logo-heading

 

สดุดี ! ลิโอเนล เมสซี่ กับเหตุผลที่คว้า บัลลงดอร์ สมัย ที่ 8 ในที่สุดก็เป็นไปตามที่ใครๆ ต่างก็คาดกันไว้ ไม่มีการพลิกล็อค ไม่มีความดราม่าใดๆ เมื่อผู้ชนะรางวัล บัลลงดอร์ ประจำปีนี้ตกเป็นของสุดยอดนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ อย่างใสสะอาด และนับเป็นการครอบครอง ลูกบอลทองคำ มากที่สุดเป็นสมัยที่ 8

นอกจาก เมสซี่ แล้วจริงๆ ก็ยังมีอีกหนึ่งกระแสที่บอกว่า "เจ้าเด็กยักษ์" เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็คู่ควรกับรางวัลนี้เช่นกัน ขนาดยอดกุนซือสมองเพชรอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังพูดเลยว่า ปีนี้น่าจะมีการมอบรางวัล ลูกบอลทองคำ ให้ทั้ง 2 คน แต่สุดท้ายแล้วทำไม ลิโอเนล เมสซี่ ถึงคู่ควรกับมันมากกว่า ?

เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เก็บข้าวเก็บของมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แค่ปีเดียว และสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ การระเบิดสกอร์ไปแบบกระจุยกระจายที่ 53 ประตูจาก 52 นัดซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทำลายสถิติใหม่ด้วยการเป็นผู้เล่นที่ทำประตูในศึก พรีเมียร์ลีก มากที่สุดต่อ 1 ฤดูกาล และเป็นดาวซัลโวในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

และสิ่งที่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซเลยก็คือการพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ อย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร นับเป็นสโมสรที่ 2 ของอังกฤษที่ทำได้ต่อจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 1999

ลิโอเนล เมสซี่ อาจจะดูเป็นรองหากพูดถึงผลงานในระดับสโมสรที่มีแค่แชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส และ โทรฟี เดอ แชมปิออง กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เท่านั้น

แต่ถ้าหากเป็นเรื่องผลงานส่วนตัวก็ต้องยอมรับว่าจริงๆ ก็ไม่ได้สองรองใคร บางทีอาจจะโดดเด่นกว่าชาวบ้านชาวช่องด้วยซ้ำจากการมีส่วนร่วมถึง 41 ประตูทั้งซีซั่น โดยแบ่งเป็นการยิง 21 ประตู และกดไปอีก 20 แอสซิสต์

แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่ส่งให้ ลิโอเนล เมสซี่ คว้ารางวัล บัลลงดอร์ สมัยที่ 8 ก็คือการสร้างตำนานและความยิ่งใหญ่ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่พา ทีมชาติอาร์เจนติน่า ไปถึงฝั่งฝันราวกับว่าเทพนิยายเรื่องนี้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว

เขาคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปถึง 5 ครั้งจากการลงเล่นทั้งหมด 7 นัดในทัวร์นาเมนต์ที่ กาตาร์ ไม่เคยมีใครทำได้แบบเขามาก่อนในประวัติศาสตร์ของ เวิลด์ คัพ

และถ้านับรวมผลงานทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร ลิโอเนล เมสซี่ มีส่วนร่วมกับประตูที่ทำได้ตลอดทั้งฤดูกาลที่ 67 ประตูซึ่งมากกว่าอีกหนึ่งตัวเต็งอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แบบชัดเจน

แต่ที่พีคสุดๆ ก็คือในวัย 36 ปีนี่คือผู้เล่นที่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดทั้งใน รอบแบ่งกลุ่ม, รอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศ ตลอดจนรอบชิงชนะเลิศใน ฟุตบอลโลก แน่นอนว่าบนหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ลิโอเนล เมสซี่ คือคนแรกและคนเดียวที่สามารถจารึกสุดยอดสถิตินี้ไว้ได้

อย่างที่ใครๆ ต่างพูดกันว่า ลิโอเนล เมสซี่ คือนักฟุตบอลที่ดีที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆ ของประวัติศาสตร์ เป็นนัมเบอร์วันแห่งยุค เขาพิสูจน์ตัวเองมาหมดแล้วบนเส้นทางค้าแข้งกว่า 1 ทศทวรรษ อันนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ และที่น่าแปลกใจก็คือมาตรฐานของเขาไม่ได้ตกลงเลยสักนิดกับวัย 36 ปี

เมื่อพูดถึง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เขาอาจจะดูโชคร้ายไปหน่อยกับผลงานในระดับนานาชาตินั้นยังจับต้องไม่ได้ เรื่องสถิติการพังประตูนั้นอาจไม่ใช่ปัญหา เพราะการทำประตูได้แทบทุกนัดเป็นสิ่้งที่เราชินตากันอยู่แล้ว 

แต่ในทางกลับกันก็ต้องยอมรับว่า ทีมชาตินอร์เวย์ ของเขาไม่ใช่ชาติที่การันตีถึงการไปผจญภัยบนทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ในทุกๆ ปีและทุกๆ ครั้งซึ่งเรื่องของชื่อชั้นและดีกรีก็ยังห่างไกลเมื่อเทียบกับหลายชาติยักษ์ใหญ่

ถือเป็นจุดด้อยข้อเดียวของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ทำให้เขาเสียเปรียบ เมสซี่ เรื่องลุ้น บัลลงดอร์ แต่อย่างน้อยการได้รางวัลปลอบใจ แกร์ด มุลเลอร์ โทรฟี่ ก็คู่ควรแล้ว เพราะ เจ้าเด็กยักษ์ คนนี้คือกองหน้าโหดที่สุดแห่งปีหากพูดถึงเรื่องจำนวนการพังประตู

การมีผลงานอันยอดเยี่ยมมันสามารถเกิดขึ้นได้กับนักเตะทุกคน แต่นักเตะที่มากบารมี ทรงอิทธิพลทรงคุณค่า และสร้างความแตกต่างได้ชัดเจนแบบ ลิโอเนล เมสซี่ มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน บางทีถ้า แมนฯ ซิตี้ ขาด ฮาแลนด์ ไปพวกเขาก็อาจจะยังคว้าแชมป์ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

แต่ถ้า อาร์เจนติน่า ไม่มี เมสซี่ มันจะเป็นยังไง ? หลายๆ คนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาคงไม่มีทางมาไกลขนาดนี้ ย้อนกลับไปในปี 2014 ก็คงไปไม่ถึงรอบชิงชนะเลิศใน เวิลด์ คัพ รวมไปถึงความสำเร็จต่างๆ ในทวีปอย่าง โคปา อเมริกา

แน่นอนว่า อาร์เจนติน่า คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ลิโอเนล เมสซี่ คือทุกสิ่งทุกอย่าง คือ เดอะ แบก ของแท้ ในชนิดที่น้อยคนนักจะสามารถเป็นได้แบบเขา

สดุดี ! ลิโอเนล เมสซี่ กับเหตุผลที่คว้า บัลลงดอร์ สมัย ที่ 8

"ผมขอขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะเพื่อนร่วมทีมของผม บัลลงดอร์ สมัยนี้ คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่สำหรับอาร์เจนติน่า ขอขอบคุณครอบครัวของผมด้วยเช่นกันที่คอยให้กำลังใจในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด และช่วยเติมเต็มความฝันในโลกฟุตบอลของผม หากไม่มีพวกเขาแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ "

"ผมไม่ลืมที่ต้องพูดถึง ฮาแลนด์ กับ เอ็มบัปเป้ เขาทั้งสองต่างก็มีปีที่น่าประทับใจ และวันหนึ่งพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างเพื่อรางวัลนี้ รวมไปถึงเหล่าดาวรุ่งคนอื่นๆ ซึ่งอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน"

"ปีนี้ ฮาแลนด์ ก็คู่ควรกับรางวัลนี้ เขาเป็นดาวซัลโวทั้งใน พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก และช่วยให้ทีมได้แชมป์ ผมมั่นใจว่าเขาจะได้รางวัลนี้ในอีกหลายปีถัดไป"

จากคำกล่าวล่าสุดของ ลิโอเนล เมสซี่ เหมือนจะเป็นบอกใบ้ว่านับจากนี้ไปมันจะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว บัลลงดอร์ หนนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว เพราะการเลือกไปมาอยู่ในลีกที่การแข่งขันไม่ได้สูงอย่าง เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ และการวางท่าทีว่าจะอำลาเส้นทางกับ อาร์เจนติน่า ในเร็วๆ นี้ มันก็หมายความว่าพี่ท่านจะไม่ได้กลับมายืนบนเวทีแห่งนี้อีกแล้ว มันจะเป็นโอกาสของเด็กเจเนเรชั่นใหม่ที่จะมาท้าชิงกัน

สถิติ ลูกบอลทองคำ ตรงนี้น่าจะหยุดจารึกไว้ที่ 8 สมัยซึ่งมันก็มากเพียงพอที่จะหาใครคนอื่นมาทำลายลงได้ พวกนักเตะในเจนใหม่ๆ ที่แจ้งเกิดจนก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ดังอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, คิเลียน เอ็มบัปเป้ หรือ จู๊ด เบลลิงแฮม ก็ยังไม่มีใครนับหนึ่งในเส้นทาง บัลลังดอร์ 

เราไม่มีทางรู้ได้ว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะยังเดินบนเส้นทางสายนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ แต่เชื่อได้เลยว่าเมื่อถึงวันที่ต้องลาจากชื่อของตำนานผู้นี้ ความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ของเขาจะกลายเป็นที่จดจำและอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทุกคนตลอดไป และหนึ่งในสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันก็คือการคว้า บัลลงดอร์ มากที่สุดในโลกที่ 8 สมัย

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline