logo-heading

นับเป็นอีก 1 เกมที่ผลการแข่งขันชวนหดหู่สำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังบุกไปแพ้ เอฟซี โคเปนเฮเก้น 3-4 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งที่นำก่อนถึง 2-0 จะมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจกันบ้างไปติดตามรับชมดูกันครับ

[ 2 ประตูของ ฮอยลุนด์ ]

ผลงานในลีกอาจจะดูน่าผิดหวังเพราะยังเปิดซิงประตูแรกไม่ได้สักที แต่วันนี้ ราสมุส ฮอยลุนด์ มีชื่อบนสกอร์บอร์ดจากการซัดไป 2 ประตู นับเป็นผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด คนแรกที่ลงเล่น 4 เกมแรกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และสามารถยิงได้ถึง 5 ประตู

ฮอยลุนด์ เกิดที่ โคเปนเฮเก้น และก็ได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ที่นี่เมื่อช่วงปี 2020-22 วันนี้เขายิงประตูใส่ทีมเก่าได้ก็จริง แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปอย่างน่าผิดหวัง

[ ใบแดงของ แรชฟอร์ด ]

เดิมทีมันอาจจะดูเป็นเกมที่ใสสะอาดสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเป็นฝ่ายนำห่างถึง 2-0 ตั้งแต่ 28 นาทีแรก รูปเกมก็ดีกว่าแบบชัดเจน แต่สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร พวกเขาต้องมาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงท้ายครึ่งแรกจากใบแดงของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ไปเข้าบอลหนักใส่ข้อเท้าของ เอเลียส เยเลิร์ต

มีหลายๆ ฝ่ายที่พูดถึงจังหวะนี้ มันอาจจะเป็นช็อตที่เปิดปุ่มย่ำไปที่เท้าของคู่แข่ง แต่เจตนาของนักเตะก็คือการยื่นเท้าไปที่หน้าลูกบอลโดยที่ไม่ได้เหลือบไปมองคู่แข่ง ไม่ได้คิดที่จะทำฟาวล์แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็น พอล สโคลส์, โอเว่น ฮากรีฟส์ หรือ เจมี่ คาร์ราเกอร์ 3 นักวิจารณ์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ควรเป็นใบแดง

ช็อตแบบนี้เมื่อไปย้อนดูภาพช้าและกดสต็อปค้างไว้แน่นอนว่าภาพที่เห็นมันจะดูรุนแรง เพราะขาของ แรชฟอร์ด มันย่ำไปจนเท้าของ เยเลิร์ต นั้นงอจนเสียทรง และนั่นก็ทำให้ผู้ตัดสิน โดนาตัส รุมซัส ตัดสินใจควักใบแดงไล่ แรชฟอร์ด ออกจากสนาม นับเป็นใบแดงที่ 2 จากการลงสนาม 374 นัดรวมทุกรายการ และเป็นใบแดงแรกนับตั้งแต่ปี 2018

ถือเป็นความซวยของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง ด้วยสภาพเกมรับที่เดิมทีก็เอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่แล้ว มีช็อตเสียวในทุกๆ จังหวะ พอมาเสีย 2 ประตูจนโดนตามตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรกเรื่องของพลังใจและโมเมนตั้มก็กลับมาอยู่ทางฝั่งเจ้าถิ่น โคเปนเฮเก้น และสุดท้ายก็พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายชนะ 4-3

[ ความพ่ายแพ้นัดที่ 9 ]

ความปราชัยในเกมนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับเป็นนัดที่ 9 จากการลงเล่น 17 นัดในฤดูกาลนี้ มีสถิติที่ไม่น่าจดจำเกิดขึ้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ฤดูกาล 1973-74 ซึ่งเป็นซีซั่นล่าสุดที่พวกเขามีชะตากรรมต้องตกชั้นในที่สุดในยุคของ ทอมมี่ โดเชอร์ตี้ จากการจบอันดับที่ 21 หรือรองบ๊วย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยที่นำห่างคู่แข่งอย่างต่ำ 2 ประตูเป็นครั้งแรก แต่ถ้าหากนับรวมทุกรายการ นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2014 ที่พลิกกลับมาแพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-5

[ โอกาสเข้ารอบ ]

จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้แน่นอน แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังตกที่นั่งลำบาก แข่งไป 4 นัด มีแค่ 3 คะแนน ถึงโอกาสจะยังเปิดกว้างใน 2 นัดที่เหลือ เพราะแต้มห่างจาก 2 ทีมด้านบนแค่แต้มเดียว แต่การไปเยือน กาลาตาซาราย ในนัดหน้าก็ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย สังเวียนที่ ตุรกี ก็ถือเป็นนรกของผู้มาเยือนเช่นกัน

ส่วนเกมนัดสุดท้ายถึงจะได้ประจำการที่ โรงละครแห่งความฝัน แต่การเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค พวกเขาก็ไม่ได้ดูเหนือกว่าหรือได้เปรียบกว่าเลยสักนิด ดังนั้นโอกาสที่ "ปีศาจแดง" จะได้ไปต่อในรอบต่อไปยังไม่สามารถการันตีหรือคาดเดาได้

[ ถึงเวลาของโค้ชใหม่แล้วรึยัง ? ]

ถึงจะมีช็อตที่น่ากังขาในเกมนี้ และเจอกับความโชคร้ายอยู่บ้าง แต่ฟุตบอลเขาตัดสินกันที่เรื่องผลการแข่งขัน เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องปราชัยเป็นนัดที่ 9 ในฤดูกาลนี้จากการลงเล่น 17 นัด มันเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าครึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อนาคตของ เอริค เทน ฮาก จะโดนตั้งคำถาม ถ้าหากนับรวมจากผลงานที่ผ่านๆ มาในปีนี้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย มันก็มีคำถามเกิดขึ้นว่า "มันควรเป็นเวลาของโค้ชคนใหม่แล้วรึยัง ?" 

แต่ในทางกลับกันถ้าดูจากความเป็นไปได้ในตอนนี้ ตัวเลือกที่น่าสนใจ หรือคนที่เหมาะจะมาแทนที่ เอริค เทน ฮาก ก็ยังไม่มีใครที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งจ๋าๆ เลยสักคน

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline