logo-heading

กุนซือ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ได้รับการต้อนรับราวกับเป็นพระเจ้าเมื่อตอนย้ายมา โรม่า ใหม่ๆ ด้วยชื่อชั้นและดีกรีที่ขึ้นชื่อหนึ่งในกุนซือระดับโลกต่างก็ทำเอาเหล่าบรรดาสาวก "หมาป่าแห่งกรุงโรม" ต่างศรัทธาและตั้งความคาดหวังเอาไว้สูงลิบลิ่ว และปีแรกของเขาก็จบด้วยการเถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก นับเป็นแชมป์แรกของสโมสรในรอบ 14 ปี

ปีต่อมา โชเซ่ มูรินโญ่ ก็พา โรม่า จบอันดับ 6 พร้อมกับคว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรป แต่น่าเสียดายที่ไม่มีแชมป์อะไรติดไม้ติดมือมาซึ่งที่ใกล้เคียงสุดก็คือการแพ้ดวลจุดโทษให้กับ เซบีย่า ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก

ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในยอดโค้ชแต่ตลอดช่วงที่ผ่านมาก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตลอดเรื่องสไตล์การทำทีมและแท็คติกที่ดูจะเน้นผลการแข่งขันมากเกินไปหรือการใช้แผนรถบัสที่เน้นตั้งรับเป็นหลัก ไม่มีเสน่ห์และความสวยงามในการเล่นฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย

และในช่วง 6 เดือนแรกของซีซั่น 2023-24 ก็เห็นได้ชัดว่ามีหลายๆ สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นที่กรุงโรม มูรินโญ่ พา โรม่า ออกสตาร์ท 3 นัดแรกเก็บชัยชนะไม่ได้และแพ้ไป 2 นัด นับเป็นการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตของเขา

โรม่า ของ "เดอะ สเปเชี่ยล" เอาชนะทีมอย่าง ซาแลร์นิตาน่า ไม่ได้ และต้องเป็นฝ่ายตามตีเสมอ 2-2 ทั้งที่ได้เล่นในบ้าน แพ้ให้ทีมอย่าง เวโรน่า โดนทีมน้องใหม่อย่าง เจนัว ถล่มไปถึง 4-1 และที่เป็นฟางเส้นใหญ่ก็คือผลงานการแพ้ไปถึง 3 จาก 5 เกมหลังสุด และเก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการตกรอบ โคปปา อิตาเลีย ด้วยน้ำมือของคู่อริร่วมเมืองอย่าง ลาซิโอ้

การจะก้าวขึ้นมาท้าทายตำแหน่งแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา หนึ่งในสิ่งที่ต้องพิสูจน์และทำให้ดีก็คือการพิชิตเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ด้วยกันให้ได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ โรม่า ของ โชเซ่ มูรินโญ่ 

โดยเฉพาะในซีซั่นนี้เขาได้โอกาสเจอกับทีมบิ๊กเนมมาทั้งหมด 8 นัด ผลปรากฏว่าแพ้ไปถึง 4 นัด (แพ้ เอซี มิลาน 1-2, แพ้ อินเตอร์ มิลาน 0-1, เสมอ ลาซิโอ้ 0-0, เสมอ ฟิออเรนติน่า 1-1, แพ้ ยูเวนตุส 0-1, เสมอ อตาลันต้า 1-1, แพ้ เอซี มิลาน 1-3) และชนะได้แค่นัดเดียวนั่นคือการชนะ นาโปลี 2-0 

ความพ่ายแพ้ต่อ เอซี มิลาน 1-3 ในนัดล่าสุดทำให้ โรม่า หล่นไปรั้งอยู่อันดับ 9 จนสื่ออย่าง กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต ถึงกับพาดหัวใหญ่ๆ ว่า "โรม่า กำลังจมอยู่กับวิกฤต" พร้อมกับตั้งคำถามว่า "โชเซ่ มูรินโญ่" นั้นคือคนที่เหมาะสมแล้วจริงเหรอ ? จากมุมมองของแฟนบอลที่เห็นเขาเป็น "ผู้ศรัทธา" ก็เริ่มกลายเป็น "ผู้ต้องสงสัย" ในทันที

จริงๆ ก่อนหน้านั้นก็เริ่มมีกระแสแว่วๆ มาจากวงในว่า The Friedkin Group กลุ่มเจ้าของทีมชาวอเมริกัน กำลังพิจารณาเรื่องสั่งปลด โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วยเรื่องของผลงานอันน่าผิดหวัง ตกรอบบอลถ้วยด้วยฝีมือของคู่อริร่วมเมือง แถมยังไม่พอใจเรื่องพฤติกรรมที่ใช้วาจาไม่เหมาะสมกับผู้ตัดสินบ่อยครั้ง

ตัวผู้เล่นบาดเจ็บก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ โรม่า มีผลงานที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บของ เปาโล ดีบาล่า ทาง มูรินโญ่ พูดอยู่บ่อยๆ ถึงเรื่องนี้ยามโดนวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลงานที่น่าผิดหวัง มันอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีที่ทีมๆ นึงจะพึ่งพานักเตะคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ มูรินโญ่ พูดเองว่า การขาดแข้งพรสวรรค์อย่าง เปาโล ดีบาล่า ทำให้ โรม่า เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

ว่ากันว่าตัวของ โชเซ่ มูรินโญ่ นั้นเชื่อว่าศักยภาพทีมที่เป็นอยู่ตอนนี้ยังไม่ดีพอที่จะก้าวขึ้นไปท้าทายแม้กระทั่งพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงแท้แค่ไหน แต่ถ้านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องแต่งตัวความเชื่อของเขาก็น่าจะมีส่วนที่ทำให้นักเตะรู้สึกท้อแท้และหมดความกำลังใจเช่นกัน

เขามองว่าที่ โรม่า ยังพัฒนาไปไหนไม่ได้ไกลเพราะถูกขัดขวางด้วยกฏเกณฑ์ของ ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเจ้าตัวได้ออกมาแซะว่า โรม่า นั้นไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถเสริมทัพได้ตามใจชอบเหมือนกับ แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าลองมองไปดูทีมอย่าง โบโลญญ่า, ฟิออเรนติน่า, อตาลันต้า หรือแม้กระทั้งคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลาซิโอ้ เรื่องชื่อชั้นและดีกรีไม่ได้ดูดีไปกว่า โรม่า เลย เผลอๆ เรื่องทรัพยากรต่างๆ อาจเป็นรองกว่าด้วยซ้ำ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับมีผลงานที่ดีกว่า และมีแต้มมากกว่าสโมสรที่มีค่าเหนื่อยนักเตะรวมมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีก

และการมีเพียง 29 คะแนนในตอนนี้ก็ถือสถิติที่ไม่น่าจดจำของ โรม่า ที่เก็บแต้มได้น้อยที่สุดหลังผ่าน 20 นัดแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2002-03 ที่เก็บได้แค่ 27 คะแนนเท่านั้น เมื่อได้ชื่อว่าเป็นยอดโค้ชสิ่งที่หลายๆ ฝ่ายจับตามองก็คือการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า การแก้เกมและการสร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกทีม ไม่ใช่การใช้ฝีปากแซะชาวบ้านชาวช่อง โทษโน่นโทษนี่และสร้างแต่พลังลบๆ แบบนี้

และนั่นก็คือเหตุผลที่ The Friedkin Group ตัดสินใจสั่งปลด โชเซ่ มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่ง เบ็ดเสร็จ “น้ามู” ได้คุมทีมไป 138 นัด ชนะ 68 เสมอ 31 และ แพ้ 39 นัด มีเปอร์เซนต์ชนะเท่ากับ 49.28% และแน่นอนว่าสิ่งที่ยังคงดำเนินต่อไปไม่มีเลิกราก็คืออาถรรพ์การคุมทีมปีที่ 3 ของเขาที่เป็น "หายนะ" เสมอมา

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline