logo-heading

เวย์น รูนี่ย์ จะพา เบอร์มิงแฮม เลื่อนชั้นได้ไหม ?

เรียกเสียงฮือฮาไม่ใช่น้อยสำหรับ เวย์น รูนี่ย์ เมื่อพี่แกได้กลับมาทำงานในอังกฤษอีกครั้งในฐานะกุนซือใหญ่ของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ พร้อมกับภารกิจการพาทีมตีตั๋วเลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี

การมาของ เวย์น รูนี่ย์ สิ่งที่ "ตราลูกโลก" จะได้แน่ๆ คือมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ผลงานจะไปได้สวยไหม ? มันมีการตั้งข้อสงสัยมากมายในเรื่องของฝีมือและประสบการณ์

ดังนั้นเราลองย้อนไปดูเส้นทางด้านโค้ชที่ผ่านมาของผู้ชายคนนี้กันหน่อยว่ามีความเป็นมาอย่างไร และมีคุณสมบัติเหมาะสมแค่ไหนกับการพาทีมไปถึงฝั่งฝันในซีซั่นนี้

[ เริ่มต้นกับ ดาร์บี้ ]

เวย์น รูนี่ย์ ได้เริ่มต้นเส้นทางสายกุนซือครั้งแรกกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในศึก แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เดิมทีเขาเป็นผู้เล่นพ่วงกับตำแหน่งโค้ชตอนย้ายมาใหม่ๆ เมื่อปี 2020 จนกระทั่งได้เป็นรักษาการกุนซือตอน ฟิลิปป์ โคคู โดนไล่ตะเพิดเซ่นผลงานอันย่ำแย่ในช่วง 11 นัดแรกของซีซั่น และเป็นผู้จัดการทีมอย่างเต็มตัวในที่สุด

หลังจากนั้น เวย์น รูนี่ย พา ดาร์บี้ ในช่วงที่วิกฤตสุดๆ คว้าชัยชนะได้ 10 จาก 35 นัดที่เหลือ เก็บได้อีก 40 คะแนน ช่วยให้ทัพ "แกะเขาเหล็ก" รอดตกชั้นแบบหวุดหวิด โดยจบอันดับ 21 หรือเหนือโซนตกชั้นแค่อันดับเดียวเท่านั้นจากการมี 44 คะแนน

จำได้ว่าเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลนั้นมีความดราม่าสุดๆ เพราะ ดาร์บี้ ทำได้แค่เสมอกับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3-3 แน่นอนว่านั่นไม่เพียงพอต่อการรอดตกชั้น ถ้าหากวันนั้นอีกทีมหนีตายอย่าง ร็อทเธอร์แฮม เป็นฝ่ายเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ได้ แต่สุดท้ายทีมจาก เวลส์ ดันมาตีเสมอได้ในนาที 88 ก็เลยส่งผลให้ "แกะเขาเหล็ก" ได้อยู่หายใจต่อบนเวที แชมเปี้ยนชิพ

[ ตกชั้นแต่น่าจดจำ ]

ปีต่อมาด้วยปัญหาทางด้านการเงินของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่เป็นวิกฤตใหญ่ภายใต้การบริหารของ เมลวิน มอร์ริส ตลอดช่วงหลายปีต้องมาเจอชะตากรรมที่ฉุดให้ทรุดตัวลงหนักยิ่งกว่าเก่าในช่วงที่ โควิด-19 ระบาดครั้งใหญ่ สโมสรไม่รับสามารถมือกับเรื่องนี้ได้จนจำใจให้ ควนทูม่า เข้ามาควบคุมกิจการ ก่อนที่ทาง อีเอฟแอล จะสั่งลงโทษตัดแต้มไป 12 คะแนน

เท่านั้นยังไม่พอ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ยังโดนสั่งตัดแต้มเพิ่มอีก 9 คะแนนจากข้อหาละเมิดกฏการเงินที่เคยขายสิทธิ์การตั้งชื่อสนามให้กับ เมลวิน มอร์ริส เมื่อปี 2018 รวมไปถึงการปลอมแปลงเรื่องมูลค่าของนักเตะช่วงระหว่างปี 2015-18

ส่งผลให้ ณ ตอนนั้น ดาร์บี้ เคาน์ตี้ จมอยู่อันดับบ๊วยในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2021 มีแต้มติดลบ 3 คะแนนจากการลงเล่น 17 นัดและอยู่ห่างจากโซนปลอดภัยอยู่ถึง 18 คะแนน

ถึงนั่นจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆ ของสโมสร เหล่าบรรดาบุคลากรต่างท้อแท้และสิ้นหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ เวย์น รูนี่ย์ กลับไม่ย่อท้อถึงอุปสรรค เขาคอยปลุกใจและกระตุ้นลูกทีมอยู่เสมอ และพาทีมเก็บชัยชนะได้ 5 เสมอ 3 จาก 10 เกมหลังจากนั้นซึ่งเป็นการจุดประกายให้แฟนๆ และทุกคนในทีมกลับมามีความหวังอีกครั้ง

ในช่วงนั้นก็มีกระแสว่า เอฟเวอร์ตัน ทีมใน พรีเมียร์ลีก ได้หันมาทาบทามอยากให้ เวย์น รูนี่ย์ ไปคุมทีมเพื่อเป็นตัวแทนของ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่เพิ่งโดนสั่งปลดออกจากตำแหน่ง แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวกลับเลือกตอบปฏิเสธเพราะต้องการโฟกัสและพา ดาร์บี้ รอดตกชั้นให้ได้มากกว่า

ท้ายที่สุดแล้วพลพรรค "แกะเขาเหล็ก" มิอาจหลุดพ้นจากชะตากรรมที่ถูกคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าต้องตกชั้น แต่ เวย์น รูนี่ย์ กลับได้รับคำชื่นชมและสรรเสริญมากมายถึงสปิริตและความทุ่มเทจากเพื่อนๆ ในวงการและกลุ่มแฟนบอล

ปีนั้น ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ของ เวย์น รูนี่ย์ ปิดฉากด้วยการเป็นรองบ๊วย จบอันดับ 23 มี 34 คะแนน ถ้าไม่มีเรื่องบทลงโทษมาเกี่ยวข้องพวกเขาจะจบที่อันดับ 17 และมี 55 คะแนน

[ เติบโตขึ้นที่ ดีซี ยูไนเต็ด ]

หลังแยกทางกับ ดาร์บี้ เคาน์ ได้เดือนเศษๆ เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้เก็บข้าวของกลับไปใช้ชีวิตยัง ดีซี ยูไนเต็ด ทีมเก่าอีกครั้งช่วง มิถุนายน ปี 2022 แต่เป็นในฐานะผู้จัดการทีม โดยเข้ามารับช่วงต่อจาก เอร์นาน โลซาด้า และในช่วง 15 เดือนของ "หมูรูน" ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

จากทีมจมบ๊วยใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ ฤดูกาล 2022 กลายเป็นทีมที่ดีขึ้นกว่าเก่าเมื่อ เวย์น รูนี่ย์ ได้คุมทีมเต็มๆ ในซีซั่น 2023 เขาพาทีมเก็บชัยชนะได้ 10 จาก 34 นัด และแพ้ไป 14 นัด มันอาจจะไม่ใช่ผลงานหรือสถิติที่ดีมากนัก แต่สำหรับทีมที่รั้งท้ายเมื่อปีก่อนถือว่ามีการพัฒนาการที่ดีแบบชัดเจน แถมยังได้สิทธิ์ไปเล่นลุ้นเพลย์ออฟในรอบ ไวลด์ การ์ด ด้วย

"การมาที่นี่เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสำหรับผมแล้วก็เพื่อความพยายามและการพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในการเป็นโค้ช มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่ามันช่วยให้ผมก้าวหน้าได้มากขึ้นจริงๆ ผมรู้ว่านี่ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่ผมต้องการ แต่ในปีต่อๆ ไปผมจะค่อยๆ งัดสิ่งที่ดีที่สุดในตัวผมเองออกมาและถ่ายทอดเป็นการเล่นให้กับนักเตะ"

นี่คือสิ่งที่ เวย์น รูนี่ย์ ได้กล่าวไว้ถึงประสบการณ์การเป็นกุนซือที่ ดีซี ยูไนเต็ด ตลอดช่วง 10 กว่าเดือนที่ผ่านมา

[ การเอาใจใส่ผู้เล่น ]

นักเตะระดับโลกหลายคนพอได้ก้าวสู่เส้นทางโค้ชมักจะเจอปัญหาเรื่องการเอาใจใส่และขาดความเห็นอกเห็นใจเหล่านักเตะที่ยังไม่ได้ในระดับเดียวกับพวกเขา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับชายที่ชื่อ เวย์น รูนี่ย์ 

ลูอิส โอ'ไบรเอน อดีตมิดฟิลด์ของ ดีซี ยูไนเต็ด กล่าวว่า "ตอนคุณดูวิดีโอเพื่อศึกษาการเล่น เขาจะกดหยุดสต็อปและผู้ช่วยโค้ชก็จะถามว่า 'คุณควรเล่นยังไงในจังหวะนี้ ?' พอผมให้คำตอบไป หลังจากนั้น รูนี่ย์ ก็พูดว่า 'ไม่ คุณควรจ่ายบอลตั้งแต่ 5 วินาทีที่ผ่านมาแล้ว เพราะมีเพื่อนวิ่งไปทางนั้น'"

"ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนี้เลย มันจะมีด้านที่ผู้เล่นไม่สามารถมองเห็น ซึ่งการมีโค้ชอย่าง รูนี่ย์ และทีมงานชุดนี้ช่วยให้ทีมทำความเข้าใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้ดีมากๆ"

มาร์ติน แว็กฮอร์น กองหน้าของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ กล่าวว่า "เขาสัมผัสได้ถึงความวิตกกังวลของนักเตะ แต่เขาก็มักพูดเสมอว่า 'อย่าไปเครียด อย่าไปกดดัน ไม่เป็นไรหรอก ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ' เขามีจิตใจของผู้ชนะอย่างแท้จริง ซึ่งในแง่ของการถ่ายทอดให้นักเตะเขาดูผ่อนคลายมากๆ เขานำความสงบมาสู่ทีมได้เป็นอย่างดีแม้อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน"

[ การตัดสินใจที่เสี่ยง ? ]

ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลระดับตำนานและเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก แต่ในเรื่องการคุมทีมก็ต้องยอมรับว่า เวย์น รูนี่ย์ ยังไม่มีผลงานที่น่าประทับใจนัก เขาคุม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ กับ ดีซี ยูไนเต็ด รวมกัน เก็บชัยชนะได้แค่ 38 จาก 138 นัด และแพ้ไปถึง 64 นัด มีเปอร์เซนต์ Win Rate แค่ 27.5 เปอร์เซนต์เท่านั้น

คุม 2 ทีมยิงรวมกันได้ 138 ประตูถึงจะมีค่าเฉลี่ยที่โอเคที่ 1 ประตูต่อ 1 นัด แต่การเสียไปมากถึง 186 ประตูก็ไม่ได้ดูสอดคล้องกันเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะตอนอยู่ ดาร์บี้ ก็ยังมือใหม่อยู่ และสโมสรก็มีปัญหาภายในมากมาย ถัดมากับ ดีซี ยูไนเต็ด ก็เป็นทีมที่มาตรฐานต่ำกว่าหลายๆ ทีมใน เมเจอร์ ลีก

มันก็ยังตัดสินอะไรไม่ได้ว่าเขาจะเป็นโค้ชที่เก่งจริงรึเปล่า ? เพราะผลงานที่ผ่านมายังไม่มีอะไรที่โดดเด่นเป็นชิ้นเป็นอัน เขาอาจจะเคยพา ดาร์บี้ หนีตายได้ พา ดีซี จบอันดับ 9 ในปีนี้และไปเล่นลุ้นเพลย์ออฟในรอบ ไวลด์ การ์ด ก็จริง แต่เป้าหมายของ เบอร์มิงแฮม มันใหญ่กว่านั้นนั่นคือการนำทีมเลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก

การมาของ เวย์น รูนี่ย์ อาจทำให้ทีมอย่าง เบอร์มิงแฮม ซิตี้ มีชื่อเสียงและได้รับการจับตามองมากกว่าเดิมก็จริงด้วยความที่เขาเป็นนักเตะระดับตำนาน แต่ก็อย่าลืมนะว่าที่ทัพ "ตราลูกโลก" ออกสตาร์ทได้ค่อนข้างโอเคในซีซั่นนี้ รั้งอยู่อนดับ 6 เป็นผลงานของ จอห์น ยูสเตซ 

ถ้าหาก เวย์น รูนี่ย์ ทำทีมจบอันดับต่ำกว่าหรือไม่สามารถคว้าตั๋วเพลย์ออฟลุ้นเลื่อนชั้นได้เป็นอย่างน้อย เชื่อได้เลยว่าเสียงวิจารณ์จะตามมาแน่นอน เพราะแฟนๆ หลายคนก็ยังไม่ค่อยเชื่อในฝีไม้ลายมือของเขาเท่าไหร่ ดังนั้น . . . ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไป

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline