logo-heading

เส้นทางของ \"นิว เมสซี่\" ไอ้หนู เคลาดิโอ เอเชเบร์รี สู้รั้ว \"เรือใบสีฟ้า\"

เป็นอีกครั้งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ด้วยการปิดดีลล่วงหน้าสอยของดีอย่าง เคลาดิโอ เอเชเบร์รี่ เด็กเทพจาก อาร์เจนติน่า ของสโมสร ริเวอร์ เพลท

ไอ้หนูวัย 18 รายนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เด็กเทพ" ที่น่าจับตามองมากๆ อีกคนในโลกลูกหนัง และหลายๆ ฝ่ายต่างก็ตั้งฉายาให้เขาว่า "ลิโอเนล เมสซี่ คนต่อไปของวงการ"

มันอาจจะไม่ได้ฟังดูว้าวเท่าไหร่ เพราะในอดีตที่ผ่านมาก็มีดาวรุ่งและนักเตะชื่อดังหลายคนที่ได้ชื่อว่าเป็น "นิว เมสซี่" แต่ก็ยังไม่มีใครที่ฉายแววได้โดดเด่นขนาดนั้น เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกกี่ปีกี่ชาติจะได้เจอกับ "ปีศาจ" ในคราบนักเตะเช่นเขา ทว่าบางทีมันก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับไอ้หนู เคลาดิโอ เอเชเบร์รี่ คนนี้ก็เป็นได้ 

โลกทุกวันนี้มันวิวัฒนาการไปไกลโดยเฉพาะเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ มีดาวรุ่งชื่อดังหลายคนที่แจ้งเกิดจนเป็นที่รู้จักก่อนที่จะก้าวสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เคลาดิโอ เอเชเบร์รี่ คนนี้

ย้อนกลับไปในปี 2017 ตอนที่ เอเชเบร์รี่ อายุ 11 ขวบชื่อของเขาได้กลายเป็นไรวัลในทัวร์นาเมนต์ วีไนซ์ แชมเปี้ยนส์ โทรฟี่ เป็นการแข่งขันฟุตบอลแบบ 7 คนซึ่งมีทีมดังๆ อย่าง แอตเลติโก มาดริด, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, ยูเวนตุส และ เชลซี เข้าร่วมด้วย

ไอ้เด็กคนนี้ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกทึ่งกับฟอร์มอันร้อนแรงที่เล่นหวดไป 9 ประตูจากการลงเล่น 6 นัด และมี 4 ประตูที่เกิดขึ้นในนัดเจอ ยูเวนตุส แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประทับใจ เพราะ ริเวอร์ เพลท จบด้วยการคว้าอันดับ 3

"เป็นเรื่องจริงที่เราไม่มีความสุขเลย เพราะเราต้องการคว้าแชมป์รายการนี้"

ความปรารถนาอันแรงกล้าและการโหยหาความสำเร็จของ เอเชเบร์รี่ ต่างจากเด็กคนอื่นหลายๆ คนในวัยเดียวกัน และนั่นก็เป็นปัจจัยสำคัญ เป็นแรงทะเยอทะยานที่ทำให้เด็กคนนี้มุ่งมั่นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

เคลาดิโอ เอเชเบร์รี่ เริ่มเล่นฟุตบอลโดยเรียนรู้ทักษะต่างๆ จากคนเป็นพ่อ และก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัวในการไล่ลาตาหาความฝัน เขาได้โอกาสครั้งแรกกับทีมในระดับท้องถิ่นอย่าง เดปอร์ติโว่ ลูยัน

ก่อนที่จะฉายแววได้ดีจนไปเตะตาทีมแมวมองของ ริเวอร์ เพลท ว่ากันว่าอดีตผู้อำนวยการอย่าง ดาเนี่ยล บริซูเอเล่ ถึงกับต้องเปิดปากตะโกนว่า "นี่ทักษะที่เหนือชั้น มีการตัดสินใจที่ดี เฉลียวฉลาด และมี คาแร็คเตอร์ ไอ้หนู เคลาดิโอ ดูจะเก่งกว่าเด็ก 10 ขวบคนอื่นๆ เลยนะ" ก่อนจะย้ายมาปลุกปั้นที่นี่และได้สัญญอาชีพในเวลาต่อมา

เคลาดิโอ เอเชเวร์รี่ ได้ฉายาว่า "เอล ดิอาบลิโต้" ซึ่งเป็นภาษาสเปน ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยความหมายของมันก็คือ "ลิตเติ้ล เดวิล" หรือ "ปีศาจตัวน้อย" โดยถูกตั้งตามอดีตนักเตะทีมชาติโบลิเวีย มาร์โก เอตเชเวร์รี่ ที่มีชื่อและนิคเนมคล้ายๆ กันนั่นก็คือ "เอล ดิอาโบล" ซึ่งถือเป็นนักเตะคนหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ในแถบอเมริกาใต้

ย้อนกลับไปเมื่อช่วง มีนาคม ปีที่แล้ว เอเชเบร์รี่ ได้โอกาสไปฝึกซ้อมกับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับทำศึก ฟุตบอลโลก ยู-17 และนั่นก็ทำให้เขาได้มีโอกาสพบปะกับไอดอลอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

หนึ่งในคนที่ต้องรู้สึกทึ่งและละสายตาจากเด็กคนนี้ไปไม่ได้เลยก็คือ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ได้พูดไว้ว่า "เขาดูดีเลย มีความเฉียบขาด เราจะจับตาดูเขาอย่างแน่นอน เขามีหลายสิ่งที่สามารถมอบให้ อาร์เจนติน่า ได้เลยนะ"

ประสบการณ์ ณ ตรงนั้นทำให้กุนซือของ ริเวอร์เพลท อย่าง มาร์ติน เดมิเคลิส เลือกส่ง เคลาดิโอ เอเชเบร์รี่ ลงประเดิมสนามให้ ริเวอร์ เพลท ชุดใหญ่ ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2023 และก็ทำได้ 1 แอสซิสต์ช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะ อินสติตูโต้ กอร์โดบา ไป 3-1 และได้ลงเล่นอีก 3 นัดหลังจากนั้นก่อนจบซีซั่นปี 2023

ทีมชาติอาร์เจนติน่า ยู-17 อาจจะต้องผิดหวัง อกหัก และชอกช้ำที่ต้องจอดป้ายในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ยู-17 ที่ อินโดนีเซีย ด้วยน้ำมือของ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ในช่วงการดวลจุดโทษ ซึ่งตัวของ เอเชเบร์รี่ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ยิงจุดโทษพลาดในวันนั้นด้วย

แต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่าไอ้หนู เคลาดิโอ เอเชเวร์รี่ คือหนึ่งในเด็กที่ผลงานโดดเด่นเข้าชั้นมหัศจรรย์ที่สุดในทัวร์นาเมนต์ เพราะนี่คนที่กดไป 5 ประตูจากการลงสนาม 6 นัด แน่นอนเกมที่ชวนเซอร์ไพรส์และน่าจดจำสุดๆ ก็คงไม่พ้นวันที่พา "ฟ้า-ขาว" จัดการยำใหญ่คู่ปรับตลอดกาลอย่าง บราซิล ไปกระจุยถึง 3-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เพราะเกมนั้นไอ้หนูรายนี้คือคนที่ทำแฮตทริกนั่นเอง

"ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในตัวเขาเกี่ยวกับพรสวรรค์ระดับสูงใน อาร์เจนติน่า เขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก เขามีทักษะชั้นสูง เลี้ยงไปกับบอลได้ดี, มีความคิดสร้างสรรค์, ยากต่อการคาดเดา และมีการจบสกอร์ที่เยี่ยม เขาเป็นผู้เล่นที่ต้องการบอลอยู่เสมอ" นี่คือคำพูดของ สกอตต์ คริสเตนเซ่น ผู้ที่เป็นผู้จัดการของ Transfermarkt ของ อาร์เจนติน่า และ อเมริกาใต้

เอฟเฟ็กต์หลังจากวันจบทัวร์นาเมนต์ทำให้ชื่อของ เคลาดิโอ เอเชเบร์รี่ กลายเป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น เรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, เบนฟิก้า รวมไปถึง บาร์เซโลน่า

ถึงปัจจุบันจะกลายเป็นเด็กในเครือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว แต่จริงๆ ความฝันของเด็กคนนี้ก็คือการย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า เพื่อเดินตามรอยไอดอลอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

"เช่นเดียวกับ ริเวอร์ เพลท นั่นแหละ ผมอยากเล่นให้ บาร์ซ่า นะ ผมเป็นแฟนตัวยงของ เมสซี่ ผมเคยดูเขาเล่นสมัยอยู่กับ บาร์เซโลน่า ดังนั้นนี่จึงเป็นทีมในฝันของผมตั้งแต่อายุยังน้อยมากๆ "

ชาบี เอร์นานเดซ ก็เคยเปิดปากชื่นชมเด็กคนนี้ว่า "นี่คือเด็กมากพรสวรรค์ การแฮตทริกใส่ บราซิล มันสุดยอดมาก เขาคือตัวสร้างความแตกต่าง แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทีมแมวมองและสโมสรต้องจัดการ"

แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ ของ บาร์เซโลน่า นั้นอยู่ในขั้นวิกฤต จะลงทะเบียนนักเตะแต่ละทีก็ต้องจัดการปัญหาเดิมๆ ให้ได้เสียก่อนไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเหนื่อยหรือปล่อยแข้งรายอื่นออกไป พวกเขาไม่สามารถใช้เงินได้สมกับการเป็น "เจ้าบุญทุ่ม" เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว

ถึงแม้ผลงานในระดับสโมสรจะยังจับต้องไม่ได้เท่าไหร่กับ ริเวอร์ เพลท เพราะได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 5-6 นัดเท่านั้น แต่ก็ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ใน อาร์เจนติน่า ถึง 2 ใบเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ผลงานกับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดเด็กนั้นถือว่าโหดมากๆ จากการซัลโวไป 13 ประตูจากการลงเล่น 22 นัด

หลังจบเกมนัดสุดท้ายที่เอาชนะ โรซาริโอ้ เซนทรัล 2-0 และได้แชมป์ เคลาดิโอ เอเชเบร์ร่า ได้ส่งสารถึงแฟนๆ ริเวอร์ เพลท ว่า "ตัวแทนของผมได้พูดคุยกับประธานสโมสรแล้ว ผมจะไม่ต่อสัญญาใหม่ แต่ผมจะอยู่ที่นี่ต่ออีก 1 ปีหรือไม่ก็ 6 เดือน" ก่อนจะมีการประกาศเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกิดขึ้น

เหตุผลที่เลือกมา แมนฯ ซิตี้ ว่ากันว่าอาจจะเป็นเพราะทีมในฝันอย่าง บาร์เซโลน่า ไม่ได้อยู่ในช่วงที่พร้อมจะเซ็นนักเตะคนก็ได้ตามต้องการ และที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ก็ดูจะเป็นแหล่งปลุกปั้นชั้นดีและทรัพยากรที่สมบูรณ์ มีนักเตะฝีเท้าเจ๋งๆ และกุนซือที่ขึ้นชื่อว่าเป็น นัมเบอร์ วัน ณ ตอนนี้อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ให้โอกาสและปั้นนักเตะเติบก้าวสู่คลาสระดับสูงมาแล้วหลายคน 

นี่คือคนที่สนับสนุนและมีส่วนช่วยให้ ลิโอเนล เมสซี่ กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง และการันตีได้ในเรื่องของความสำเร็จซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ตัวนักเตะอยู่แล้ว

เคลาดิโอ มีความอันตรายในเรื่องของการเลี้ยงบอล มีความเร็วและความคล่องตัวในระดับสูง สามารถเอาตัวรอดได้ดียามดวล 1-1 หรือโดนรุมประกบในพื้นที่ๆ ค่อนข้างจำกัด 

คอนโทรลบอลได้ดี มีวิสัยทัศน์และการเคลื่อนที่ๆ ดีเยี่ยมรวมไปถึงทักษะและสัญชาตญาณในการปิดสกอร์ จนหลายคนๆ ใน อาร์เจนติน่า มองว่านี่คือเด็กที่มีความมีความคล้ายกับ ลิโอเนล เมสซี่ ที่สุดแล้วซึ่งจะต่างกันแค่เรื่องเดียวก็คือ เมสซี่ ถนัดซ้าย ส่วนเด็กคนนี้ถนัดขวา

"ผมพูดอยู่เสมอว่าไอดอลของผมคือ เมสซี่ แต่ผมยังไม่ได้ใกล้เคียงกับเขาเลย จุดเด่นของผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความเร็ว ผมพยายามถึงบอลให้เร็วและมุ่งไปข้างหน้าต่อทันที" นี่คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเมื่อถูกถามว่า "ทำไมคนถึงมองว่าเราเป็น นิว เมสซี่ ?"

เป้าหมายต่อไปคืออะไร ? "ความฝันของผมคือการได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์ เพลท ซึ่งผมทำได้แล้ว ต่อไปก็คือการได้โอกาสเล่นกับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดใหญ่"

เดี๋ยวต้องมาติดตามดูกันว่าไอ้หนูคนนี้จะได้โอกาสก้าวขึ้นมาเล่นให้ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดใหญ่ทันตอนที่ ลิโอเนล เมสซี่ ยังอยู่หรือเปล่า ? ทว่าตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการรักษามาตรฐานและยกระดับตัวเองขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือกับ ริเวอร์ เพลท ก่อนจะไปเผชิญความท้าทายครั้งใหม่กับ แมนฯ ซิตี้

จริงๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เคยมีผู้เล่น อาร์เจนติน่า อยู่หลายคน และแต่ละคนต่างก็มีเส้นทางที่ดีทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ปาโบล ซาบาเลต้า, คาร์ลอส เตเวซ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ รวมไปถึง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ณ ตอนนี้

ดังนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ เคลาดิโอ เอเชเบร์รี่ จะไม่สามารถเดินตามรอยพวกเขาเหล่านี้ได้ หลังจากได้สร้างชื่อเอาไว้จนเป็นที่รู้จักแล้วในวัยเพียงแค่ 18 ปี พร้อมกับได้รับฉายาว่าเป็น "เดอะ ลิตเติ้ล เดวิล" และถูกมองไว้ว่าจะเป็น "นิว ลิโอเนล เมสซี่"

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline