logo-heading

กิโรน่า ทีมเล็กๆ ! กับฤดูกาลที่มาดีแบบเหลือเชื่อ

ไปดูกันที่แวดวงลูกหนังดินแดนกระทิงดุกันหน่อยดีกว่า ต้องบอกเลยว่าสิ่งที่เซอร์ไพรส์มากๆ ในปีนี้ก็คือสโมสรเล็กๆ อย่าง กิโรน่า ดันโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมแบบผิดหูผิดตาจนตอนนี้ทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงร่วมกับยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด

ฤดูกาล 2023-24 ดำเนินไปแล้วเศษ 1 ส่วน 4 ของระยะทาง กิโรน่า ลงเล่นไปแล้ว 10 นัด ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 25 คะแนนเท่ากับ "ราชันชุดขาว" แต่สิ่งที่เขาทำได้ดีกว่าก็คือจำนวนการผลิตสกอร์ เพราะตอนนี้ กิโรน่า คือทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดที่ 24 ประตู

แน่นอนว่านี่คงเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุด น่าจดจำที่สุด นับตั้งแต่วันก่อตั้งสโมสร เบื้องหลังสำคัญที่ทำให้ภาพๆ นี้เกิดขึ้นมันมีอะไรกันบ้าง ? ไปดูกันหน่อยดีกว่า

[ มิเชล ]

มิเกล อังเคล ซานเชซ มูนญอซ หรือที่คนใน สเปน เรียกกันสั้นๆ ว่า "มิเชล" สมัยยังค้าแข้งไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังหรือเคยคว้าแชมป์ใดๆ ทีมชาติชุดใหญ่ก็ไม่เคยติด กับสโมสรยักษ์ใหญ่ก็ไม่เคยได้โอกาส เพราะตลอดเส้นทางกว่า 16 ปีส่วนใหญ่ก็คืออยู่แค่กับ ราโย บาเยกาโน่

แต่พอมาเดินในเส้นทางสายกุนซือ . . . ประสบการณ์ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาก็คือการทำทีมเล็กๆ อย่าง ราโย่ และ อูเอสก้า อาจจะมีช่วงเวลาที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ก็เคยมีช่วงที่พา ราโย่ เลื่อนชั้นสู่เวที ลา ลีกา ในปี 2018 แต่ก็ต้องตกชั้นกลับไปในปีต่อมา

ปรัชญาของ มิเชล ก็คือการทำทีมเล่นบอลบุกโดยใช้แผน 3-4-3 หรือระบบหลังสามคนที่นิยมกันมากในฟุตบอลสมัยใหม่ แพ็คตรงกลางแน่นๆ อาศัยผู้เล่นวิงแบ็กคอยเติมเกมจากด้านข้าง และคอยเชื่อมเกมกับผู้เล่นด้านในเพื่อสร้างจังหวะและโอกาสเข้าทำต่างๆ

กลยุทธ์ของเขาใช้ได้ผลดีทีเดียวตอนย้ายมาคุม กิโรน่า ใหม่ๆ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2021 เขาพาทีมจบอันดับ 6 ในปีนั้นและสุดท้ายก็เป็นผู้ชนะในเกมเพลย์ออฟจนได้ตั๋วเลื่อนชั้นสู่เวที ลา ลีกา สเปน และจบที่อันดับ 10 ในฐานะน้องใหม่เมื่อฤดูกาล 2022-23

เกมล่าสุดที่พลิกกลับมาชนะ อัลเมเรีย 5-2 หลังโดนนำไปก่อน 2-0 นั่นคือการคุม กิโรน่า นัดที่ 100 พอดิบพอดี และเป็นชัยชนะนัดที่ 47 กับ กิโรนิสเตส และบวกสถิติซัลโวกระจุยกระจายเพิ่มไปถึง 155 ประตูในยุคของเขา

แน่นอนว่าเบื้องหลังของเกมรุกที่จัดจ้านและความอันตรายในซีซั่นนี้ที่หวดไปแล้ว 24 ประตูจากการลงเล่น 10 นัดคนที่ต้องได้รับเครดิตแบบเต็มๆ ก็คือผู้ชายคนนี้นี่แหละ

[ การเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยม ]

ผู้เล่นหน้าใหม่ที่ กิโรน่า เสริมทัพมาในช่วงซัมเมอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของผลงานที่เปรี้ยงปร้างในซีซั่นนี้ พวกเขาได้ ดาลี่ย์ บลินด์ กองหลังมากประสบการณ์มาแบบฟรีๆ จาก บาเยิร์น มิวนิค และยืมตัว เอริค การ์เซีย มาจาก บาร์เซโลน่า

แต่ที่เด็ดๆ เลยก็คือ อาร์เต็ม ดอฟบิค กองหน้าทีมชาติยูเครน ที่ได้ตัวมาแค่ 7 ล้านยูโรจาก ดนิโปร ตอนนี้พี่แกคือดาวซัลโวของทีมที่ 5 ประตู และกดไปอีก 2 แอสซิสต์ ยานเกล เอร์เรร่า เด็กที่ไม่มีอนาคตกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็กลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่ยกระดับแดนกลางให้แน่นปึ้กจากการจับคู่ผนึกกำลังกับ อเล็กซ์ การ์เซีย และมีส่วนกับประตูร่วมกันถึง 8 ประตู

ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คงต้องยกให้ไอ้หนู ซัลวิโอ้ ดาวรุ่งที่ยืมตัวมาจาก ทรัวส์ ใน ฝรั่งเศส นี่คือเด็กที่อายุแค่ 19 ปีแต่กลับโดดเด่นในเรื่องความรวดเร็วที่ใช้สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับคู่แข่ง ไหนจะมีการสร้างสรรค์โอกาสและสถิติการยิงประตูที่ดีเอามากๆ ซึ่งตอนนี้ไอ้หนู ซัลวิโอ้ ยิงไปแล้วถึง 3 ประตูและทำไปอีก 4 แอสซิสต์ด้วยกัน

[ เป้าหมาย ]

กิโรน่า เพิ่งเลื่อนชั้นสู่เวที ลา ลีกา สเปน ครั้งแรกก็ตอนปี 2017 นี่เอง อันดับสูงสุดที่เคยทำได้ก็คือการจบที่ 10 ในฤดูกาล 2017-18 และ 2022-23 ส่วนในรายการบอลถ้วยของประเทศอย่าง โกปา เดล เรย์ ปีที่พวกเขาเดินทางไปไกลที่สุดก็คือรอบก่อนรองชนะเลิศในฤดูกาล 2018-19

ส่วนเวทีใหญ่ๆ ในยุโรปนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรในปี 1930 หรือ 93 ปีที่ผ่านมา กิโรน่า ไม่เคยได้โอกาสไปเล่นฟุตบอลยุโรปเลยสักครั้ง แน่นอนว่าปีนี้มันคือโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขาอาจจะคว้ามันมาได้

[ การพิสูจน์ตัวเอง ]

ชัยชนะทั้ง 8 นัดในซีซั่นนี้พวกเขาไม่แพ้ เรอัล โซเซียดาด ที่ฟอร์มร้อนแรงมากๆ ในปีนี้เช่นกัน บุกชนะทีมชั้นนำอย่าง เซบีย่า บุกชนะทีมที่เหนือกว่าอย่าง บียาร์เรอัล ส่วนทีมที่อยู่ในเวทเดียวกันหรือชื่อชั้นใกล้เคียงกันก็โดนพวกเขาไล่อัดจนน่วมจนหมด

ดังนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จและมีปีที่น่าจดจำในฤดูกาลนี้หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือการรักษามาตรฐานของตัวเองให้ดีคงเส้นคงวา เก็บแต้มจากสโมสรยักษ์ใหญ่ให้ได้มากที่สุด พวกเขาปราชัยนัดแรกไปแล้วในฤดูกาลนี้จากการโดน เรอัล มาดริด ถลุงไปถึง 3-0 แต่ก็ยังมีโอกาสให้แก้ตัวในนัดที่ เบร์นาเบว รวมไปถึงการเจอดวล แอตฯ มาดริด และ บาร์เซโลน่า ที่ยังมาไม่ถึง

กิโรน่า เพิ่งได้สัมผัสกับคำว่าจ่าฝูงของลีกสูงสุดอย่าง ลา ลีกา เป็นครั้งแรกในชีวิตก็ตอนจบแมตช์เดย์ที่ 7 ส่วนตอนนี้เป็นอันดับ 2 หรือจ่าฝูงร่วมจากผลคะแนนที่มีเท่ากับ เรอัล มาดริด พวกเขาจะเป็น “ทีมม้ามืด” ที่จะมาปาดหน้าซิวแชมป์รึเปล่า ? อันนี้มันยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน

ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเวลาและตัวพวกเขาเองล้วนๆ ว่าจะรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีแค่ไหน ถ้าหากทำได้ . . . บางทีมันก็อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงการได้โควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสรด้วยเช่นกัน

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline