอร์จี้ ชัคเวทัดเซ่ ของ วัตฟอร์ด, จอร์เจส มิเคาทัดเซ่ แนวรุกของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

ตลอดจน ควิช่า ควารัตสเคเลีย ที่แจ้งเกิดแบบสุดโต่งจากการพา นาโปลี คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 กว่าปี คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ อิตาลี และ นาโปลี ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายมา และด้วยพรสวรรค์และศักยภาพฝีเท้าในระดับสูงทำให้เขาถูกยกเป็นเปรียบเทียบกับตำนานชื่อดังมากมาย และอาจจะกลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ จอร์เจีย คนใหม่ก็เป็นได้

ส่วนตำแหน่งผู้จัดการทีมอาจจะไม่ใช่คน จอร์เจีย แต่ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการนั่นก็คือ วิลลี่ ซาญ่อล อดีตฟูลแบ็กของ บาเยิร์น มิวนิค และ ทีมชาติฝรั่งเศส และก็ช่วยให้ทีมที่ผลงานที่ดีขึ้น การคุมทีม 28 นัด ชนะ 13 เสมอ 4 แพ้ไป 11 นัดก็ไม่ได้ดูว่าดูเลวร้ายเลยเมื่อ จอร์เจีย ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่ด้อยที่สุดในยุโรป 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ จอร์เจีย ไม่ใช่ "หมู" แบบเมื่อก่อนแล้ว ถึงจะยังห่างชั้นจากเหล่าชาติยักษ์ใหญ่ แต่ก็ก้าวข้ามผ่านพวก เอสโตเนีย, ลิธัวเนีย, ยิบรอลตาร์ หรือ ลัตเวีย ไปแล้ว พวกเขาสร้างสถิติไร้พ่ายติดต่อกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไว้ที่ 11 นัด เมื่อช่วง ตุลาคม 2021 ถึง กันยายน ปี 2022 และแพ้แค่ 4 นัดเท่านั้นจาก 19 เกมหลังสุด

หนึ่งในนั้นคือการไม่แพ้ใครเลยในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปีที่แล้ว และเป็นจ่าฝูงของ กรุ๊ป ซี กลุ่มที่ 4 มี 16 คะแนนจาก 6 นัด โดยทิ้่งอันดับ 2 อย่าง บัลแกเรีย อยู่ไกลถึง 7 คะแนน

พวกเขาไม่เคยเข้าใกล้หรือเฉียดกับการคว้าโควต้าไปเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ มาก่อน ไม่ได้มีวี่แววหรือหนทางเลยสักนิด เพราะส่วนใหญ่มักโดนยำแทบทุกนัด จนกระทั่ง 3 ปีก่อนด้วยพัฒนาการของพวกเขาก็เกือบได้โควต้าไปเล่นฟุตบอล ยูโร 2020 รอบสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่ดันไปพลาดท่าให้กับ นอร์ธ มาซิโดเนีย ในเกมเพลย์ออฟ

การได้โอกาสไปเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่รอบสุดท้ายในนาม ทีมชาติจอร์เจีย ยังเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด บางทีมันอาจจะไม่เกิดขึ้นใน ยูโร 2024 หรือ ฟุตบอลโลก 2026 แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือเรื่องศักยภาพและมาตรฐานนั้นเขาดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนชัดเจน

เกมที่จัดหนักไล่ยำใหญ่ ไทยแลนด์ ไปกระจุยกระจายถึง 8-0 ในนัดล่าสุด ได้สร้างสถิติใหม่โดยเป็นเกมที่พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้ถล่มทลายที่สุดในประวัติศาสตร์ นับเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยและการเพิ่มความมั่นใจที่ดีก่อนเกมถัดไปที่จะเตะ คัดเลือก ยูโร กับ ไซปรัส

และนี่ก็คือเรื่องราวและประวัติคร่าวๆ ของ ทีมชาติจอร์เจีย ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน "สมันน้อยของยุโรป"

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline