logo-heading

สื่อเทียร์ 1 รายงานกันครบว่า เชลซีต้องขายนักเตะก่อนในเดือนนี้ ถึงจะซื้อแข้งใหม่ได้ เพราะกำลังมีความเสี่ยง FFP แต่สัมภาษณ์ล่าสุดของพอชเหมือนหักหน้าทุกสื่อ เขายืนยันว่าไม่เป็นความจริง เชลซีซื้อแข้งใหม่ได้เลยโดยไม่ต้องรอขายใครก่อน

คำถามคือมันเป็นไปได้ยังไง? 3 ตลาดหลังสุดลงทุนไปรวม 1,000 ล้านปอนด์ มันจะไม่เสี่ยงกฎ FFP จริงหรือ? ตอนนี้ยิ่งต้องระวังด้วย เพราะเอฟเวอร์ตันโดนตัดไป 10 แต้ม บอกตามตรงว่าผมก็ไม่ค่อยเชื่อมั่น แต่นี่คือเรื่องที่ผมต้องหาคำตอบ 

หากมันจะเป็นไปได้ ผมมองไว้ 3 ปัจจัย อย่างแรกคือ เชลซีอาจจะลงทุนไปมหาศาลก็จริง โดยเฉพาะซัมเมอร์ล่าสุดซื้อไปราว 334 ล้านปอนด์ แต่เวลาลงบัญชี FFP มันต้องเอาสัญญานักเตะไปหารค่าตัวอีกที เช่น มอยเซส ไกเซโด้ คุณซื้อมา 115 ล้านปอนด์ มันไม่ใช่ว่าลงบัญชีรายจ่าย 115 ล้านปอนด์ทันที แต่ต้องหารสัญญา 8 ปีด้วย 

เท่านั้นไม่พอ 115 ล้านปอนด์เนี่ย เงินที่จ่ายจริงๆ มันคือ 100 ล้านปอนด์เงินต้น ส่วนแอดออนอีก 15 ล้านปอนด์ ต้องรอผลงานดีก่อนถึงจะจ่าย ซึ่งตอนนี้ไกเซโด้ยังห่างไกลจากคำว่าเล่นดี เลยยังไม่ต้องจ่ายที่เหลือ ดังนั้น ในเชิงบัญชีคือเอา 15 ไปหาร 100 = ลงบัญชีค่าตัวปีละ 12.5 ล้านปอนด์

หากนับทุกดีลที่เชลซีเซ็นตอนซัมเมอร์ เว็บไซต์การเงินชื่อดังอย่าง Swissramble บอกว่า สรุปแล้วแข้งใหม่เชลซีลงบัญชีประมาณ 48.5 ล้านปอนด์ต่อปี และเมื่อรวมค่าเหนื่อยด้วยอีกปีละ 51.5 ล้านปอนด์ = แพ็กเกจนักเตะใหม่ตอนซัมเมอร์ คือลงบัญชีปีละ 100 ล้านปอนด์ 

ตัวเลขดูมหาศาล เพราะต้องลงแบบนี้ทุกปี แต่เราต้องมาดูขาออกกันด้วย ซึ่งต้องแบ่งเป็น 2 เคส หากขายเด็กปั้นแบบ เมสัน เมาท์ นับเป็นกำไร 100% ขายเท่าไหร่ บัญชีขาเข้าตามนั้นเลย เพราะไม่มีต้นทุน แต่เคสของ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะได้กำไรไม่เต็มเหนี่ยว เพราะมีต้นทุนก่อนขาย แต่ก็ยังถือว่าได้กำไร เพราะขายไปเรท 60+5 ล้านปอนด์ ตอนเหลือสัญญา 2 ปี 

Swissramble บอกว่าถ้านับเฉพาะคนที่ขายก่อนวันที่ 30 มิถุนายน 2023 ไม่ว่าจะเป็น ฮาแวร์ตซ์, โควาซิช, เมนดี้ หรือคูลิบาลี่ เชลซีประหยัดเงินค่าลงบัญชีค่าตัวกับค่าเหนื่อย 70.5 ล้านปอนด์ 

ยิ่งเมื่อรวมกับดีลที่ขายหลัง 30 มิถุนายน เชลซีจะประหยัดเงินค่าลงบัญชีไปอีก 81.5 ล้านปอนด์ เบ็ดเสร็จแล้วตัวเลขรวมประมาณ 152 ล้านปอนด์ นั่นหมายความว่า รายจ่ายต่อปีเชลซีจะลดไปประมาณ 50 ล้านปอนด์ ซึ่งนี่คือตัวเลขที่ยังไม่รวมกำไรหลังการขาย ไม่งั้นตัวเลขจะมากกว่านี้

ปัจจัยข้อที่ 2 จริงอยู่ว่าเชลซีพลาดไปเล่น UCL ฤดูกาลนี้ และมีโอกาสพลาดฤดูกาลหน้าสูงมากด้วย คาดว่ารายได้จะหายไปปีละ 70-90 ล้านปอนด์ ซึ่งมหาศาลมาก แต่สื่อดังอย่าง Telegraph และ Athletic UK เผยว่า เชลซีมีเงื่อนไขลดค่าเหนื่อยนักเตะราว 30% เมื่อไม่ได้ไปเล่น UCL

เช่น รีซ เจมส์ ต่อสัญญาใหม่ได้ค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ ตกปีละ 13 ล้านปอนด์ แต่ข่าวบอกว่าเจมส์คือหนึ่งในคนที่ยอมลดค่าเหนื่อยช่วยทีม = เงินลงบัญชีค่าเหนื่อยต่อปีจะลดเหลือ 9.1 ล้านปอนด์ ซึ่งบรรดานักเตะที่เซ็นเข้ามาใหม่ หรือคนที่ต่อสัญญาใหม่ ต่างยอมรับเงื่อนไขนี้หมด

นอกจากนี้ บรรดาตัวที่เซ็นเข้ามาใหม่ ต่อให้ค่าตัวแพงแค่ไหน? ก็จะไม่ให้ค่าเหนื่อยเวอร์ เช่น มูดริคที่เซ็นเข้ามาด้วยค่าตัว 70+30 ล้านยูโร แต่ค่าเหนื่อยอยู่ที่ 90,000 ปอนด์เท่านั้น พอลดไป 30% เหลือประมาณ 63,000 ปอนด์ 

เชลซีคงหวังเอาการลดค่าเหนื่อย 30% เกือบยกทีม ไปทดแทนรายได้ที่หายไปจากฟุตบอลยุโรป และล่าสุดพยายามหาผู้สนับสนุนเพิ่มเติม ไปเซ็นเอาสปอนแขนเสื้อมาเพิ่มด้วย เพื่อให้มีรายได้เข้าทีมมากขึ้น

ปัจจัยสุดท้าย Swissramble วิเคราะห์ว่า 3 ปีหลังสุดเชลซีน่าจะขาดทุนรวม 323 ล้านปอนด์ ซึ่งเมื่อลบค่าใช้จ่ายพวกทีมหญิง, ทีมเยาวชน เบ็ดเสร็จเชลซีน่าจะขาดทุนรวม 201 ล้านปอนด์ ซึ่งยังผิดกฎ FFP ของพรีเมียร์ลีก ที่ห้ามขาดทุน 3 ปีหลังสุดเกิน 105 ล้านปอนด์ 

ส่วนต่างเชลซียังเหลืออีก 96 ล้านปอนด์ แล้วเชลซีจะหาตรงไหนมาโต้แย้ง? 

Swissramble เชื่อว่า เชลซีจะแจ้งพรีเมียร์ลีกว่า สโมสรเสียรายได้ไปมหาศาลตอนเสี่ยหมีโดนคว่ำบาตร เช่น พลาดโอกาสในการต่อสัญญานักเตะอย่าง รือดิเกอร์, คริสเตนเซ่น จนต้องไปเสียเงินซื้อคนใหม่เป็น คูลิบาลี่ + โฟฟาน่า รวมแล้ว 100 ล้านปอนด์ ซึ่งตอนนั้นถ้าไม่โดนคว่ำบาตร อาจจะต่อสัญญา 2 คนนี้ได้ และไม่ต้องเสียเงินซื้อคนอื่นแทน

จุดนี้ยังตอบได้ยากว่าจะโต้แย้งผ่านไหม? แต่ทิศทางจาก David Ornstein นักข่าวเทียร์ 1 บอกว่า เขาสอบถามสโมสรไปแล้ว ซึ่งสโมสรไม่ได้กังวล FFP เลย มั่นใจว่าผ่าน ดังนั้น หากเชลซีไม่มั่นใจจริงๆ ว่าโต้แย้งชนะ สโมสรคงไม่ให้ข่าวกับ Ornstein แบบนั้น 

หากสิ่งที่พอชพูดเป็นเรื่องจริง หากสิ่งที่สโมสรบอกกับนักข่าวเป็นเรื่องจริง แม้ผลงานทีมจะแย่ ภาพรวมการบริหารก็ไม่ดี แต่ทีมบัญชีที่ดูแล FFP ควรได้รับคำชมมากสุด อันไหนไม่ดีเราบอกแย่ อันไหนทำเรื่องเหลือเชื่อได้เราก็พร้อมให้เครดิต

กลัวอย่างเดียว กลัวสโมสรและพอชออกตัวแรง แต่ดันไม่จริงขึ้นมา ซึ่งเดี๋ยวอาทิตย์หน้าพรีเมียร์ลีกจะแจ้งแล้วว่า บัญชี 3 ปีหลังสุดของแต่ละทีมเป็นแบบไหน?

หากเชลซีรอดจริง เอาเครดิตทีมงานไปเลย แต่ถ้าไม่รอดขึ้นมา รับรองทัวร์ลงชัวร์

- Petr Boat - 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline