ใครจะไปเชื่อว่าด้วยรูปเกมที่สูสีกันมากๆ ในครึ่งแรก ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสที่ดีในการเข้าทำและลุ้นทำประตู ไปๆ มาๆ กลายเป็น นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่เป็นฝ่ายยำใหญ่ใส่สารพัด เชลซี ไปกระจุยกระจายถึง 4-1 มันจะมีประเด็นอะไรน่าพูดถึงกันบ้างไปติดตามรับชมกันเลยครับ
[ เกมรับชวนปวดกบาล ]
เดิมแต่ปัญหาหลักๆ ของ เชลซี ที่ผ่านๆ มาในฤดูกาลนี้ก็คือจังหวะพื้นที่สุดท้ายและการจบสกอร์ที่ไม่เฉียบคม แต่ไปๆ มาๆ ตอนนี้สิ่งที่ชวนปวดใจสุดๆ เลยก็คือเกมรับที่เละเทะกันเกินไป ! ย้อนกลับไปช่วง 2 เกมก่อนนี่คือทีมที่ยิงคู่แข่งได้ถึง 8 ประตู โดยเกิดขึ้นในเกมที่ยำใหญ่ สเปอร์ส 4-1 และตามทวงแต้มจาก แมนฯ ซิตี้ ด้วยการเสมอ 4-4
กลายเป็นว่า 2 นัดหลังสุด เชลซี เป็นฝ่ายโดนถลุงไปถึง 8 ประตู และวันนี้เราก็ได้เห็นจุดอ่อนมากมายในเกมรับของพวกเขา ไม่ว่าจะช็อตเสียประตูแรกที่เช็คล้ำหน้าพลาดจนโดน อิซัค ซัดโล่งๆ
ช่วงเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงของเกมจากจังหวะเตะมุม เชลซี ก็ผิดพลาดในการป้องกัน ปล่อยให้ โจลินตอน ได้โขกโล่งๆ แต่โชคดีที่บอลมันหลุดเสาออกไปแค่นั้น
มิติที่ชัดๆ ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในวันนี้คือการโจมตีจากทางริมเส้นเป็นหลัก อาศัยการครอสส์เข้าในเพื่อลุ้นทำประตู รวมไปถึงหลายๆ จังหวะที่มาจากลูกตั้งเตะ และนั่นก็คือทุกจุดที่ เชลซี บกพร่อง
การประกบตัวผู้เล่นเห็นได้ชัดเลยว่าวันนี้แทบเอาใครไม่อยู่เลย รวมไปถึงการรับมือกับลูกเปิดที่บอลมักจะถึงคู่แข่งและได้จบหรือได้เล่นจังหวะต่อไปอยู่เกือบตลอด จังหวะเสียลูก 2 ที่โดน จามาล ลาสเซลส์ โขกเหน่งๆ ก็มาจากการตั้งโซนเกมรับไม่ดี
มิหนำซ้ำในนาทีต่อมาจอมเก๋าอย่าง ติอาโก้ ซิลวา ก็ดันมาจับบอลลั่นจนโดน โจลินตอน หลุดไปล่อเป้าแบบเน้นๆ อีกต่างหาก จากรูปเกมที่มันสูสีกันในครึ่งแรก พอ เชลซี ต้องเสีย 2 ประตูใน 2 นาทีก็กลายเป็น นิวคาสเซิ่ล ที่คุมทุกอย่างได้หมด
เบอนัวต์ บาเดียชิล ที่เพิ่งหายเจ็บกลับคืนสนามก็ถูกต้อนรับอย่างดีด้วยการเสียไป 4 ประตู โดยลูกสุดท้ายที่เสียก็โดน แอนโธนี่ กอร์ดอน เล่นงานแบบเบ็ดเสร็จ
[ กัปตัน เจมส์ ตัวเกม ]
กัปตัน รีซ เจมส์ ก็เป็นอีกคนที่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวังในเกมๆ นี้ ทั้งเรื่องของการคุมอารมณ์ รวมไปถึงการโดนใบแดงไล่ออก หลังจับบอลห่างตัวจนต้องไปทำฟาวล์ใส่ แอนโธนี่ กอร์ดอน และมันก็กลายเป็นสถิติที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่
เพราะว่าในปี 2023 นี้ รีซ เจมส์ ได้ลงสนามให้ต้นสังกัด "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในเกม พรีเมียร์ลีก ไปทั้งหมด 14 นัด แต่ดันพาทีมเก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียว ที่เหลือคือเสมอ 7 และ แพ้ไป 6 นัด โดยเกมที่ชนะก็คือวันที่ถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เหลือ 9 คน 4-1 บางทีเกมนั้นตัวผู้เล่นเท่ากันสถิติเข้าวินของ เจมส์ อาจจะยังเป็น 0 ก็เป็นได้
[ ตัวเจ็บบานตะไท ]
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้ 3 คะแนนสมใจก็จริง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือตอนนี้รายชื่อตัวผู้เล่นบาดเจ็บที่ยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, สเวน บ็อตแมน, จาค็อบ เมอร์ฟี่, แมตต์ ทาร์เก็ตต์, แดน เบิร์น, ฆาเบียร์ มานกีโญ่, เอลเลียต เฮนเดอร์สัน, คัลลั่ม วิลสัน และ ชอน ลองสตาฟฟ์
ไหนจะมี ซานโดร โตนาลี่ ที่โดนแบนยาวไปอีกจากคดีเล่นพนันบอลผิดกฏหมาย แน่นอนว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือในเกมต่อๆ ไป เอ็ดดี้ ฮาว จะจัดการอย่างไร หรือ วางหมากอย่างไร เพื่อไม่ให้นักเตะมีอาการล้าสะสมมากจนเกินไป
อย่างที่ทราบกันว่าช่วงนี้ นิวคาสเซิ่ล มีโปรแกรมที่ชุกหนัก เดี๋ยวพวกเขาต้องเตะ 6 นัดในระยะเวลา 18 วันซึ่งเฉลี่ยแล้ว 1 นัดทุกๆ 3 วัน และก็มีแต่ด่านยากๆ ทั้งนั้นอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการดวลกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ เอซี มิลาน
[ สถิติเด่นๆ ของ สาลิกาดง ]
ชัยชนะอันสวยหรูในเกมนี้ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เท่ากับว่าพวกเขาไม่แพ้ เชลซี เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 และในฐานะนายใหญ่ของทัพ "สาลิกาดง" เอ็ดดี้ ฮาว ก็ยังไม่พบกับความพ่ายแพ้แม้แต่นัดเดียวกับการพาลูกทีมลงเตะในวันเสาร์ ช่วงบ่าย 15.00 น. ตามเวลาที่อังกฤษ
นอกจากนี้ในยุคของ เอ็ดดี้ ฮาว มันก็มีแค่เพียง 3 ทีมเท่านั้นที่สามารถบุกมาเก็บชัยชนะในลีกที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ได้นั่นก็คือ อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
HaMu Dos Santos