logo-heading

เมื่อพูดถึงจุดเด่นของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุณนึกถึงอะไร? บางคนอาจชมเรื่องการบริหารทีม, บางคนชมเรื่องใช้ทุนเสริมทัพน้อยก็เป็นแชมป์ได้ หรือบางคนชมเรื่องพลังใจ ที่กระตุ้นนักเตะได้โหดจัด

สำหรับผมคือเห็นด้วยทุกข้อ แต่มีอยู่ 1 เรื่องที่คนยกย่องน้อยไปหน่อย คือแท็กติก เขาอาจไม่ใช่คนที่วางแผนหวือหวา แต่การคุมลิเวอร์พูลได้มาตรฐานนี้มาหลายปี มันก็ต้องให้เครดิตเรื่องแท็กติกที่ไม่ตกยุคด้วย

แผนของ JK เปลี่ยนมาหลายรุ่นแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ยุคที่ใช้คูตินโญ่เป็นเพลย์เมกเกอร์ แล้วก็ปรับมาเป็น 4-3-3 โดยที่ไม่ต้องพึ่งจอมทัพจากตำแหน่งมิดฟิลด์ แต่เปลี่ยนไปใช้ฟูลแบ็ก 2 ข้างปั้นเกมแทน

ปีที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ผมมีโอกาสไปชมเกมที่แอนฟิลด์ 3 แมตช์ จดจำรายละเอียดแท็กติกได้ดี มันค่อนข้างสดใหม่ แบ็ก 2 ข้างมีหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ เราถึงได้เห็นเทรนต์ทำไป 13 แอสซิสต์ในลีก ขณะที่ร็อบโบ้ก็ล่อไป 12 แอสซิสต์ มากกว่าซาลาห์, ฟีร์มิโน่ และมาเน่ที่เป็นตัวรุกธรรมชาติเสียอีก

เท่านั้นไม่พอ พวกเขาไม่กลัวเกมสวนกลับเวลาแบ็ก 2 ข้างลอยสูงด้วย เพราะฟาบินโญ่จะถอยต่ำมายืนเท่าคู่เซนเตอร์ จนเหมือนมีกองหลัง 3 คน ขณะที่กัปตันเฮนโด้กับไวจ์นัลดุม ก็คอยปกคลุมพื้นที่ด้านข้างให้ มันเป็นแผนที่โคตรเท่ เรียกว่าทีมชุดนั้นโคตรโหด 

พอถึงจุดหนึ่ง รูปแบบการเล่นนี้เริ่มตัน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของฟุตบอล มันอาจจะใช้เวลาสักหน่อยกว่า JK จะหาแผนใหม่ แต่สุดท้ายเขาก็ทำ เขาไม่ยอมให้ลิเวอร์พูลตกยุค จนนำมาสู่วิธีการเล่นแบบ Inverted Fullback

แท็กติกนี้มีไอเดียมาจากการที่ เทรนต์ อาร์โนลด์ เริ่มมีเกมรุกที่ดร็อปลง แถมมีปัญหาเกมรับด้วย ฤดูกาลก่อนโดนเลี้ยงหลบไปถึง 38 จาก 95 ครั้ง จนเกิดไอเดียว่า เกมรับก็ยืนแบ็กขวาตามปกติไปเลย แต่เวลาเล่นเกมรุก เขาจะหุบเข้าในมายืนมิดฟิลด์ เล่นสไตล์ Deep lying playmaker ไม่ต่างกับตำนานอย่าง ชาบี อลอนโซ่

ถามว่าการเล่นแบบนี้มันแปลกใหม่หรือไม่? บอกเลยว่าไม่ใช่ เพราะซิตี้เคยเล่นมาก่อน อาร์เซน่อลเองก็เหมือนกัน แต่ของ 2 ทีมนั้นจะใช้แบ็กหุบมาช่วยบิวด์อัพ ช่วยแกะเพรสซิ่ง แต่ของลิเวอร์พูลคือหุบมาปั้นเกมเลย เป็นเพลย์เมกเกอร์เลย

ไหนๆ ชุดทักษะเทรนต์ ก็เหมือนมิดฟิลด์มากกว่าฟูลแบ็กอยู่แล้ว ลองวิธีนี้ไปเลยก็ได้ ซึ่งปีนี้พวกเขาก็ยังเล่นแผนนี้อยู่ เหมือนรีดศักยภาพเทรนต์ตอนหุบมายืนกลางได้โคตรดี 

นับรวมทุกรายการทำไปแล้ว 8 แอสซิสต์, สร้างโอกาสให้เพื่อนเป็นอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก และถ้านับเฉพาะผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ เทรนต์คือคนที่โยนยาวเข้าเป้าอันดับ 4 ของลีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าแผนนี้จะไม่มีจุดอ่อน ปัญหาคือตอนโดนโต้กลับเนี่ยแหละ ช่วงที่ต้องเปลี่ยนจากยืนกองกลาง กลับไปยืนฟูลแบ็ก บางทีมันปรับจังหวะไม่ทัน 

แต่ก่อนโฟกัสแค่ป้องกันด้านข้าง หนนี้ต้องโฟกัสทั้งด้านข้างและตรงกลางพร้อมกัน ซึ่งพอต้องรับหลายหน้าที่ มันเลยทำให้สถิติการเข้าปะทะปีนี้หนักกว่าเก่า ชนะแค่ 26 จาก 67 ครั้ง โดนเลี้ยงผ่านไปถึง 41 

พูดง่ายๆ คือการใช้เทรนต์เล่นแบบนี้ มันสุดโต่งมาก เกมรุกโหดขึ้นแน่ แต่เกมรับก็ต้องทำใจ จนคนเริ่มพูดกันมากขึ้นว่า ถ้าไม่อยากให้เทรนต์ต้องแบกรับภาระเกมรับ 2 โซนพร้อมกัน ก็เอาเล่นมิดฟิลด์ถาวรไปเลยไหม? สถิติการปั้นเกมไม่ได้แพ้พวกเพลย์เมกเกอร์อาชีพเลย 

ในมุมผมคือคิดว่าได้ และอาจจะเวิร์คด้วย ในเมื่อเกมรับไม่ดี ก็ดันตัวเองเป็นตัวทำเกมไปเลย แต่ที่ผ่านมายังทำไม่ได้ เพราะยังไม่เจอแบ็กขวาที่ดูไว้ใจได้ จนกระทั่งเราได้ดูฟอร์มของเจ้าหนู คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ที่ลงตัวจริงนัดบุกชนะฟูแล่ม

เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา อายุแค่ 20 แต่เล่นใจกล้ามาก ระเบียบวินัยเกมรับก็ดูดีทีเดียว ทำสถิติเกมรับเข้าปะทะชนะ 6 ครั้ง เยอะที่สุดในเกม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเค้าต้องดวลกับวิลเลี่ยนที่โคตรเก๋า ผ่านประสบการณ์มาเยอะ

สิ่งที่ผมจะสื่อ ไม่ได้หมายความว่าลิเวอร์พูลต้องเร่งดันแบรดลี่ย์เป็นตัวจริงเร็วเกินไป ซึ่งผมก็เชื่อว่า JK จะไม่รีบเหมือนกัน แต่ผมกำลังจะสื่อว่า อย่างน้อยมันเริ่มเห็นไอเดียแผนการเล่น JK อันใหม่แล้วนะ คือกลับไปใช้ฟูลแบ็กปกติ เพื่อเปิดโอกาสให้เทรนต์เล่นกลางเต็มตัวไปเลย

ในทางปฏิบัติ เรายังเห็นแค่ไม่กี่เกมที่เทรนต์เคยโดนจับไปเล่นมิดฟิลด์ธรรมชาติ ฤดูกาลนี้มีแค่ 3 นัด แต่มันเป็นการต่อยอดเพิ่มเติมได้อีกมาก และเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันภายในทีมด้วย

หากเทรนต์หายเจ็บกลับมา แล้วไปยืนกลางถาวร พวกมิดฟิลด์ที่ต้องเล่นเกมรุกอย่าง โซโบซไล, เอลเลียต หรือโจนส์ ต้องพยายามผลักดันฟอร์มตัวเอง เพื่อไม่ให้เสียตำแหน่ง 

ส่วนเจ้าหนูแบรดลี่ย์ ต้องรอดูอีกสักพักว่าจะเป็นเพชรแท้ไหม? ถ้าเป็นของแท้จริง เขาจะได้รับโอกาสมากขึ้น ช่วงนี้ก็สลับกันเล่นกับเทรนต์ไปก่อน ไม่เสียหาย

ฟังแค่นี้ก็รู้สึกตื่นเต้นแทน ลิเวอร์พูลของ JK ไม่เคยหยุดนิ่งเรื่องแผนการเล่น มันอาจไม่ได้หวือหวา แต่ก็พร้อมพัฒนาเมื่อจำเป็น ผมไม่แปลกใจเลยที่ปีนี้มีลุ้น 4 แชมป์

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline