logo-heading

หลังเกม ! เชลซี ฝืดไม่เลิกบุกโดน วูล์ฟส์ เชือด 1-2 ฝันร้ายวันคริสต์มาส

"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้งในเรื่องของผลการแข่งขัน เพราะล่าสุดดันบุกไปพ่ายแพ้ให้กับทีมที่เป็นรองกว่าทั้งชื่อชั้นและรูปเกมอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ด้วยสกอร์ 1-2 แน่นอนว่าความปราชัยในนัดนี้มีเรื่องให้พูดถึงมากมายเลยทีเดียว

[ เกมรับพร้อมพลาดอยู่เสมอ ]

ภาพที่เห็นชัดมากๆ ในเกมนัดนี้ก็คือทั้ง วูล์ฟแฮมป์ตัน และ เชลซี ต่างก็มีปัญหาในเรื่องของเกมรับซึ่งหลายๆ จังหวะนั้นผิดพลาดทั้งการจ่ายบอล, เสียบอลเองรวมไปถึงการประกบตัวผู้เล่น

แต่สุดท้ายก็เป็นพลพรรค "หมาป่า" ที่เด็ดขาดมากกว่าทั้งโอกาสที่มีอันน้อยนิดซึ่ง เชลซี ประกบกันพลาดในจังหวะรับมือลูกเต็มมุม ไปปล่อยให้บอลตกให้หัว มาริโอ เลอมิน่า ง่ายเกินไปทั้งๆ ที่ตรงบริเวณนั้นก็มีผู้เล่นกระจุกอยู่หลายคน

ส่วนลูกสองที่เสียช่วงทดเจ็บ โนนี่ มาดูเอเก้ ดันทะลึ่งโดนแย่งบอลก่อนที่ วูล์ฟส์ จะทำชิ่งกันและปาดเข้ามาหน้าปากประตู ช็อตนั้นจะบอกว่ามีความดวงซวยผสมอยู่ด้วยก็ได้นะ เพราะกองหลัง เชลซี พยายามจะสกัดแต่สุดท้ายก็ไม่ขาด บอลมันก็เลยกลายเป็นเข้าทาง แมตต์ โดเฮอร์ตี้ ซัดเข้าไปไม่เหลือ

[ ปัญหาที่ยังแก้ไม่หาย ]

เชลซี ไม่ใช่ทีมที่ผลงานห่วยแตกอะไรเลยถ้าพูดถึงเรื่องของรูปเกม เพราะที่ผ่านมาหลายๆ นัดพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงความอันตรายในการเดินหน้าบุกใส่คู่แข่ง ทั้งการครองบอล สร้างปัญหาจากริมเส้นรวมไปถึงการสร้างสรรค์โอกาส มันหลากหลายมาก โอกาสลุ้นประตูก็มีมากระดับ 10 ครั้งขึ้นไปในทุกๆ นัด แต่มันติดอยู่อย่างเดียวก็คือการปิดสกอร์ที่ไร้ความเฉียบคม

เกมนี้ เชลซี ก็ยังครองบอลมากกว่าถึง 67 เปอร์เซนต์ มีโอกาสมากกว่า แต่ดันยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้ง ในขณะที่ วูล์ฟส์ ถ้าจำไม่ผิดครึ่งแรกพวกเขาแทบไม่มีโอกาสได้ง้างเท้ายิงเลย สุดท้ายกลายเป็นว่าพอจบเกมกลับมีสถิติยิงตรงกรอบที่มากกว่าถึง 6 ครั้ง

โคล พัลเมอร์, นิโคลัส แจ็คสัน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง รวมไปถึงพวก มิไคโล มูดริค และอีกหลายๆ คน ต้องยอมรับว่าแนวรุกของ เชลซี น่ากลัว อันตรายและมีพิษสงมากกว่าหลายๆ ทีมด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของ พรีเมียร์ลีก ตอนนี้เลยก็ว่าได้

แต่ก็นั่นแหละครับ เรื่องความเด็ดขาด ก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่หาย ความพ่ายแพ้ในเกมวันนี้มันคือลูปเดียวกับวันที่แพ้ เอฟเวอร์ตัน, แมนฯ ยูไนเต็ด, เบรนท์ฟอร์ด และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คือเล่นดีกว่าแต่แพ้

[ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ]

ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กลายเป็นผู้ร้ายในทันทีทันใด เพราะโอกาสที่ดีที่สุดในเกมนี้ของ เชลซี เกิดขึ้นจากเขาในช่วงครึ่งแรก เมื่อพี่แกฉกบอลมาจาก โตตี้ โกเมส มาได้ ก่อนจะลากหลุดเข้ามาโล่งๆ แต่สุดท้ายดันเลือกยิงเองและไปติดเซฟ โชเซ่ ซา ทั้งๆ ที่ทางขวามีทั้ง โคล พัลเมอร์ และ นิโคลัส แจ็คสัน ยืนรอถวายพานอยู่

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มีสถิติที่ดีมากๆ ยามเจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เพราะ 6 นัดก่อนหน้านี้มีส่วนร่วมถึง 6 ประตู (ยิง 4 แอสซิสต์ 2) แต่ความผิดพลาดในช็อตนั้นเชื่อได้เลยว่าแฟนๆ "สิงห์บลูส์" ทั้งโลกน่าจะอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไอ้รวยยยย !"

ถ้าจังหวะนั้น เชลซี เป็นฝ่ายขึ้นนำรูปเกมและผลสกอร์ที่ออกมาอาจไม่ใช่การแพ้ด้วยสกอร์ 1-2 ก็เป็นได้

[ ใบเหลือง ]

นอกจากจะแพ้แล้วหารู้ไม่ว่าในเกมนัดต่อไปที่จะดวลกับ คริสตัล พาเลซ ทาง เชลซี จะขาดผู้เล่นคีย์แมนสำคัญ 2 คนนั่นก็คือ โคล พัลเมอร์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เพราะ 1 ใบเหลืองที่พวกเขาได้ในวันนี้เป็นการสะสมครบโควต้า 5 ใบ ทำให้เกมถัดไปจะติดโทษแบน

นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์ของ เชลซี มีความกังวลมากขึ้น เพราะนี่คือ 2 ผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุด ณ เวลานี้ และในขณะเดียวกันรายชื่อตัวเจ็บก็ยาวเป็นหางว่าวไม่ว่าจะเป็น คาร์นี่ย์ ชุควูเอเมก้า, เทรวอห์ ชาโลบาห์, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, เบน ชิลเวลล์, รีซ เจมส์, โรเบิร์ต ซานเชซ, มาร์ค คูคูเรญ่า และ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า

[ เอ็นคุนคู ได้เดบิวต์ ]

แต่ข่าวดีก็คือผู้เล่นคีย์แมนสำคัญอย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู สลัดอาการบาดเจ็บที่หัวเข่ากลับมาลงเล่นได้อีกครั้งตั้งแต่วันเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ในฟุตบอล คาราบาว คัพ แต่เกมนี้เขาได้ประเดิมสนามอย่างเป็นทางการบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก โดยถูกส่งลงมาในนาทีที่ 58

จะเห็นได้เลยว่าในช่วง 40 กว่านาทีที่ เอ็นคุนคู อยู่ในสนามประสิทธิภาพของเขานั้นดูดีกว่าแนวรุกทุกคนหากพูดถึงเรื่องการมีส่วนร่วมและการลุ้นทำประตู บอลจากเท้าของเขาเกือบช่วยให้ทีมตามตีเสมอ 1-1 ในนาที 63 ที่จิ้มหนีตัว โชเซ่ ซา ไปแล้วแต่ก็ยังมี โตตี้ โกเมส สกลัดจากเส้นได้ทั้ง ทาง โกล์ ไลน์ ก็เช็คแล้วว่าไม่เป็นประตูเพราะลูกบอลข้ามเส้นไปแค่ 60 เปอร์เซนต์เท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ก็เปิดซิงประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก จนได้โดยเป็นประตูตีไข่แตกให้ เชลซี ไล่มา 1-2 พร้อมสร้างสถิติเป็นผู้เล่นคนที่ 27 บนหน้าประวัติศาสตร์สโมสรที่ทำประตูได้ตั้งแต่เกมประเดิมสนาม แต่สุดท้ายก็มิอาจช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้

[ สถิติไม่น่าจดจำ ]

ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ถือเป็นสถิติที่ไม่น่าจดจำเอามากๆ เพราะนั่นทำให้ เชลซี กลายเป็นสโมสรที่พบความพ่ายแพ้มากที่สุดในศึก พรีเมียร์ลีก ปี 2023 ที่ 19 นัด และมีโอกาสเพิ่มได้อีกกับ 2 นัดที่ต้องดวลกับ คริสตัล พาเลซ และ ลูตัน ทาวน์

1 ใบเหลืองของ นิโคลัส แจ็คสัน ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับใบเหลืองมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ตอนนี้ที่ 8 ใบด้วยกัน เชลซี เป็นทีมที่พลาดจังหวะได้ประตูถึง 36 ครั้งจากโอกาสที่มีทั้งหมด 57 ครั้ง นับเป็นทีมที่พลาดเยอะที่สุดในซีซั่นนี้ 

เชลซี เก็บชัยชนะเกมเยือนในลีกไม่ได้เป็นนั้ที่ 4 ติดต่อกัน หากนับแค่การลงเล่นในช่วงวัน คริสต์มาส อีฟ หรือ 24 ธันวาคม และนี่ก็เป็นการแพ้เกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 4 นัดรวดเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี หรือตั้งแต่ปี 2000

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline