logo-heading

จนกระทั่ง พันตำรวจโท สืบศักดิ์ ผันสืบ ถูกข่มขู่จนต้องโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "มาข่มขู่ ว่าให้ระวังกระทบหน้าที่การงาน ไม่ต้องโทรมาแล้วนะครับ ผมแค่จะไปยื่นหนังสือ จากน้องๆทีมชาติ ไปส่งผู้แทนสมาคม เฉยๆ อย่ากังวลกันครับ #ทำสิ่งที่ถูกต้อง #ไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่าไปกลัว"

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2566 พันตำรวจโท สืบศักดิ์ ผันสืบ พร้อมด้วยคณะอดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนการทำหน้าที่ของ ผู้จัดการทีมชาติไทย, ผู้ฝึกสอน ทีมตะกร้อทีมชาติไทย ที่ไม่โปร่งใส และมีการเรียกรับเงินจากนักกีฬาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่ห้องประชุมคณะกรรมโอลิมปิกแห่งประเทศไทย

พันตำรวจโท สืบศักดิ์ ผันสืบ กล่าวว่า ที่มาในวันนี้ก็เพื่อที่จะมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่นักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทยทั้งอดีตและปัจจุบันในเรื่องของเงินรางวัลอัดฉีดนักกีฬา และเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้แก่นักกีฬาอีกหลายคนที่อยากจะพูดในเรื่องนี้แต่ไม่สามารถพูดได้เพราะจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่นักกีฬา

ในฐานะที่ตนเป็นอดีตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย และไม่ได้มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้เพราะปัจจุบันรับราชการ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีชื่อเป็นบอร์ดบริหารสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เลยต้องการอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จริงจัง โดยเฉพาะเรื่องเงินรางวัลอัดฉีดนักกีฬา ที่นักกีฬาควรได้รับ 100% ตามผลงานที่ทำจริงๆ

ยกตัวอย่างในศึกเอเชียนเกมส์ 2022 ที่เพิ่งจบไป โดยทีมชุดที่ได้ 2 เหรียญทอง นักกีฬาชาย 12 คน นักกีฬาหญิง 12 คน รวมอัดฉีด 48 ล้านบาท แต่ในประเภททีมเดี่ยวที่ได้ 2 เหรียญทอง ต้องถึงผู้เล่นจากทีมชุดมาเล่นจำนวน 5 คน ทั้งชายและหญิง แต่ทว่านักกีฬาที่เล่นทีมเดี่ยวโดนหักเงินอัดฉีด จากที่ได้คนละ 4 ล้านบาท เหลือคนละ 2 ล้าน 1 แสนบาท เท่านั้น

ตนมองว่าสิ่งนี้ไม่โปร่งใสสำหรับนักกีฬาที่เขาต้องลงเล่น 2 อีเว้นท์แต่กลับได้อัดฉีดเพียงอีเว้นท์เดียว ควรที่จะแบ่งเงินรางวัลอัดฉีดตามความเป็นจริงของนักกีฬาที่ลงแข่งขัน โดยหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติก็บ่งบอกไว้ชัดเจนว่านักกีฬาได้เท่าไร โค้ชได้เท่าไร สมาคมได้เท่าไร ซึ่งก็สมเหตุสมผลแล้ว โค้ชไม่ควรมาสร้างเงื่อนไขเพื่อหักเงินของนักกีฬามากมายขนาดนี้

"สารวัตรโจ้" ยังกล่าวต่อว่า หลังจากวันนี้ตนต้องการให้นักกีฬาได้รับเงินมากขึ้นกว่าเดิม แต่อาจจะไม่ถึงอัตราส่วนที่ควรได้ แต่ก็ต้องได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักกีฬาที่เล่น 2 อีเว้นท์ ที่ต้องเป็นธรรมกับเขา ส่วนเรื่องที่ได้รับเงินอัดฉีดเข้าบัญชีนักกีฬาจริง แต่นักกีฬาต้องถอนออกเพื่อเอามาให้กับบุคคล 1 ท่าน เพื่อทำการแบ่งสรรปันส่วน "

ในฐานะที่ผมเคยเป็นนักกีฬามาก่อน ผมรู้ว่าเป็นอย่างไร ทีมชุดแข่งจบได้แชมป์ดีใจไปฉลองชัยกันแล้ว แต่ผมที่ต้องเล่นทีมเดี่ยวพร้อมกับเพื่อนๆรวมกัน 5 คน ต้องรีบนอนพักผ่อนเพื่อเตรียมแข่งต่ออีก 3-4 วัน ส่วนคนที่ไม่ได้เล่นทีมเดี่ยวก็ไปเที่ยวพักผ่อน แต่พวกผมยังต้องแข่งต่อ ซึ่งน้องๆทีมชาติชุดนี้บอกมาว่าได้น้อยเกินไปเพราะจริงๆได้ 2 เหรียญทองต้องได้ 4 ล้าน แต่นี่ได้เพียง 2 ล้าน 1 แสน เท่านั้น ทางคณะกรรมการต้องให้ความกระจ่าง" พันตำรวจโท สืบศักดิ์ กล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline