logo-heading

ซึ่งนัดนี้ มีทั้งเรื่องดี และ เรื่องร้ายสำหรับสาวก เดอะ ค็อป เพราะต้องเสียตัวหลักเพิ่มไปอีก 2 คน จากอาการบาดเจ็บ ก่อนจะชิงถ้วย คาราบาว คัพ กับ เชลซี

แต่กระนั้น ลิเวอร์พูล ก็ได้ตัวหลัก หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาได้ทันเวลาพอดีเหมือนกัน นั่นคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่มีส่วนสำคัญกับการเก็บ 3 คะแนนนัดนี้ โดยหลังจบเกมมีประเด็นอะไรให้พูดถึงกันบ้าง เรามาติดตามกันได้เลยครับ

- นูนเญซ ชิพข้ามหัวแบบเวิลด์คลาส

ช่วงราวๆครึ่งทางของครึ่งแรก ถือว่ารูปเกมไม่ได้ขี่กันมาก เพราะถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะครองบอลได้มากกว่า และ พยายามโหมบุกเข้าใส่เพื่อหวังทำประตู แต่กระนั้นทาง เบรนท์ฟอร์ด ก็ตั้งรับกันเหนียวแน่น หวังใช้เกมโต้กลับ เล่นให้น้อยจังหวะมากที่สุด ไว้เป็นทีเด็ดเล่นงานฝั่งทีมเยือน

แต่กลายเป็นว่าจังหวะที่นักเตะ เบรนท์ฟอร์ด ขึ้นไปลุ้นทำประตูจากลูกตั้งเตะ กลับโดนทาง ลิเวอร์พูล ตัดบอลได้ และ ใช้ลูกโต้กลับเร็วเล่นงานทันที โดยเป็น ดิโอโก้ โชต้า โหม่งชงแบบหวานๆมาให้กับ นูนเญซ ได้วิ่งหลุดไปดวลเดี่ยวกับ มาร์ค เฟล็คเค่น ผู้รักษาประตู เบรนท์ฟอร์ด

ปกติแล้ว นูนเญซ จะเป็นสายบ้าพลัง ชอบจบสกอร์ด้วยการซัดเต็มข้ออยู่เสมอ ไม่ค่อยมีช็อตแตะหลบ หรือ ช็อตคลาสสิคอะไรให้เห็น แต่สำหรับ นูนเญซ ธรรมดาโลกไม่จำ เมื่อเขาหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงแบบชิพข้ามหัวผู้รักษาประตู เบรนท์ฟอร์ด เข้าไปแบบเหนือชั้น เรียกว่าน้ำหนักชั่งมาตั้งแต่เช้า ย้อยเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น เป็นประตูที่ 9 ของเจ้าตัวแล้ว ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้

- ชัยชนะที่เต็มไปด้วยความเสียหาย

ถึงแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะเก็บ 3 คะแนน และ สามารถยึดตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปได้ แต่กระนั้นต้องแลกมากับความเสียหายอันใหญ่หลวง เพราะต้องเซ่นผู้เล่นคนสำคัญถึง 2 คน จากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งแรก และ ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามทันที

คนแรก เคอร์ติส โจนส์ กองกลางคนสำคัญ ที่ลงเป็นตัวจริงแทบทุกนัดในซีซั่นนี้ ก็ไปบาดเจ็บจากการทุกแซะเข้าด้านหลัง ซึ่งเจ้าตัวพยายามจะลุกมาเล่นต่อแล้ว แต่ไม่ไหวจริงๆ ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 34 และ ส่ง ไรอัน กราเฟนแบร์ค ลงมาเล่นแทน

จากนั้น 10 นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล มาเจอข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อมีนักเตะคนสำคัญอีกราย ต้องออกจากสนาม เพราะอาการบาดเจ็บ โดยคราวนี้เป็น ดิโอโก้ โชต้า หัวหอกฟอร์มฮอต ที่เพิ่งได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเดือนมกราคม ไปครอง หลังเกิดปัญหาเดี้ยงที่ต้นจา จากการโดน คริสเตียน นอร์การ์ด ทิ้งตัวลงมาทับ ถึงขันเล่นต่อไม่ไหว โดนหามเปลออกจากสนามไปเลย

ด้วยอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นล้วนสำคัญทั้งนั้น เพราะสัปดาห์หน้า ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมสำคัญรออยู่ นั่นคือการชิงแชมป์ คาราบาว คัพ พบกับ เชลซี และ ไม่รู้ว่าทั้ง 2 คน จะเดี้ยงหนักขนาดไหน ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจถอด ดาร์วิน นูนเญซ ออกจากสนามช่วงพักครึ่งทันที เพราะ นูนเญซ รู้สึกเหมือนมีอาการบาดเจ็บ เช่นกัน จึงตัดสินใจเปลี่ยนออก และส่ง โคดี้ กัคโป ลงมาเล่นแทน 

- ซาลาห์ มาทันเวลาพอดี !!

เธอมาได้ทันเวลาพอดี อย่างกับรู้ใจ !! เพลงนี้ดังขึ้นมาในหัวเลยครับ เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จัดการซัดประตูที่ 3 ให้กับ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ เบรนท์ฟอร์ด เป็น 3-0 เพราะในช่วงที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปวดหัวกับอาการบาดเจ็บของนักเตะ ก็ได้ บังโม นี่แหละครับ สลัดปัญหาเดี้ยง กลับมาช่วยทีมได้แบบพอดิบพอดี

จริงๆแล้ว คล็อปป์ คงวางพล็อตเรื่องให้ ซาลาห์ ลงมาเคาะสนิมในช่วงครึ่งหลัง แต่ด้วยความที่ทั้ง โจนส์ และ โชต้า บาดเจ็บ เลยจำเป็นต้องส่ง ซาลาห์ ลงสนามมาตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งดูจากการวิ่ง การปะทะกับกองหลัง ก็กราบเรียนกันตามตรงว่า ซาลาห์ แทบจะฟิตสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

ถึงแม้จะมีช็อตที่หลุดเข้าไปลุ้นทำประตู เพราะแตะยาวจนหมดช่องยิง แต่กระนั้น 2 ประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ ก็มาจากการทำ 1 แอสซิสต์ และ ยิงอีก 1 ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำให้ตอนนี้ ซาลาห์ ซัดไปแล้ว 15 ประตู พร้อมทำอีก 9 แอสซิสต์ และ ตามไล่บี้ลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เหมือนเดิม

- ตัวเจ็บ ลิเวอร์พูล เยอะแค่ไหน ?

เก็บ 3 แต้มนัดนี้ รักษาจ่าฝูงต่อไป นับเป็นโมเมนตั้มที่ดีสำหรับ ลิเวอร์พูล ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ แต่เรื่องที่น่ากังวลก็คือ อาการบาดเจ็บ !! เพราะนัดนี้ต้องสังเวยไปถึง 2 คน ได้แก่ เคอร์ติส โจนส์ กับ ดิโอโก้ โชต้า

ทำให้ 2 นักเตะรายนี้ เข้าไปอยู่ในลิสต์โรงพยาบาล ร่วมกับ อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โดมินิค โซบอสไล, ติอาโก้ อัลคันตาร่า, โจเอล มาติป และ สเตฟาน บายเซติค ถือว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่รบกวนหัวใจก่อนเจอกับ เชลซี จริงๆ

ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้ว จะมีใครหายเจ็บกลับมาทันเวลาพร้อมช่วย ลิเวอร์พูล บ้าง แต่ๆที่แน่ๆคือจะไม่มี  เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แน่นอนแล้ว เพราะต้องพักเกือบๆ 1 เดือน ขณะที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต่อให้หายกลับมา แต่รายการ  คาราบาว คัพ เป็นหน้าที่ของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ อยู่แล้ว

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline