logo-heading

เป็นอีกเกมที่ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องหืดเกือบขึ้นคอกันเลยทีเดียว แต่ก็ยังได้มาซึ่งผลการแข่งขันที่ต้องการ หลังบุกไปเอาชนะทีมน้องใหม่ "ดาบคู่" เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 พร้อมเก็บ 3 แต้มสำคัญ มันมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจกันบ้างไปติดตามจากทางเรา "ขอบสนาม" ได้เลยครับ

หลังเกม ผีแดง หืดแทบขึ้นคอ ! บุกหัก ดาบคู่ 2-1

[ แนวรุกไม่ยิง ตำแหน่งอื่นยิงจัง ]

ถ้าไม่นับ บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ยิงประตูชัยในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ คนที่เป็นตำแหน่งแนวรุกจ๋าๆ ของ "ปีศาจแดง" ไม่มีชื่อทำประตูในเกมนี้เป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันแล้ว โดย มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็พยายามที่จะสร้างปัญหาให้กับแนวรับคู่แข่ง แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ และยังคงติดนิสัย วัน แมน โชว์ ฝืนเล่นในหลายๆ จังหวะ

ปีกขวาอย่าง อันโตนี่ ก็ไม่ได้มีความหวือหวาใดๆ การดวลกับ ลุค โธมัส ก็เหมือนจะโดนกัดไม่ปล่อยอยู่ฝ่ายเดียว พวกตัวสำรองที่ลงมาอย่าง อองโตนี่ มาร์กซิยาล ก็ไม่ได้ทำให้ทีมมีรูปเกมที่ดีขึ้นเท่าไหร่ ถัดมาที่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ มีความวูบวาบทุกครั้งที่ลงสนาม ไม่แปลกใจที่แฟนๆ อยากให้ เอริค เทน ฮาก ดร็อป แรชฟอร์ด และให้น้องเป็นตัวจริงมากกว่า

ราสมุส ฮอยลุนด์ เพิ่งยิงในเกมทีมชาติไปหมาดๆ ส่วน 3 ประตูที่ทำได้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาจากเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งหมด พี่แกยังไม่สามารถเปิดซิงประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก แม้กระทั่งเกมนี้ที่เจอกับทีมบ๊วย มีโอกาสดีๆ ให้เห็นอยู่ 2-3 หน แต่ก็ยังเป้าสะอาดเหมือนเคย

สุดท้ายก็ต้องขอบคุณ ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่โชว์ลูกยิงไกลสุดสวยหน้ากรอบเขตโทษเป็นประตูชัยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 คะแนน รวมไปถึง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่มีชื่อทำประตูให้ "ปีศาจแดง" อีกครั้ง นับเป็นประตูที่ 3 จากการลงเล่น 2 นัดหลังสุด

แต่ถึงกระนั้นพี่แกก็เกือบจะเป็นผู้ร้ายในเวลาเดียวกันหลังไปทำแฮนด์บอลเสียจุดโทษในครึ่งแรกซึ่งจังหวะนั้นก็ชัดเจนเพราะแขนไม่ได้แนบลำตัว และนั่นทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำประตูได้และทำเสียจุดโทษในเกมเดียวกัน โดยคนล่าสุดที่เจอชะตากรรมนี้ก่อนเขาก็คือ บรูโน่ แฟร์นานเดส ในเกมกับ ไบร์ทตัน เมื่อปี 2020

[ ไม่มีคอนเทนต์สำหรับ โอนาน่า และ แม็คไกวร์ ]

เมื่อดูจากไลน์อัพก่อนเกมแฟนๆ "เร้ด เดวิลส์" ก็อาจจะผวาไม่ต่างจากเกมก่อนๆ เมื่อ อังเดร โอนาน่า ยังคงได้เฝ้าเสาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงอดีตกัปตันอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ได้ปักหลักยืนเป็นปราการหลังเฝ้าหลังบ้าน

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้มีคอนเทนต์เบาสมองชวนฮาจาก 2 คนนี้เลย โดยตัวของ โอนาน่า วันนี้เซฟไป 5 ช็อต ปฏิเสธได้ทั้งลูกยิงที่หวังผลได้จะๆ จากตัวทีเด็ดอย่าง คาเมร่อน อาร์เชอร์ และ โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ ส่วนลูกจุดโทษนั้นก็สุดวิสัยจริงๆ ไม่งั้นพี่คงเก็บคลีนชีทที่ 3 ได้แล้วในนัดนี้

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนที่ควรได้รับเครดิตและคำชื่นชมก็คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่วันนี้มาในร่างทองกับสถิติ สัมผัสบอลมากที่สุด 104 ครั้ง แทคเคิ่ลชนะ 100 เปอร์เซนต์ ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุด 76 ครั้ง ครองบอลชนะ 8 ครั้ง ชนะลูกกลางอากาศมากที่สุด 5 ครั้ง และเคลียร์บอลอีก 3 ครั้ง

มันอาจจะไม่ใช่เกมที่ดีเท่าไหร่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่วันนี้อดีตกัปตันขวัญใจแฟนๆ ไม่ได้ก่อความผิดพลาดใดๆ ไม่มีจังหวะเหวอ ไม่วิ่งไปชนเพื่อน หรือประกบผิดตัวแต่อย่างใด เขาสกรีนและอ่านเกมได้ดีซึ่งก็คู่แล้วกับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์

[ เล่นดีแต่ไม่มีแต้ม ]

จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยังมีแค่แต้มเดียวจาก 9 นัด และจมอยู่บ๊วยต่อไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาสร้างปัญหาให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เยอะแยะมากมาย และถ้าจะมีสักแต้มในวันนี้ไปฝากแฟนๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ชวนเซอร์ไพรส์เลย เพราะมีโอกาสยิงถึง 7 ครั้ง และตรงกรอบมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำ การครองบอลหรือครองเกมในภาพรวมก็ไม่ได้เป็นรองเลยสักนิด

การจมอยู่บ๊วยและมีแค่แต้มเดียวหลายๆ คนอาจจะมองว่านี่มันก็แค่ทีมธรรมดาๆ ไม่ได้มีพิษสงใดๆ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้การเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ก็เกือบมีแต้ม, การเจอ เอฟเวอร์ตัน ก็เกือบชนะ แม้แต่วันที่เจอ สเปอร์ส ถ้าไม่มีเสีย 2 ประตูโดนแซงในช่วงทดเจ็บก็คงชนะไปแล้วเช่นกัน

พลพรรค "ดาบคู่" ของ พอล เฮคกิ้งบอทท่อม คงจะมีแต้มมากกว่านี้ และบางทีอาจไม่ต้องรันทดจมอยู่ท้ายตาราง ถ้าไม่มีผิดพลาดกันเอง เสียบอลในจังหวะสำคัญ หรือมีความรัดกุมมากกว่านี้ในเกมรับ แต่ฟุตบอลก็วัดกันที่ผลการแข่งขัน เมื่อผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ก็ไม่แปลกที่ เฮคกิ้งบอทท่อม จะยังเป็นเต็งหนึ่งกุนซือที่เตรียมตกงานในเร็วๆ นี้ 

[ ชัยชนะที่มีค่า ]

หลังเกม ผีแดง หืดแทบขึ้นคอ ! บุกหัก ดาบคู่ 2-1

ชัยชนะในเกมนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากจะเก็บเพิ่มเป็น 15 คะแนนจากการลงเล่น 9 นัด ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 8 และตามจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ เหลือแค่ 6 คะแนนแล้ว มันยังเป็นชัยชนะครั้งสำคัญที่มีคุณค่าสุดๆ เพราะนั่นคือการอุทิศให้แก่โคตรตำนานของสโมสรอย่าง เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่เสียชีวิตลงอย่างสงบในวัย 86 ปีหลังป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมมาเป็นเวลานาน

นี่คือตำนานที่เคยผจญภัยในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" มานานถึง 17 ปี ได้ลงเล่นไป 758 นัด เคยครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสรที่ 249 ประตู เคยได้ บัลลงดอร์ 1 สมัย และคว้าความสำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 3 สมัย และ ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยแรกของสโมสรเมื่อปี 1968

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline